6thMay

6thMay

6thMay

 

June 15,2020

กบฏศิลา

นายศิลา วงศ์สิน หรือ ลาด ละคร เป็นคนสกลนคร มาตั้งรกรากอยู่ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เคยบวชเรียนมาก่อน มีอาชีพเป็นหมอพื้นบ้าน เข้าทรง และใช้เวทย์มนต์รักษา ในจำนวนนี้มีนางประกายแก้วเจ็บป่วยได้มารักษา เมื่อหาย นายศิลาได้แต่งงานกับนางประกายแก้ว 

 

ในหนังสือนิทานโบราณคดี พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เล่าถึงเรื่องผีบุญ ซึ่งเกิดขึ้นในมณฑลอีสานว่า มีคำพยากรณ์ว่าถึงกลางเดือน ๖ ปีฉลู (พ.ศ.๒๔๔๔) จะเกิดเภทภัยใหญ่หลวง เงินทองจะกลายเป็นกรวดทราย กรวดหินจะกลายเป็นเงินทอง หมูก็จะกลายเป็นยักษ์กินคน แล้วท้าวธรรมิกราชผีบุญ (ผู้มีบุญ) จะมาเป็นใหญ่ในโลกนี้ ใครอยากมั่งมีก็ให้เก็บก้อนกรวดก้อนหินไว้ให้ท้าวธรรมิกราชชุบเป็นเงินเป็นทอง ปรากฏว่ามีพวกราษฎรตามเมืองต่างๆ ในมณฑลอีสานพากันเชื่อ เมื่อมีคนที่เคยบวชทำตัวเป็นคนถือศีลภาวนานุ่งขาวห่มขาวใช้คาถาอาคมเสกเป่าให้คนนับถือ ราษฎรสำคัญว่าเป็นผู้วิเศษ ก็พากันเข้าไปขอให้ช่วยเหลือและสมัครเป็นพรรคพวกติดตามผู้วิเศษนั้นก็มี ผู้วิเศษนั้นก็จะแสดงตนว่าเป็นท้าวธรรมิกราชผีบุญที่จะมาดับยุคเข็ญตามคำพยากรณ์

 

เมื่อพิเคราะห์เรื่องผีบุญในหนังสือนิทานโบราณคดีนี้ อาจมีอิทธิพลต่อนายศิลาที่คิดว่าตนเป็นผู้มีบุญมาเกิดเป็นท้าวธรรมิกราช ซ้ำยังอ้างตัวว่า เป็นพระศรีอาริยเมตไตรย แต่นายมีคนใกล้ชิดนายศิลาคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า นายศิลาเคยบอกบอกว่า ตนเป็นพระศรี หาเหตุมาแก้ปัญหาในชาตินี้ ชาติหน้าจึงจะเป็นพระศรีอาริย์ นอกจากนี้ยังอ้างตัวเป็นรัชกาลที่ ๕ มาเกิดอีกด้วย

 

ต่อมานายศิลาได้ชักชวนผู้คน ไปหาของทิพย์กินข้างหน้า ตั้งต้นชีวิตใหม่คือเมืองปางเวร ซึ่งเป็นที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องอดอยากแร้นแค้น เพื่อใช้เวรกรรมที่ทำไว้ให้หมดไป ปรากฏว่า มีคน ๑๕๐ กว่าคนหลงเชื่อ และได้พากันร่วมอพยพไปกับนายศิลา ออกเดินทางจากอำเภอพิบูลมังสาหารจนมาถึงบริเวณบ้านใหม่ไทยเจริญ ตำบลสารภี อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา (ปัจจุบันอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอหนองบุญมาก) จึงได้ปักหลักตั้งถิ่นฐาน นายศิลาตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อผู้ใหญ่บ้านและทางราชการ และบอกผู้ติตามว่าผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือตำรวจ ไม่สามารถทำอะไรตนเองได้ เพราะตนมีเวทย์มนต์เป็นผู้วิเศษ ซึ่งสานุศิษย์ต่างหลงเชื่อและศรัทธาพร้อมจะยอมพลีทำตามคำสั่ง 

 

 

เมื่อนายลิศ พุกกะรัตน์ นายอำเภอโชคชัย ทราบข่าวจึงพร้อม ร.ต.อ.ประเสริฐ สุนทรเสรี    ผู้บังคับกองตำรวจโชคชัย นายเทพ หาญณรงค์ ปลัดอำเภอ นายหวล แก่นกระโทก ป่าไม้อำเภอ นายฉ่ำ สุขกระโทก ผู้ใหญ่บ้าน นายผ่อง เกณฑ์กระโทก ครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล และชาวบ้านอีก ๓ คน ไปตรวจสอบยังท้องที่บ้านใหม่ไทยเจริญในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๐๒ พบว่า นายศิลามีพฤติการณ์ดื้อแพ่งแข็งข้อต่อทางการ จึงเชิญตัวไปที่ว่าการอำเภอ แต่นายศิลาขัดขืนจึงเข้าจับกุม นายศิลาได้ร้องบอกสมัครพรรคพวกให้ช่วย ลูกสมุนต่างกรูกันเอามีด พร้า กระบอง และอาวุธเท่าที่หาได้ เข้ารุมต่อสู้ทำร้ายนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่า นายอำเภอกับพวกเสียชีวิต ๕ คน นายเทพกับชาวบ้าน ๓ คนหนีรอดมาได้ จากนั้นพวกนายศิลานำเอาศพไปกองไว้ที่ลานกลางบ้าน แล้วโห่ร้องไชโยแสดงความยินดีที่ปราบมารได้

 

เมื่อทางจังหวัดได้รับรายงาน ได้ส่งกำลังตำรวจเข้าทำการปราบปราม ปรากฏว่า สมุนของนายศิลาตายไปประมาณ ๑๒ คน ส่วนนายศิลาและนางประกายแก้วภรรยา พร้อมด้วยพรรคพวกจำนวนหนึ่งหนีไปได้

 

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นว่า นายศิลาเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจรัฐและแผ่นดินในฐานะที่เป็นกบฏหรือที่เรียกว่า “กบฏผีบุญ” จึงสั่งการเร่งรัดให้ไล่ล่านายศิลากับพวกให้ถึงที่สุด ต่อมาในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๐๒ นายศิลากับพวกได้ถูกทางการลาวจับตัวได้ที่ช่องเม็ก (เขตแดนลาวติดกับอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี) แล้วนำตัวส่งให้ทางการไทย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้สอบสวนด้วยตัวเองแล้วได้ใช้อำนาจในมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๐๒ ประหารชีวิต นายศิลา วงศ์สิน โดยการยิงเป้า ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๐๒ ที่ป่าช้าจีน (สุสานมูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊งหรือสว่างเมตตาธรรมสถาน) ตำบลหัวทะเล อำเภอเมืองนครราชสีมา ส่วนสมุนของนายศิลาถูกตัดสินจำคุกบางรายถูกจำคุกตลอดชีวิต

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๑๘ วันพุธที่ ๔ - วันอังคารที่ ๑๐ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓


703 1,369