26thApril

26thApril

26thApril

 

October 18,2016

เร่งกู้วิกฤติราคามันสำปะหลัง จี้เด็ดขาดผู้ส่งออกนอกคอก สั่งพาณิชย์แสวงหาตลาดเพิ่ม


          วิกฤติราคามันสำปะหลังตกต่ำในรอบ ๑๐ ปี “สมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย” วอนเกษตรกรเป็นไผ่รวมกอ เพื่อรวมพลังต่อสู้ ใครก็มาหักไม่ได้ ด้านผู้ว่าฯ โคราชสั่งพาณิชย์จังหวัดแสวงหาตลาดจำหน่ายมันเส้นเพิ่ม เชื่อมั่นราคาจะกลับมาที่กิโลกรัมละ ๒ บาทแน่นอน ด้านชาวไร่วอนนายกรัฐมนตรีจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ส่งออกนอกรีต ทำประเทศเสียหาย

          ตามที่ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ เฟซบุ๊กเพจ “สมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย” ได้โพสต์คำแถลงการณ์ของ นายธีระชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ชื่อเรื่อง “เมื่อไหร่ชาวไร่มันสำปะหลัง จะเป็นดั่งไม้ไผ่รวมกอ” มีเนื้อความว่า “มันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญนำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมากปีละไม่น้อยกว่าแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังคือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ผู้แปรรูปทั้งลานมันและโรงแป้งผู้ส่งออกมันสำปะหลังทั้งแป้งมันและมันเส้นในอดีตมันสำปะหลังเป็นเสมือนพืชเทวดาคือปลูกง่าย ทนแล้ง และทนทานต่อโรคแมลงจนได้ฉายาว่ามันสำปะหลังพืชเงินพืชทองของแผ่นดินซึ่งมีครอบครัวเกษตรกรที่เพาะปลูกมันสำปะหลังประมาณ ๕๗๐,๐๐๐๐ ครอบครัว หรือมีคนที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๕ ล้านคน ทั้งเกษตรกร พนักงานในโรงงาน และลานมัน

          ขอให้เป็นไผ่รวมกอ  “วันนี้ราคามันสำปะหลังตกต่ำ ซึ่งสาเหตุที่ราคาตกต่ำนั้นเกิดขึ้นจากบุคคลเพียงไม่กี่กลุ่มที่จำนวนไม่มากนักคือ ผู้ส่งออกและผู้ที่แปรรูปและยกระดับตัวเองเป็นผู้ส่งออกหรือคนที่ไปชักชวนผู้เคยใช้มันสำปะหลังเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทของตัวเอง เพียงเพื่อต้องการทุนมาเสริมสภาพคล่องของบริษัท และสิ่งที่น่าเกลียดมากที่สุดคือ ผู้ส่งออกที่ไปเสนอขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรกร แล้วมารับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรในราคาต่ำๆ แต่พี่น้องเกษตรกรก็ยังขุดมันสำปะหลังออกมาจำหน่าย ทำให้ผู้ประกอบการโรงแป้งกดราคาในการรับซื้อให้ต่ำที่สุด ซึ่งเกษตรกรเปรียบเสมือนกิ่งไผ่ที่ต่างคนต่างอยู่ ซึ่งจะหักเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องใช้แรงมากนักในการหัก แต่วันนี้เราอยากเห็นเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเป็นไม้ไผ่ที่มารวมเป็นกำ จะทำให้คนที่คิดจะมาหักไม้ไผ่นั้นต้องออกแรงเป็นจำนวนมาก และก็ไม่สามารถหักได้”

รวมกันแล้วรับประกันตลาด/ราคา

          แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า เมื่อไหร่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และรวมพลังในการสั่งสอนผู้ประกอบการที่ชอบเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรกันสักครั้ง วันนี้เกษตรกรทั้งประเทศต้องหันหน้าเขามาหากัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม เราคงต้องร่วมใจกันหยุดขุดมันสำปะหลังทั้งประเทศ เมื่อมีแดดหมดฝนเราขุดมันสำปะหลังออกมาก็พากันสับด้วยมือหรือด้วยเครื่องขนาดเล็กตากบนตาข่ายเขียว เป็นมันเส้นสะอาดและคุณภาพ เมื่อท่านทำแล้วไม่ต้องกลัวว่า จะไม่มีตลาดรองรับ สมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังรับประกันเรื่องตลาด เรื่องราคา เราจะหาตลาดและราคาที่ดีให้ เพราะกระทรวงพาณิชย์จะเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเรา ขอเพียงแค่พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวและรวมกลุ่มกันในระดับหมู่บ้าน ในระดับตำบลในรูปวิสาหกิจผู้ปลูกและแปรรูปมันสำปะหลัง หวังว่าพวกเราคงจะร่วมมือกันให้ได้ ที่จะเป็นพลังในการพัฒนามันสำปะหลังต่อไปเรื่องการเพาะปลูกผมเชื่อว่าพี่น้องเราทำได้แต่เรื่องการตลาดการขายเรายังมีข้ออ่อน วันนี้เรามีผู้ช่วยที่จะเสริมให้พวกเราเรียนรู้เรื่องการตลาดการค้าการขายพวกเราต้องทำให้ได้”

