2ndMay

2ndMay

2ndMay

 

January 01,1970

เปิดด่าน“สายตะกู-จุ๊บโกกี”ทุกวัน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว

 

บุรีรัมย์ร่วมกัมพูชา ขยายวันวันเปิดจุดผ่อนปรนการค้า ‘ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี’ ทุกวัน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวชายแดน เพื่อประโยชน์ประชาชนทั้งสองฝั่ง พร้อมเดินหน้าผลักดันยกระดับ คาดหวังรัฐบาลชุดใหม่จะได้เป็นด่านผ่านแดนถาวรเหมือนจังหวัดอื่น


เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ นายโนวซอม เจียราริต นายอำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมคณะฯ ที่จุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

ในโอกาสเดินทางมากระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พร้อมทั้งได้หารือแนวทางการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ราชอาณาจักรไทย กับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ แต่ฝั่งไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก (ดงพญาเย็น–เขาใหญ่) ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนขอเพิกถอนพื้นที่และขอใช้พื้นที่ป่าไม้บางส่วน ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันฝั่งไทยอนุญาตให้เฉพาะประชาชนอำเภอบ้านกรวด กับประชาชนชาวกัมพูชา สามารถข้ามแดนเพื่อติดต่อซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันได้เท่านั้น โดยล่าสุด จ.บุรีรัมย์ อนุมัติเพิ่มวันเวลาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู-จุ๊ปโกกี จากเดิม ๕ วัน เวลา ๐๘.๐๐-๑๕.๐๐ น.เป็น ๗ วัน หรือตลอดทั้งสัปดาห์ เวลา ๐๘.๐๐-๑๕.๐๐  น. ตั้งแต่วันที่ ๓ ก.ค.๒๕๖๖ เป็นต้นไป ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว ซึ่งทั้ง ๒ ฝ่าย จะได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้า ที่จุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี  ให้การค้าขายคึกคักมากกว่านี้ ก็จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย


นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด กล่าวว่า ที่ตัวแทนทั้งสองฝั่งมาพบกันในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องการขยายวันเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงนามในคำสั่งให้เปิดทำการค้าขายได้ ๗ วัน เหมือนที่เคยเปิดเมื่อปี ๒๕๕๗ แต่เมื่อมีสถานการณ์โควิดระบาดได้ปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าวเมื่อปี ๒๕๖๓ เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายก็เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕  แต่ช่วงนั้นเปิดเพียง ๕ วันก่อน กระทั่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงนามในคำสั่งให้สามารถเปิดทำการค้าขายร่วมกันได้ตลอด ๗ วัน วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝั่งจึงได้มาหารือแนวทางดำเนินการร่วมกัน ส่วนการผลักดันให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรนั้น ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันหลายฝ่าย เพราะไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก ซึ่งทางอำเภอและจังหวัดก็พยายามหาแนวทางเพื่อให้สามารถเปิดเป็นด่านผ่านแดนในในอนาคต คาดหวังรัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายยกระดับเป็นด่านผ่านแดนถาวรเหมือนจังหวัดอื่น


“แต่ในส่วนฝั่งกัมพูชาได้เปิดเป็นด่านผ่านแดนถาวรแล้ว ซึ่งนายอำเภอบันเดียอัมปึลก็เสนอให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าไปในอำเภอบ้านกรวดได้ โดยเฉพาะผู้ที่เจ็บป่วยอยากเข้าไปรักษาพยาบาลซึ่งเขาพร้อมที่จะจ่ายค่ารักษา จากเมื่อก่อนก็เคยให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกันอยู่แล้ว ทั้งยังได้เสนออยากให้ประชาชนในทุกอำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถเข้ามายังจุดผ่อนปรนดังกล่าวได้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ยังอนุญาตแค่คนในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดเท่านั้น ทั้งที่ฝั่งกัมพูชาเขาเปิดเสรีแล้ว” นายอำเภอบ้านกรวด กล่าว

นายโนวซอม เจียราริต นายอำเภอบันเตีย อำปึล กล่าวขอบคุณทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ขยายวันเปิดด่านเปิดตลอดทั้งสัปดาห์ หากเป็นไปได้ทางฝั่งกัมพูชาก็อยากให้ไทยได้ยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรโดยเร็ว เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๙ ฉบับที่ ๒๗๕๕ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม - วันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖

 


1009 1,442