27thApril

27thApril

27thApril

 

August 17,2016

ปชช.สุดทนตัดพะยูง ๑๐๐ ปี จี้ตำรวจล่าตัวคนชั่วมาลงโทษ


ชาวบ้านรวมตัวกันชี้ต้นพะยูงที่ถูกลักลอบตัด


          เรียกร้องตำรวจ เร่งตรวจสอบเอาผิดและหามาตรการป้องกันกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ในป่าสาธารณะ หลังไม้พะยูงอายุ ๕๐ – ๑๐๐ ปีถูกลักลอบตัดไปแล้วเกือบ ๒๐ ต้น เคยแจ้งตำรวจแล้วแต่เงียบ

          เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคมที่ผ่านมา ประชาชนบ้านหนองหัวควาย ต.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร่วม ๑๐๐ คน ได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบเอาผิด และหามาตรการป้องกันการลักลอบเข้าไปตัดไม้ในป่าสาธารณประโยชน์ “หนองหัวควาย” ที่มีเนื้อที่กว่า ๓๓๐ ไร่ และเป็นป่าผืนสุดท้ายของหมู่บ้านที่เหลืออยู่ หลังจากได้มีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบตัดต้นพะยูงขนาดใหญ่ ที่มีอายุตั้งแต่ ๕๐–๑๐๐ ปี ในป่าสาธารณประโยชน์ดังกล่าวที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์หวงแหนมายาวนานหายไปแล้วเกือบ ๒๐ ต้น เกรงว่าหากปล่อยไว้ไม่มีมาตรการเด็ดขาดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ต้นไม้ในป่าสาธารณะดังกล่าว อาทิ ไม้พะยูง ประดู่ ไม้แดง ไม้จิก และไม้ยืนต้นอีกหลายชนิดที่เหลืออยู่จะถูกลักลอบตัด กระทั่งไม่เหลือความอุดมสมบูรณ์ของป่าให้ลูกหลานได้เห็นในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนเคยไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบหายจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงได้ และต้นไม้ก็ยังคงถูกลักลอบตัดอย่างต่อเนื่อง จึงได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาผืนป่าดังกล่าวด้วย

          นายอุ้มทอง สาแก้ว อายุ ๕๖ ปี  ผู้ใหญ่บ้านหนองหัวควาย เปิดเผยว่า ป่าสาธารณประโยชน์หนองหัวควายดังกล่าวเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ผืนสุดท้ายของชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนได้ร่วมกันดูแลรักษามาโดยตลอด แต่ระยะหลังได้มีกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ได้ใช้เลื่อยยนต์เข้ามาลักลอบตัดต้นไม้พะยูงขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า ๕๐-๑๐๐ ปี โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายทั้งที่เป็นไม้หวงห้าม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่รู้เส้นทางในป่าได้เป็นอย่างดีเข้ามาลักลอบตัด แล้วลำเลียงไม้ไปขายต่อให้กับนายทุน ที่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ โดยประชาชนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาตระเวนอยู่เรื่อยๆ แต่กลุ่มคนดังกล่าวก็จะอาศัยช่วงกลางดึกเข้ามาลักลอบตัด จากปัญหาดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งตรวจสอบเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว และหามาตรการป้องกันการลักลอบตัดไม้ร่วมกับชาวบ้านด้วย

          นายออง กระแสโสม อายุ ๗๐ ปี และนายสุนทร สมจิต อายุ ๕๐ ปี ราษฎรบ้านหนองหัวควาย เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่มีผู้เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงในป่าสาธารณะที่ชาวบ้านร่วมกันดูแลรักษามาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย โดยบางต้นมีอายุกว่า ๑๐๐ ปี แต่กลุ่มคนดังกล่าวก็ยังมาลักลอบตัดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง จึงอยากวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้หามาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาลักลอบตัดไม้ในพื้นที่อีก ก่อนที่ไม้ยืนต้นจะถูกตัดจนไม่เหลือ

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๓๗๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ - วันจันทร์ที่ ๑๕ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙


 


684 1342