18thApril

18thApril

18thApril

 

December 30,2021

‘เอไอเอส’ผนึกโรงงานในโคราช โชว์ศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะ มุ่งขับเคลื่อนสู่ Smart Factory

AIS 5G ผนึกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย พร้อมพันธมิตร เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์-ยาวาต้า โชว์ศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะสู่ Smart Factory ใช้งานได้จริงแล้ววันนี้ เดินหน้าเป้าหมาย 5G Industrial Solutions ขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ

 

หลังจากที่ AIS 5G Business ได้เปิดตัวบริการและโซลูชั่นที่พร้อมให้บริการและเชื่อมต่อกับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานภาคการผลิต ด้วยการจับมือกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้มีส่วนสำคัญต่อการเสริมขีดความสามารถในทุกกระบวนการทำงาน ล่าสุดได้จับมือกับ สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) ร่วมกันส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยโดยการพัฒนาโซลูชั่นบนเครือข่ายและแพลตฟอร์ม 5G ปลดล็อกขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ตอบโจทย์การพัฒนา Industry 4.0 ของไทย โดยมีความสำเร็จของบริษัทผู้ประกอบการสัญชาติไทย   ชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่าง บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ ผู้ให้บริการโซลูชันหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม ที่ได้พัฒนาโซลูชันมาใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม AIS 5G Private Network แล้ววันนี้ ในโรงงานผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้าของ บริษัท ยาวาต้า จำกัด ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นการยกระดับการทำงานภายในโรงงานสู่ Smart Factory อย่างเป็นรูปธรรม โดยถือเป็นการขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์ ฝีมือคนไทย ที่พร้อมขยายการให้บริการและสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศรองรับโอกาสและการเติบโตในอนาคต

นายธนพงษ์  อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS อธิบายว่า “เราเห็นโอกาสของการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้วยการเป็น 5G Industrial Solutions ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของโครงข่าย 5G ด้วยเป้าหมายสำคัญในการนำโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G เข้าเชื่อมต่อและส่งเสริมการดำเนินงานในภาคส่วนต่างๆ เพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการเติบโตของประเทศในอนาคต ซึ่งวันนี้มีความพร้อมในการนำภาคอุตสาหกรรมไทยในทุกกลุ่มเข้าสู่โลกของ 5G Industrial Solutions

นายธนพงษ์  อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS

“จากการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในหลายแขนงอย่างต่อเนื่อง วันนี้เป็นอีกครั้งสำคัญที่เราได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย ที่มีพันธกิจตรงกันในการร่วมพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย ในการพัฒนาโซลูชันให้กับภาคอุตสาหกรรม และผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยในวันนี้ เราเห็นผลที่ชัดเจนจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชั่นในโรงงานอุตสาหกรรม ในการผลักดันโซลูชันหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นจริง บนแพลตฟอร์ม 5G Private Network ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายส่วนตัวสำหรับการใช้งานเฉพาะภายในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม และสามารถทำ Network Slicing เพื่อจัดสรรทรัพยากร ทำให้เกิดคุณสมบัติทางเครือข่ายรองรับความต้องการเฉพาะของแอปพลิเคชัน เช่น ความเร็ว หรือความหน่วงต่ำซึ่งการออกแบบเครือข่ายเฉพาะนี้ ยังช่วยให้ การเชื่อมต่อข้อมูลเป็นส่วนตัว แม้จะใช้เครือข่ายแบบไร้สาย ส่งผลให้การรับส่งข้อมูลมีความคล่องตัว มีความหน่วงในการทำงานต่ำ และมีความปลอดภัยของข้อมูลสูง จึงเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าองค์กรและกลุ่มอุตสาหกรรมของ AIS ซึ่งเราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยทำให้ Ecosystem ของผู้ประกอบการไทย มีศักยภาพพร้อมรับโอกาสและการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายธนพงษ์  อิทธิสกุลชัย กล่าว

ดร.ประพิณ อภินรเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายต่อไปอีกว่า “ที่ผ่านมาสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการ  ในการวิจัย พัฒนาจนถึงการต่อยอดความร่วมมือเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเห็นความสำคัญของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่จะมาทำให้ขีดความสามารถในโรงงานภาคการผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และในครั้งนี้เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ AIS ที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีโครงข่ายและมีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ก้าวทันโลกของเทคโนโลยีด้วยโซลูชั่นและระบบการทำงานอัตโนมัติรวมถึงหุ่นยนต์ ที่จะมาช่วยให้กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ภายในโรงงานเกิดประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น”

ดร.ประพิณ อภินรเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) จำกัด

“วันนี้ ผู้ประกอบการไทยในสมาคมได้ทำการวิจัย ค้นคว้า พัฒนา ระบบอัตโนมัติ   หุ่นยนต์และโซลูชันที่ตอบโจทย์การทำงานของโรงงานผลิตที่หลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าเครือข่าย 5G ที่ AIS ได้พัฒนาขึ้นสามารถใช้งานได้จริงแล้วในเชิงพาณิชย์ ผ่านการทำงานร่วมกับ เลิศวิลัย ที่ได้นำโซลูชั่นเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิตของโรงงาน ยาวาต้าที่ทำงานบนเครือข่าย 5G จึงนับว่าเป็นก้าวสำคัญของวงการอุตสาหกรรมไทยที่จะเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ๔.๐ เดินหน้าแข่งขันในตลาดโลกต่อไป” ดร.ประพิณ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) เป็นบริษัทผู้ผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมากว่า ๕๐ ปี บริษัทปรับเปลี่ยนตัวเองตลอด โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ลดต้นทุน ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรโดยการใช้เทคโนโลยีและ 5G นี้ ยังได้เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคล ๑๐๐% ของวงเงินการปรับปรุงเป็นเวลา ๓ ปี ตามมาตรการสนับสนุนจาก BOI ด้วย 

ทางด้าน ดร.กุลฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน จาก บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ กล่าวต่อไปอีกว่า “รู้สึกตื่นเต้นที่วันนี้โซลูชั่นที่เกิดจากการพัฒนาโดยการสนับสนุนและทำงานร่วมกันจากทางสมาคม และ AIS ได้เกิดการใช้งานจริงภายในโรงงานของยาวาต้า ซึ่งเป็นโรงงานผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้าที่มีกระบวนการผลิตค่อนข้างซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบแต่ละจุด จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระบบ Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติซึ่งต้องเคลื่อนที่อย่างอิสระในพื้นที่ทั้งหมดของโรงงานโดยไม่มีเส้นนำทางบนพื้นเหมือนระบบเก่า จึงต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียร มีความหน่วงต่ำ มีความปลอดภัยสำหรับการรับส่งข้อมูล และมีพื้นที่ครอบคลุมอย่างแท้จริงในโรงงาน เมื่อนำมาใช้กับ AIS 5G Private Network ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความแม่นยำในการสั่งการ สามารถเพิ่ม Productivity ได้ตามเป้าหมายการเป็น Smart Factory เต็มรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโซลูชั่น Smart Factory ซึ่งทุกองค์ประกอบ เช่น Robotics, AMR และ PLC ของระบบ IIoT จะต้องเชื่อมต่อกันผ่าน OT, IT และ Cloud ในรูปแบบ Everything Connected  เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมไทยให้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพของการทำงานมากยิ่งขึ้นได้”

ดร.กุลฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน จาก บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๐๙ วันพุธที่ ๒๙ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ - วันอังคารที่ ๑๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕


719 1347