ภาครัฐเตรียมคลายล็อกบ้าง ด้านเอกชนอีสานเห็นด้วย เพราะห่วงปากท้องรายย่อย “หัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ” เผยโคราชเตรียมเปิดตลาดนัด ชี้ภาครัฐต้องรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพประชาชนและเศรษฐกิจ ด้าน “วิฑูรย์ กมลนฤเมธ” เตือนคลายล็อกแล้วห้ามละเลย โควิดจะกลับมา

เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ หลายจังหวัดตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาครัฐเล็งเห็นการคลายล็อกบางมาตรการ เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า และสวนสาธารณะ ซึ่งในประเด็นนี้ นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน เปิดเผยกับ “โคราชคนอีสาน” ว่า “ล่าสุดโคราชจะมีการคลายล็อกตลาดนัด เพื่อให้ผู้ค้ารายย่อยได้กลับมาค้าขายบ้าง ซึ่งตรงนี้เป็นมาตรการที่ดี โดยจะจำกัดให้จำหน่ายสินค้าเพียงบางประเภท เช่น สินค้าสด สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องครัว สินค้าทำความสะอาด และสินค้าเกี่ยวกับศาสนา เพราะในห้างก็เปิดให้ขายสินค้าบางชนิดอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมด้วย จึงต้องเปิดให้ประชาชนหรือผู้ค้ารายย่อยได้ออกมาค้าขายกันบ้าง 

สำหรับเรื่องร้านอาหารก็ยังต้องซื้อกลับไปทานที่บ้าน รวมถึงร้านตัดผม ต้องรอมติของ ครม.ว่าจะให้ดำเนินการได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้ โคราชยังมีการคลายล็อกในส่วนของสวนสาธารณะบางแห่ง ให้ประชาชนสามารถไปออกกกำลังกายได้ โคราชเองไม่ได้มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงมาก แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมา ๑ ราย แต่รายนี้ก็เป็นผู้ที่รับเชื้อมาจากต่างจังหวัด เมื่อพบเชื้อก็สามารถควบคุมได้ทันที ดังนั้น มาตรการคลายล็อกถือเป็นเรื่องที่ดี และผมก็เห็นด้วยที่จะทำ”

“วันนี้ทุกฝ่ายจะต้องรักษาสมดุลของสุขภาพประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ หากล็อกมาตรการมากเกินไป โดยคำนึงถึงสุขภาพประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกันประชาชนที่หาเช้ากินค่ำก็จะไม่มีเงินเก็บ หรือบางคนเงินหมดแล้วก็มี หากไม่กลับมาทำมาหากินอีก แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไร ตรงนี้เป็นการรักษาสมดุลของสุขภาพประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ หากสถานการณ์ของโรคในประเทศไทยมีความรุนแรงน้อยลง ก็ควรจะคลายล็อกบ้าง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคลายล็อกแล้วก็ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อด้วย หน้ากากอนามัยก็ยังต้องใส่อยู่ ในส่วนของตลาดนัดก็ต้องมีมาตรการด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง การบังคับให้เข้าทางเดียวออกทางเดียว”

นายหัสดิน กล่าวอีกว่า “คนโคราชต้องอดทนกับโรคโควิด-๑๙ รอให้ผ่านไปก่อน เพราะบางคนก็เรียกร้องให้คลายล็อกเร็วๆ แต่เราจะต้องรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ ถึงแม้เราจะคำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจ แต่เรื่องที่มาเป็นอันดับหนึ่งยังคงเป็นเรื่องของสุขภาพประชาชน ถ้าความรุนแรงของโรคลดลง ถึงตอนนั้นก็อาจจะคลายล็อกได้เป็นขั้นๆ ไป ซึ่งการที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับการที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและเร็ว เพราะสาธารณสุขบ้านเราจะรับไม่ไหว เพราะนอกจากจะต้องรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ แล้ว ทุกวันนี้หมอก็ยังต้องรักษาโรคทั่วไปอยู่ ฉะนั้นคนที่เรียกร้องให้ปลดล็อกมาตรการโดยเร็ว ต้องมองจุดนี้ด้วย หากโรคย้อนกลับมา เราอาจจะรับมือไม่ไหว”

ในขณะเดียวกัน นายสิทธิพล สุทธิศักดิ์ภักดี ประธานหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า “ชัยภูมิปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อ ๔ ราย ซึ่ง ๓ ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากกรุงเทพฯ และอีกหนึ่งรายเป็นผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจากกรุงเทพฯ กลับมาที่ชัยภูมิ แต่เมื่อตรวจพบเชื้อจึงนับเป็นรายที่ ๔ โดยจังหวัดชัยภูมิไม่มีการติดเชื้อภายในจังหวัด ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (๒๙ เมษายน ๖๓) กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้า โรงแรม และห้างสรรพสินค้า จะมาประชุม โดยแต่ละแห่งจะทำแผนมาตรการป้องกันมา เพื่อนำไปเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคของจังหวัด ทั้งนี้ ก็ต้องรอดูมติคณะรัฐมนตรีว่า จะมีแนวทางอย่างไร จริงอยู่ที่แต่ละจังหวัดมีอำนาจในการตัดสินใจเอง แต่เราก็ต้องการที่จะทำตามแนวทางความปลอดภัยของรัฐบาล สุขภาพของประชาชนต้องมาก่อน เพราะอย่างไรแล้ว เศรษฐกิจมันแย่อยู่แล้ว ดังนั้น ต้องให้โรคหายไปอย่างแน่นอนก่อน ดีกว่าจะทำเศรษฐกิจแล้ว ต้องมานับหนึ่งใหม่อีกในภายหลัง”