 

ผู้ว่าฯ ประชุมเครียด

          ต่อมา เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น.วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน การประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำในจังหวัดนครราชสีมา (เกษตรกร) โดยมีนายธวัชชัย เหล่าพิรุฬห์ พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา และนายสมจิตร ธีระบุญชัยกุล เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวแทนภาครัฐ พร้อมทั้งภาคเกษตรกร นำโดยนายพรชัย อำนวยทรัพย์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอครบุรี ในฐานะที่ปรึกษาสมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย นายธีระชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาพันธ์ชาวไร่มันแห่งประเทศไทย และนายเติมศักดิ์ บุญชื่น สภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ เข้าร่วมกว่า ๕๐ คน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด เนื่องจากขณะนี้ราคารับซื้อหัวมันสำปะหลังของผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตามสภาวะการซื้อขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต้องประสบกับภาวะขาดทุนเนื่องจากปัจจุบันต้นทุนการเพาะปลูกของเกษตรกรอยู่ที่ ๑.๙๐ บาท/กิโลกรัม ขณะที่ราคารับซื้อหัวมันสำปะหลังสด (เชื้อแป้ง ๒๕%) ราคาเฉลี่ย ๑.๔๕ ถึง ๑.๗๐ บาท /กิโลกรัม ถือว่าราคาต่ำที่สุดในรอบ ๑๐ ปี เข้าขั้นภาวะวิกฤติ

          ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนายธีระชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาพันธ์ชาวไร่มันแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์เพื่อขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผ่านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง และปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง

รัฐมิได้นิ่งนอนใจ

          นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดราคารับซื้อมันสดถือว่าตกต่ำมาก โดยมีราคา ๑.๖๐ บาท ซึ่งรัฐบาลมิได้นิ่งนอนใจ พยายามที่จะแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ จังหวัดนครราชสีมาจึงต้องส่งเสริมให้มีการทำมันเส้นในระดับครัวเรือน กลุ่มวิสาหกิจ และในระดับสหกรณ์ เพื่อที่จะดึงปริมาณหัวมันสดออกจากตลาด เป็นการแบ่งเบาภาระ ในสภาวะสินค้าล้นตลาด ขณะนี้ ภาครัฐและภาคเอกชนกำลังปรึกษาหารือในแนวทางที่จะทำให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และขยายให้ครอบคลุมมากที่สุดทั่วพื้นที่

          “เบื้องต้นได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา แสวงหาตลาดที่จัดจำหน่ายมันเส้นเพิ่มเติม แนวทางนี้เชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ให้หันมาขายมันเส้น ที่จะได้ราคาดีกว่า รวมทั้งจังหวัดนครราชสีมาจะมีการเข้าเจรจากับโรงงานผลิตเอทานอล รวมทั้งสหกรณ์ผู้ผลิตอาหารสัตว์ว่า แหล่งผู้ผลิตเหล่านี้จะมีความต้องการใช้มันเส้นมากน้อยเพียงไร ในราคาเท่าไหร่ แล้วนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้แก่พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อเตรียมพร้อมในการผลิตมันเส้น หลังจากนั้นจะมีการลงนามความร่วมมือกันระหว่างเกษตรกรและแหล่งผลิตอย่างเป็นทางการ หากการดำเนินการไม่มีข้อผิดพลาด หรืออุปสรรคประการใด แนวทางนี้ก็จะสามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้คลายปัญหาความเดือดร้อนราคามันตกต่ำ และเชื่อว่า ในอนาคตราคามันจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างแน่นอน” นายวิเชียร กล่าวอย่างมั่นใจ 

คาดว่าราคาจะต้อง ๒ บาท/กก.

