29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

October 22,2020

ธอส.เปิดยุทธศาสตร์ปี ๖๔-๖๕ ย้ำเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อบ้าน พร้อมขายสลากชุด‘เกล็ดดาว’

แผนยุทธศาสตร์ ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ มุ่งดำเนินการตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย พร้อมยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform เพื่อรองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารได้สะดวก รวดเร็ว 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ ธอส. ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ว่า ธนาคารยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” รักษาความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยการมีสินเชื่อคงค้างจำนวน ๑ ใน ๓ ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งระบบสถาบันการเงิน โดยล่าสุด ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว ๑๕๖,๖๕๐ ล้านบาท  และมั่นใจว่า จะทำได้ตามเป้าหมายปี ๒๕๖๓ ที่ ๒๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนคืออัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เป็นโอกาสของประชาชนที่รายได้ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้มีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ขณะที่ในปี ๒๕๖๔ ธอส. ยังคงตั้งเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ ๒๑๕,๖๔๑ ล้านบาท และเพิ่มเป็น ๒๒๒,๑๑๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๕ หรือเพิ่มขึ้นปีละ ๓% ตามลำดับ ด้วยสินเชื่อคงค้างในปี ๒๕๖๔ ที่ ๑.๓๗๔ ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น ๑.๔๔๔ ล้านล้านบาท ในปี ๒๕๖๕ โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับการให้บริการลูกค้าขึ้นสู่ Digital Platform เพื่อรองรับการเป็น Digital Bank ในอนาคต อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของธนาคาร เพื่อดึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำลงอีก โดยตั้งเป้าหมายให้มี Digital Transaction ไม่ต่ำกว่า ๘๐% ของจำนวน Transaction ทั้งหมดในปี ๒๕๖๕ ด้วยแผนงาน/โครงการสำคัญที่สนับสนุนการเป็น Digital Bank ประกอบด้วย

๑.โครงการ New Normal Services พัฒนาบริการใหม่ของธนาคารบน Mobile Application : GHB ALL เพื่อรองรับ Lifestyle ลูกค้าแบบ New Normal ตามที่ธนาคารได้เปิดให้บริการใน Phase ที่ ๑ จำนวน ๖ บริการไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย ๑.ซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ให้บริการได้ทั้งการซื้อสลากครั้งแรกหลังเปิดบัญชีสลากที่สาขา หรือลูกค้าเดิมที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม รวมถึงสลากออมทรัพย์ชุดใหม่ล่าสุด “ชุดเกล็ดดาว” หน่วยละ ๕,๐๐๐ บาท แต่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลมากยิ่งขึ้น โดยรางวัลที่ ๑ มีมูลค่าสูงถึง ๑ ล้านบาท รวมถึงยังมีรางวัลเลขท้าย ๒ ตัว เลขท้าย ๓ ตัว และรางวัลเลขสลับเลขท้าย ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ซื้อครั้งแรกภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ๒.ขอ Statement บัญชีเงินฝาก สำหรับลูกค้าที่ต้องการนำข้อมูลบัญชีประเภทออมทรัพย์ไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาในการอนุมัติธุรกรรมต่างๆ ตามที่ต้องการ ๓.จองคิว ใช้บริการล่วงหน้า เพื่อไปรอรับบริการที่สาขาในวันเวลาที่นัดหมายได้ทันที ๔.ใบเสร็จชำระเงินกู้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนรูปแบบเดิมที่เป็น กระดาษและจัดส่งทางไปรษณีย์ ๕.ชำระเงินดาวน์ทรัพย์ NPA โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา และ ๖.แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเปลี่ยนแปลงที่อยู่จัดส่งเอกสาร/การติดต่อกับธนาคารเพื่อไม่ให้พลาดการติดต่อหรือรับข้อมูลสำคัญจากธนาคาร และจะเปิดให้บริการใน Phase ที่ ๒ ในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ อาทิ เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ขอหนังสือรับรองภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ขอหนังสือรับรองภาษีดอกเบี้ยเงินกู้ แจ้งความประสงค์กู้เพิ่ม 

๒.โครงการ Tollway Loan Plus เป็นการยกระดับความร่วมมือกับฝ่าย HR ของบริษัทหรือหน่วยงานที่มีสวัสดิการเงินกู้กับธนาคารจะเป็นผู้ส่งข้อมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งรายได้ หลักฐานส่วนตัว และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการยื่นกู้ให้แก่พนักงานที่ประสงค์ยื่นกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยกับธนาคาร โดยที่พนักงานไม่ต้องลางาน เพื่อเดินทางไปติดต่อยื่นเรื่องกู้ที่สาขาธนาคาร หลังจากนั้นธนาคารจะเป็นผู้ติดต่อและสัมภาษณ์ข้อมูลรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อทางโทรศัพท์ต่อไป และเดินทางเข้ามาธนาคารเพียงครั้งเดียวเพื่อทำสัญญาภายหลังได้รับแจ้งอนุมัติสินเชื่อแล้วเท่านั้น และ ๓.โครงการ Virtual Branch หน่วยบริการสินเชื่อไร้ที่ทำการ โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา แต่ยังคงได้รับบริการเสมือนอยู่ที่สาขา 

“ขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้แก่ผู้บริหารและพนักงานให้สามารถทำงานภายใต้การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Digital Bank สร้างสรรค์ทัศนคติด้านบวกและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันตามโครงการ GHB 1 TEAM รวมถึงจัดทำโครงการ Digitizer พัฒนาระบบการอนุมัติและจัดการเอกสารในลักษณะ Workflow โดยสร้างแบบฟอร์มต่างๆ ผ่านระบบดิจิทัล ลดขั้นตอนการทำงานลดการใช้กระดาษ เป็นต้น” นายฉัตรชัย กล่าว

ทั้งนี้ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของธนาคาร ทำให้ปัจจุบันธนาคารยังคงสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีความพร้อมในการเผชิญกับปัญหาต่างๆ โดย ณ เดือนสิงหาคม ๒๕๖๓ เทียบกับ ณ สิ้นปี ๒๕๖๒ ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น ๑,๒๗๓,๔๐๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕.๓๐% สินทรัพย์รวม ๑,๓๕๑,๑๐๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๘.๕๕% เงินฝากรวม ๑,๑๑๐,๔๑๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๑.๗๔% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน ๕๑,๕๕๙ ล้านบาท คิดเป็น ๔.๐๕% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี ๒๕๖๒ จำนวน ๒,๐๔๔ ล้านบาท

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๕๐ วันพุธที่ ๒๑ - วันอังคารที่ ๒๗ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓


688 1342