“สำหรับธุรกิจที่ต้องการให้คลายล็อกก่อนนั้น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เขาก็มีการค้าขายปกติอยู่แล้วในบางแผนก หากจะให้ห้างฯ เปิด แล้วมีข้อกำหนดว่า ในพื้นที่ ๒,๐๐๐ ตารางเมตร ให้เปิดบริการเพียง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ผมว่า พื้นที่อีก ๑,๐๐๐ ตารางเมตรที่ปิดอยู่ไม่ได้มีผลอะไรกับการแพร่เชื้อ ซึ่งถ้าเปิดพื้นที่ทั้งหมด ถือเป็นข้อดีกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจาก เมื่อมีพื้นที่กว้าง ลูกค้าที่มาก็จะไม่ต้องแออัด พื้นที่ในการเว้นระยะก็จะเพิ่มมากขึ้น และทุกห้างก็เตรียมมาตรการไว้อย่างเต็มที่ ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ค้ารายย่อยที่ต้องปิดกิจการไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งถ้ารัฐบาลให้คลายล็อกผู้ค้าในกลุ่มนี้ได้ ก็จะลดค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐจะต้องเสียไปด้วย และร้านค้าขนาดเล็กที่ไม่ติดเครื่องปรับอากาศ น่าจะให้เปิดได้” นายสิทธิพล กล่าว

ด้านนายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “สำหรับจังหวัดขอนแก่น ใช้ประกาศจังหวัดฉบับที่ ๑๒ ซึ่งระบุว่า จะใช้ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ถ้าจะมีการต่อก็ต้องมีประกาศออกมาภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากจังหวัดขอนแก่นอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน ๑๔ วัน ซึ่งในกลุ่มนี้รัฐบาลเห็นว่า อาจจะต้องไปคลายล็อกกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งสำหรับผมแล้ว การคลายล็อกทุกอย่าง ยังทำไม่ได้แน่นอน อย่างที่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เมื่อเขาคลายล็อกแล้ว กลับมีการติดเชื้อเพิ่มอีกครั้ง และยังควบคุมได้ยากกว่าครั้งก่อน ดังนั้นต้องมีการคลายล็อกเพียงบางกลุ่ม บางอาชีพที่มีความเสี่ยงน้อย ต้องเป็นอาชีพที่เป็นของผู้มีรายได้น้อย เพราะคนกลุ่มนี้เขาทำมาหากินแบบหาเช้ากินค่ำ และได้รับผลกระทบจากมาตรการที่ผ่านมาอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคลายล็อกแล้วก็ต้องมีการดูแลหรือการป้องกัน ห้ามละเลยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เชื้อโควิดย้อนกลับมาอีกครั้ง”

นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ เจ้าของโรงแรมปัญจดารา และโรงภาพยนตร์ไฟว์สตาร์ มัลติเพล็กซ์ เปิดเผยว่า “ตราบใดที่โลกยังไม่มียารักษาโรคไวรัสชนิดนี้ โรคนี้ก็จะไม่มีทางหายไป แม้จะมียารักษาแล้ว ก็ยังเป็นโรคที่จะอยู่กับมนุษย์ไปอีกนาน ซึ่งโคราชมาถึงจุดสูงสุดสำหรับผู้ติดเชื้อแล้ว ที่เรานับกัน ๑๙ รายนั้น เรานับเหมือนกีฬา คือนับสถิติ แต่ความจริง ขณะนี้เรามีผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาอยู่เพียง ๖ คน หลังจากนี้เราก็จะมานั่งลุ้นเหมือนกีฬา ลุ้นว่าจะมีสถิติเพิ่มหรือไม่ สำหรับโรคโควิด-๑๙ ถือเป็นโรคใหม่ ไม่มียารักษา วิธีการที่ดีที่สุดจึงเป็นการป้องกันตัวเอง เช่น ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และใช้ช้อนฉัน ดังนั้น หากไม่คลายล็อกมาตรการต่างๆ คนก็จะอดตายกันหมด ส่วนไหนที่ท่านผู้ว่าฯ สามารถทำได้ ท่านต้องคลายล็อกบ้าง โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย ควรจะคลายล็อกก่อน รวมถึงธุรกิจของผู้ค้ารายย่อย เช่น ค้าขาย เราต้องช่วยไม่ให้พวกเขาไม่อดตาย แต่พวกธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงก็เว้นระยะออกไปก่อน เช่น โรงภาพยนตร์ ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ ยังมองว่า มีความเสี่ยงอยู่ อะไรที่พอจะทำได้ก็ทำไปก่อน คลายล็อกไปก่อน”

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๒๕ วันพุธที่ ๒๙ เมษายน - วันอังคารที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