27thApril

27thApril

27thApril

 

May 29,2020

บุคลากรการแพทย์ชูป้าย ปกป้องผอ.รพ.ขอนแก่น โดนร้องรับเงินบริษัทยา

 

บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น รวมตัวชูป้าย “SAVE หมอชาญชัย” ผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่น หลังถูกตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ส่งบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า ๕% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาล อ้างกระบวนการสอบสวนชวนสงสัย

เมื่อเวลา ๑๖.๐๐ น. วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น นำแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นเกือบ ๕๐ คน ร่วม ชูป้ายข้อความ “SAVE หมอชาญชัย ขอเรียกร้องกระบวนการสอบสวนที่ไม่เป็นธรรม บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น” พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ต่อนายวรทัศน์ ธุลีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

 

 

พญ.กนกวรรณ ศรีรักษา ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทางกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือเลขที่ สธ ๐๒๑๗/ว๑๒๘ ลงวันที่ ๒ มี.ค.๒๕๖๑ แจ้งเรียนถึงนายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยมีเนื้อหาแจ้งเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรี ที่ได้มีมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งในรายละเอียดมีข้อ ๑.๓.๑ ห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ ค่าตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการสถานพยาบาล ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลขอนแก่นทุกคนต่างรับทราบและสนองนโยบายดังกล่าวของภาครัฐ โดยมอบหมายให้รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ส่งหนังสือแจ้งเวียนไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโรงพยาบาลขอนแก่นทุกกลุ่มงานทั้งหมดให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
“ต่อมามีหนังสือคำสั่งเลขที่ สธ.๑๑๖๑/ ๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๔ ต.ค. ๒๕๖๒ และหนังสือ เลขที่ สธ.๐๒๑๗/๔๙๓๔ ลงวันที่ ๑๓ พ.ย.๒๕๖๒ ขอความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ร้องเรียน ไม่ระบุชื่อ โดยใช้สรรพนามว่า ‘ข้าราชการเกษียณ โรงพยาบาลขอนแก่น’ กล่าวหาว่า นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและผิดระเบียบของทางราชการ โดยมีประเด็นหลักในการร้องเรียนคือ เรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า ร้อยละ ๕ เข้าบัญชีกองทุนพัฒนาโรงพยาบาลขอนแก่น ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๑-ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่ง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ได้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความบริสุทธิ์ในประเด็นดังกล่าวที่ถูกร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมพยานหลักฐานต่างๆ เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๓ เรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่ารองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังได้มีหนังสือเลขที่ สธ.๕๓๒/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๗ พ.ค.๒๕๖๓ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น อีกครั้ง ทำให้ทางองค์กรแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสหวิชาชีพโรงพยาบาลขอนแก่น มีความสงสัยและตั้งข้อสังเกตว่า ในกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริง รวมถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง มีความซ้ำซ้อน ตลอดทั้งมีพฤติการณ์น่ากังขาและไม่เป็นธรรมอยู่หลายประเด็น ทำให้ในวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลขอนแก่นได้นัดรวมตัวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่เป็นธรรมและโปร่งใสตรวจสอบได้” พญ.กนกวรรณ กล่าว

 

 

พญ.กนกวรรณ กล่าวอีกว่า “บุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลขอนแก่นที่เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องในวันนี้เนื่องจากต้องการเรียกร้องกระบวนการสอบสวนกรณีที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นถูกกล่าวหา ให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ เนื่องจากมีความกังวลว่าจะโดนกลั่นแกล้ง สืบเนื่องจากมีคนส่งบัตรสนเท่ห์ไปที่กระทรวงฯโดยกล่าวหาว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น สั่งให้มีการเรียกรับเงิน ๕% จากบริษัทยาและร้านค้าต่างๆ ทั้งๆ ที่มีคำสั่งจากกระทรวงสาธารณสุขให้ยุติการรับเงินในส่วนนี้ และทางโรงพยาบาลฯ ก็ขานรับนโยบายดังกล่าว ซึ่งเรามองว่าผู้ที่ร้องเรียนนั้น ร้องเรียนด้วยบัตรสนเท่ห์ และไม่มีการลงชื่อว่าเป็นใคร ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ถูกร้องเรียนอยู่แล้ว ต่อมาในกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงทราบว่า ผู้ที่มาสืบนั้นไม่มีการเรียกพยานที่เกี่ยวข้องรอบด้านมากพอ เรียกเฉพาะฝ่ายการเงิน ๓ คน มาให้ข้อมูล และมีเหตุให้สงสัยว่า ผู้ที่ส่งหนังสืออาจจะเป็นฝ่ายการเงินก็ได้ รวมทั้งประธานคณะกรรมการที่มาสืบสวนข้อเท็จจริงนั้นเป็นกลุ่มแพทย์ชนบทที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับ นพ.ชาญชัย มาก่อนหน้านี้ในเรื่องการโยกย้าย”

 

 

“เราเคยออกมาแสดงสัญลักษณ์คัดค้านการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ทุกคนต้องการคัดค้านอีกครั้ง เนื่องจากมองว่าไม่เป็นธรรม การสืบสวนหาข้อเท็จจริงควรมีการสืบสวนหาหลักฐานเชิงประจักษ์ให้ได้มากที่สุดและมีข้อเท็จจริง ซึ่งข้อกล่าวหาที่ผู้อำนวยการฯ โดนนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงจนถึงขั้นออกจากราชการและต้องรับโทษจำคุก เพราะฉะนั้นหลักฐานที่ได้จากการสืบสวนหาข้อเท็จจริง ต้องเป็นหลักฐานที่เป็นเชิงประจักษ์ได้ข้อเท็จจริง เช่น หลักฐานทั้งหนังสือคำสั่ง หรือวาจาคำพูดที่ผู้อำนวยการฯ สั่งให้มีการรับเงิน ที่สำคัญก็ไม่มีบริษัทยาใดมาร้องเรียนว่าผู้อำนวยการฯ เรียกรับเงิน” พญ.กนกวรรณ กล่าว

 

 

พญ.กนกวรรณ กล่าวท้ายสุดว่า “เรื่องนี้ไม่เป็นธรรม และในอนาคตหากมีคนต้องการกลั่นแกล้งบุคลากร เพียงแค่ส่งบัตรสนเท่ห์ใบเดียว ไม่มีข้อมูลผู้ร้อง ก็ทำได้ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เมื่อผลสอบออกมาว่าไม่มีความผิด แต่กระบวนการสอบสวนก็ได้ใช้เวลาไปนาน ชื่อเสียงที่เสียไป ความทุกข์ที่ได้ ก็เกิดขึ้นไปแล้ว จึงต้องการออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่เป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องโดนสอบสวนแบบไม่เป็นธรรมอีก”

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๒๙ วันพุธที่ ๒๗ เดือนพฤษภาคม - วันอังคารที่ ๒ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓


709 1344