25thApril

25thApril

25thApril

 

December 03,2021

‘สุวัจน์’คาดปีหน้าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น วิเชียร’ชี้โคราชศูนย์กลางการค้า-ลงทุน หวังพลิกพื้นดินเป็นแผ่นดินทอง

“สุวัจน์” เป็นประธานเปิดมหกรรมการเงินโคราช คาดปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น หากไม่มีภาวะเสี่ยงมาเพิ่ม ด้าน “วิเชียร จันทรโณทัย” ปลื้มโคราชศูนย์กลางการค้าการลงทุน เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เสนอตัวจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ๒๕๗๒ หวังพลืกพื้นดินเป็นแผ่นดินทอง

ตามที่เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์โคราช นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด “งานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ ๑๕ Money Expo Korat 2021” ซึ่งจัดโดยวารสารการเงินธนาคาร ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo จำกัด นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายศักดิ์ชาย ผลพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา นางสาวกฤษณา อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม งานมหกรรมการเงิน Money Expo เข้าร่วมงาน โดยมีสถาบันการเงินเข้าร่วมวนและนำเสนอโปรโมชั่นจำนวนมาก

นายวิเชียร จันทรโณทัย กล่าวว่า “จังหวัดนครราชสีมาเป็นศูนย์กลางการ  กระจายสินค้าและโลจิสติกส์ของภูมิภาค มีโครงการเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นหลายโครงการ เช่น มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง โดยมีภาคอุตสาหกรรม การเกษตร การค้า การบริการ และการท่องเที่ยว เป็นตัวขับเคลื่อนจังหวัด ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงเป็นอันดับหนึ่งของภาคอีสาน ซึ่งมีมูลค่า ๒.๙ แสนล้านบาท และมีรายได้ประชากรต่อหัวประมาณ ๑๑๗,๕๑๗ บาทต่อคนต่อปี ในด้านเศรษฐกิจการเงินปี ๒๕๖๔ จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ ๑๔๓ แห่ง มียอดสินเชื่อ ๑๓๘,๔๘๐ ล้านบาท และสามารถระดมเงินฝากได้ประมาณ ๑๘๔,๐๐๐ ล้านบาท นับว่ามากที่สุดในภาคอีสาน”

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

“จังหวัดนครราชสีมาจึงเป็นศูนย์กลางของการค้าและการลงทุน ของภาคอีสานและภูมิภาคอินโดจีน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจังหวัด ที่จะเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจความเจริญของภาคอีสาน ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ โคราชยังเป็นศูนย์กลางด้วยการท่องเที่ยว โดยมีเอกลักษณ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม ซึ่งปัจจุบันโคราชได้รับการยกย่องให้เป็น ๑ ใน ๓ เมืองศิลป์ของประเทศไทย ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ เชียงราย และนครราชสีมา นอกจากนี้โคราชยังเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะนานาชาติ ครั้งที่ ๒ โดยมีกำหนดเปิดงานในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ มาเยี่ยมชมงานมหกรรมศิลปะนานาชาติเป็นจำนวนมาก และล่าสุดโคราชได้ขอยื่นประมูลสิทธิ์ขอเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกในอีก ๘ ปีข้างหน้า ซึ่งมติ ครม.เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ อนุมัติให้โคราชเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพงานพืชสวนโลก พ.ศ.๒๕๗๒ ซึ่งปัจจุบันโคราชมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเมื่อโครงการพื้นฐานต่างๆ แล้วเสร็จ เวลานั้นโคราชจะมีความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างมากมาย เรียกได้ว่า พลิกพื้นดินให้กลายเป็นแผ่นดินทอง”

นายวิเชียร กล่าวอีกว่า “สำหรับสถานการณ์โควิด-๑๙ โคราชสามารถควบคุมได้ โดยมียอดการฉีดวัคซีนคลอบคลุมเกินร้อยละ ๖๐ แล้ว และจะเร่งให้เกินร้อยละ ๗๐ และวันนี้ ศบค.ชุดเล็ก คาดว่าจะอนุญาตผ่อนปรนพื้นที่ Blue Zone ๗ อำเภอในโคราช ซึ่งจะทำให้จำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ เมื่อ ศบค.ชุดเล็กเห็นชอบ ก็จะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ หากอนุมัติก็จะเริ่มผ่อนปรนตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยงาน Money Expo Korat หรือมหกรรมการเงินโคราช ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้สร้างความเจริญให้กับเศรษฐกิจของโคราชเป็นอย่างมาก โดยผ่านความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่นำตัวเลือกมานำเสนอให้กับประชาชน และที่สำคัญได้ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคอีสาน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุน” นายวิเชียร กล่าว

