August 12,2021
ยอดจัดตั้งธุรกิจโฆษณาครึ่งปีแรกพุ่ง ตามกระแสคนไทยช้อปออนไลน์ ดันธุรกิจโฆษณาดิจิทัลแนวโน้มฟื้นตัว
เผยยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจโฆษณารายใหม่ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดันให้ธุรกิจโฆษณามีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีและขึ้นทำเนียบธุรกิจดาวเด่นประจำเดือนมิถุนายน รับอานิสงส์จากความทันสมัยของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว รวมทั้ง ผู้บริโภคอยู่บ้านและท่องโลกออนไลน์มากขึ้น
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีการทำงานและเรียนผ่านออนไลน์ที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานระบบออนไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย และการรับชมทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือของผู้ใช้งานอายุระหว่าง ๑๖-๖๔ ปี ในประเทศไทย พบว่า มีการใช้งานเฉลี่ย ๕.๐๗ ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากเป็นอันดับที่ ๓ ของโลก และหากนับรวมการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งระบบ คนไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ ๑๐ ชั่วโมง หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑ ของการใช้เวลาภายใน ๑ วัน ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงให้ความสำคัญและหันมาประกอบธุรกิจ ทำการตลาดบนโลกออนไลน์มากขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัล ปี ๒๕๖๓ ของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ที่ภาคธุรกิจมีการใช้งบประมาณซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลมูลค่าสูงถึง ๒๑,๐๕๘ ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ ๘ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๖๒ (๑๙,๕๕๕ ล้านบาท) และข้อมูลของบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด รายงานว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๔ (มกราคม - มิถุนายน) มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางรวมแล้วจำนวน ๕๓,๖๔๐ ล้านบาท
“และจากข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในปี ๒๕๖๔ (มกราคม-มิถุนายน) ธุรกิจโฆษณา มีจำนวนการจดทะเบียนฯ ใหม่ ทั้งสิ้น ๕๕๗ ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๖.๕๙ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๖๓ (๔๔๐ ราย) และทุนจดทะเบียนของธุรกิจโฆษณาในช่วงครึ่งปีแรก ปี ๒๕๖๔ มีจำนวน ๘๙๓.๑๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕๙.๓๙ คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๖๗
“ธุรกิจโฆษณาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพ มหานคร จำนวน ๖,๓๖๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๘๔ รองลงมาคือ ภาคกลาง ๑,๙๙๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๓๓ ภาคเหนือ ๕๙๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๕.๘๑ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔๓๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๔.๒๓ ภาคใต้ ๔๒๖ ราย คิดเป็นร้อยละ ๔.๑๔ ภาคตะวันออก ๓๖๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๓.๕๘ และภาคตะวันตก ๑๑๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑.๐๘”
นายสินิตย์ เลิศไกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของนักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจโฆษณาในประเทศไทย ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ มีมูลค่าการลงทุนจำนวน ๓,๘๐๔.๓๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗.๒๓ ของการลงทุนในธุรกิจโฆษณา โดยสัญชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ อเมริกัน ๑,๖๘๙.๐๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓.๒๑ จีน ๔๐๘.๗๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๗๘ และเยอรมัน ๓๔๕.๗๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๖
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจโฆษณาดิจิทัลมีอัตราการเติบโตที่ดี คือ ภาคธุรกิจสามารถเลือกช่องทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น มีแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว และการมีเทคโนโลยีที่สามารถรองรับให้ผู้บริโภคเปิดรับสื่อได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีการเติบโตของการลงเงินโฆษณาถึงร้อยละ ๒๐ โดยสื่อดิจิทัลที่มีเม็ดเงินการลงทุนในปี ๒๕๖๔ ได้แก่ Facebook ร้อยละ ๓๒, YouTube ร้อยละ ๒๓ และ TikTok มีแนวโน้มการเติบโตสูงอยู่ที่ร้อยละ ๒๑ การลงทุนในแต่ละสื่อมีมูลค่าเม็ดเงินสูงถึงพันล้านบาท โดยการโฆษณาทางโซเชียลมีเดียในปัจจุบันมีความเหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีหรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างสะดวกรวดเร็วและใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก
“อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจโฆษณา ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นลำดับแรก การเลือกช่องทางการสื่อสาร การเลือกช่วงเวลา และความถี่ที่เหมาะสม รวมทั้งการคิดนอกกรอบในการสร้างสรรค์สื่อโฆษณา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายเข้าใจในคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของลูกค้าได้อย่างแท้จริง จะทำให้ธุรกิจโฆษณาสามารถอยู่รอดในตลาดและสามารถแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน” รมช.พาณิชย์ กล่าวทิ้งท้าย
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๒๖๙๑ วันพุธที่ ๑๑ - วันอังคารที่ ๑๗ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
697 1,372