29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

November 14,2020

บุกศูนย์ดำรงธรรม อ้างลูกนักการเมืองตุ๋น เชิดเงินกู้หนีกว่าล้าน

แห่เข้าร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือ หลังโดนนายหน้าเงินกู้เชิดเงินหนี รวมกว่า ๑ ล้านบาท ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่รู้จักกัน ด้านตำรวจแนะเข้าข่ายความผิดฐานกู้ยืม   อันเป็นการฉ้อโกง ให้นำหลักฐานมาแสดงและเข้าแจ้งความ

เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. ที่ ศูนย์ดำรงธรรม อำเภอเมืองนคร ราชสีมา น.ส.รัชชาภา ด้วงจอกนอก พนักงานราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กุดจอก อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา พร้อมพวกซึ่งเป็นผู้เสียหายอ้างว่าถูก น.ส.พราว (นามสมมติ) อายุ ๒๓ ปี ลูกสาวของรองนายก อบต.แห่งหนึ่ง ในเขต อำเภอเมือง  ชักชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุนทำธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบ และเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.พราวได้หายตัวไปและไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหาย ทำให้ผู้ที่นำเงินไปลงทุนปล่อยกู้สูญเงินมูลค่ารวมกว่า ๑ ล้านบาท จึงเดินทางมาขอความเป็นธรรม โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ มาอำนวยความสะดวกและมี พ.ต.ต.อัครเดช เพ็งพงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง นม. มารับเรื่องและให้คำแนะนำว่า กรณีนี้เข้าข่ายความผิดฐานกู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน จึงให้ผู้เสียหายรวมตัวกันและเตรียมเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจง เพื่อนำไปแจ้งความร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ

น.ส.รัชชาภา หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า “รู้จักกับ น.ส.พราว เพราะเป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียนด้วยกัน และติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก ต่อมา น.ส.พราวได้โพสต์รูปภาพและข้อความชักชวนให้นำเงินไปลงทุนปล่อยเงินกู้ รวมทั้งการเล่นแชร์ทองรูปพรรณ ซึ่งมีการโพสต์รูปสลิปการโอนเงินแม้ไม่ใช่เงินจำนวนมากแต่มีการทำธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างโปรไฟล์เป็นเจ้าบุญทุ่ม จ่ายเงินค่าอาหารและสุราทุกครั้ง สร้างความน่าเชื่อถือตัวเองขึ้นมาใหม่ ทำให้หลงเชื่อ ทุกคนที่มารวมตัวกันวันนี้รู้จักกันบ้างไม่รู้จักกันบ้าง เมื่อรวมตัวกัน น.ส.พราว ก็หายไปแล้ว ผู้เสียหายสูญเงินคนละ ๑-๒ หมื่นบาท ส่วนตนเองสูญไป ๕ หมื่นบาท โอนเงินไปทั้งหมด ๒ ครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ น.ส.พราวก็หายไป เมื่อตามไปหาที่บ้านพบเพียงแม่ซึ่งอ้างลูกสาวไม่อยู่ เมื่อทวงถามได้รับคำตอบว่า หากต้องการได้เงินคืนก็แจ้งความฟ้องศาลเอาเอง จึงมาร้องศูนย์ดำรงธรรมในวันนี้ คนเดือดร้อนที่ถูกหลอกลวงเหมือนกันเกือบ ๒๐ คน ยอดเงินรวมกันเกือบ ๑ ล้านบาท”

“แรงจูงใจที่ทำให้นำเงินไปลงทุนคือความไว้ใจ ดูน่าเชื่อถือ รวมทั้งน.ส.พราว อ้างว่าจะนำเงินของเราไปปล่อยกู้ ผลตอบแทนคือ ๕ วัน ร้อยละ ๑๕, ๘ วัน ร้อยละ ๒๐ และ ๑๐ วัน ร้อยละ ๓๐ เอกสารผู้มาขอกู้นั้น น.ส.พราวก็นำมาชี้แจงให้ดูและบอกว่ามีส่วนดูแลรับผิดชอบให้หมดทุกอย่าง เงินที่ลงทุนไปยังไม่เคยได้ผลตอบแทนสักครั้ง เงินที่นำไปลงทุนเป็นเงินเดือนก็เลยลองดูคิดว่าน่าจะได้กำไรตอบแทน แต่เมื่อถึงกำหนดวันที่จะได้เงินคืน กลับไม่ได้ ติดต่อไม่ได้ กำไรก็ไม่ได้ เงิน ๕ หมื่นบาทก็หายไปด้วย” น.ส.รัชชาภา กล่าว

พ.ต.ต.อัครเดช เพ็งพงศ์ พนักงานสอบสวนเวรฯ กล่าวว่า “จากการรับฟังคำบอกเล่าและตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น ตนได้นัดผู้เสียหายจำนวน ๘ คน นำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้เพิ่มเติม เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีอาญา น.ส พราว ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดอย่างไร เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏการหลอกลวงด้วยข้อความอันเป็นเท็จให้ลงทุนเพื่อนำเงินไปปล่อยกู้ต่อ จึงขอเตือนประชาชนด้วยว่าโปรดอย่าหลงเชื่อการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนสูงเกินจริงและภายในระยะเวลาสั้นๆ”

 

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๕๓ วันพุธที่ ๑๑ - วันอังคารที่ ๑๗ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

963 1612