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า “ดีใจแทนคนโคราช เพราะการจัดงานมหกรรมการเงินโคราช ครั้งที่ ๑๕ Money Expo Korat 2021 เป็นการหยิบยื่นความรู้ด้านการเงินและสภาพคล่องด้านการเงิน ให้กับผู้ประกอบการ SMEs เกษตรกร และประชาชนทั่วไป ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินและเข้าใจการบริหารเงิน เพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการประกอบธุรกิจ ทำให้โคราชและภาคอีสานเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยการจัดงานนี้ ๑๔ ปีที่ผ่านมา มีคนเข้าถึงบริการทางการเงินกว่า ๑.๕ แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นปริมาณเงินที่มหาศาลที่นำไปใช้ประโยชน์ และนำเงินไปต่อยอดทางธุรกิจ โดยเฉพาะวันนี้สภาพคล่องเหมือนกับออกซิเจน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญของภาคธุรกิจ เพราะขณะนี้เป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ บางธุรกิจก็อยู่ไม่ได้ แต่บางธุรกิจก็อยู่ได้ เพราะเขามีสภาพคล่อง และมีการบริหารความเสี่ยงไว้ จึงกลายมาเป็นรูปแบบใหม่ในการบริหารธุรกิจ จึงคิดว่า วันนี้สภาพคล่องเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก และสถานการณ์ประเทศวันนี้ อยู่ในช่วงที่ทุกคนจะต้องช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และการมาของงาน Money Expo เป็นกลายมาของภาคเอกชนที่มามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกับภาครัฐ โดยการนำเงินมาส่งให้ถึงมือของประชาชน และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการ สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้”

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด

“สถานการณ์โควิด-๑๙ ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๓ ถึงปัจจุบัน ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีผู้ติดเชื้อประมาณ ๒ ล้านคน มีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน ๒ ครั้ง จำนวนว ๑.๙ ล้านล้านบาท และ ๕ แสนล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทย พร้อมกับต้องขยายเพดานเงินกู้จากร้อยละ ๖๐ ของ GDP เป็นร้อยละ ๗๐ เพื่อนำมาไว้ใช้แก้ปัญหา และเคยมี GDP เติบโตปีละ ๓ แต่ปีที่ผ่านมาติดลบ ๗ เท่ากับเงินหายไปจากระบบ ๑.๕ ล้านล้านบาท นอกจากนี้หนี้ครัวเรือนก็มากถึง ๙๐ ของ GDP มูลค่า ๑๔ ล้านล้านบาท ทั้งหมดนี้คือความยากลำบากตลอดระยะเวลา ๒ ปี หากปีหน้าทุกอย่างกลับมาปกติ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี หากพูดถึงสถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทยค่อนข้างดีขึ้น เพราะตัวเลขเริ่มนิ่ง และสถานการณ์การฉีดวัคซีนก็ดีขึ้น เดือนธันวาคมก็คงจะฉีดครบ ๑๐๐ ล้านโดส หรือ ๕๐ ล้านคน ดังนั้นภูมิคุ้มกันหมู่ของประเทศก็จะอยู่ในระดับที่น่าเชื่อถือ มีความปลอดภัย ทำให้สามารถเปิดประเทศได้ แม้จะเปิดแล้วจะมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก แต่ก็ค่อยๆ ทำไป เพราะขณะนี้สถานการณ์ที่ยุโรปไม่ดีนักโควิด-๑๙ เริ่มกลับมาระบาด หลายประเทศมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง มาตรการด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน และยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นมาตรการที่สำคัญและต้องทำต่อเนื่องไปจนกว่าเศรษฐกิจจะเข้มแข็ง คาดว่า ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด และที่น่ากลัวอีกอย่าง คือ ภาวะเงินเฟ้อของโลก เพราะ ๒ ปีที่ผ่านมา ทุกประเทศกู้เงินกันหมด เพื่อนำมาใช้จ่ายต่อสู้กับโควิด เมื่อใช้จ่ายมากก็ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้น ถ้าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว ต้องระวังเรื่องเงินเฟ้อ หวังว่าถ้าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะเติบโตต่อไป แต่ก็ต้องรอลุ้น อย่าให้มีความเสี่ยง คอยจับตาความเสี่ยงต่างๆ กิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องดำเนินการกันอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายสุวัจน์ กล่าว

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๐๕ วันพุธที่ ๑ - วันอังคารที่ ๗ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔

 


699 1344