    ผวจ.นครราชสีมา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับราคาของกลไกตลาดโลก ซึ่งค่อนข้างต่ำ แต่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้มีกำไรจากการประกอบสัมมาชีพ คาดหวังไว้ราคาขายมันสำปะหลัง หัวมันสด จะมีราคากิโลกรัมละ ๒ บาทอย่างแน่นอน ช่วงนี้ขอให้พี่น้องเกษตรกร ชะลอการขุดผลผลิตออกมาจำหน่ายสักระยะหนึ่ง จนกว่าราคาในท้องตลาดจะถีบตัวเพิ่มสูงขึ้น
นายพรชัย อำนวยทรัพย์ เปิดเผยในฐานะปรึกษาสมาพันธ์ชาวไร่มันแห่งประเทศไทย ว่า “ปัญหาราคาของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีการซื้อขายทั้งราคาหัวมันสำปะหลังสดที่เชื้อแป้ง ๒๕% และราคาของมันเส้น นับว่าเป็นวิกฤติของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเกษตรกรจำหน่ายมันสำปะหลังขาดทุนประมาณกิโลกรัมละ ๑ บาทพร้อมราคาขายต่ำกว่าต้นทุนปัจจุบันต้นทุนเฉลี่ย ๒.๔๐ บาท/กิโลกรัม ผู้ประกอบการค้ามันสำปะหลังโดยเฉพาะผู้ส่งออกมันสำปะหลังทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจเกี่ยวกับมันสำปะหลังในประเทศไทย มีการเสนอขายมันสำปะหลังในราคาที่ต่ำโดยไม่คำนึงถึงต้นทุนของเกษตรกร คือมีการจำหน่ายเฉลี่ยขายมันสำปะหลังในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการเพาะปลูกของเกษตรกรทั้งแป้งมันและมันเส้นทำให้มีการกดราคาการรับซื้อของเกษตรกรในราคาที่ต่ำทำให้เกษตรกรต้องประสบกับภาวะขาดทุนสมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทยมีข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังดังนี้ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลการส่งออกมันสำปะหลังของผู้ส่งออกที่ไปเสนอขายมันสำปะหลังในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการเพาะปลูกของเกษตรกรอย่างเข้มงวด อย่าให้มีการเสนอขายมันสำปะหลังไปยังผู้ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรกร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สมาพันธ์ฯ กำลังรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ได้รับความเดือดร้อนใช้การต่อต้านแบบสันติวิธี โดยการงดส่งผลผลิตสู่แหล่งผลิตที่เป็นนายทุนที่คอยเอาเปรียบกดราคา”

ให้นายกฯ จัดการขั้นเด็ดขาดผู้ส่งออก

    อย่างไรก็ตาม ในวันที่ ๑๑ ตุลาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า สมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังฯ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาดูแลการส่งออกมันสำปะหลังของผู้ส่งออกมันสำปะหลังทั้งที่เป็นคนไทยและเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทของคนไทย ที่ไปเสนอขายหรือส่งออกมันสำปะหลังในราคาต่ำ โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ลงทุนไป และยังทำให้ประเทศชาติขาดรายได้จากภาษี ที่ผู้ส่งออกต้องเสียภาษีเงินได้จากการส่งออกสินค้า และยังเป็นการทำลายความมั่นคงของประเทศอีกด้วย คือการสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร ด้วยการกดราคาการรับซื้อมันสำปะหลัง ทำให้เกษตรกรต้องเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลพี่น้องเกษตรกร และต้องจัดหางบประมาณมาเยียวยาให้กับพี่น้องเกษตรกรอีกด้วย ดังนั้น สมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังฯ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาดูแล และจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ส่งออกทั้งชาวไทยและที่เป็นตัวแทนของคนต่างชาติ ที่ไปเสนอขายมันสำปะหลังที่ต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรทั้งแป้งมันและมันเส้น ด้วยการยึดใบอนุญาตการส่งออกและไม่อนุญาตให้ส่งออกได้อีกต่อไป เพราะถ้ารัฐบาลสามารถควบคุมผู้ส่งออกไม่ให้มีการเสนอขายและส่งออกมันสำปะหลังในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรกรแล้ว รัฐบาลแทบไม่ต้องเสียงบประมาณมาใช้จ่ายในการเยียวยาเกษตรกรอีกต่อไป

          สำหรับข้อเรียกร้องที่สมาพันธ์ชาวไร่ มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และหม่อมหลวงปนัดดา ดิสกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีดังนี้ ๑.ให้กำหนดราคาการรับซื้อมันสำปะหลังหัวมันสดที่ราคา ๒.๒๐ บาทที่เชื้อแป้ง ๒๕% ๒.ให้มีมาตรการเร่งด่วนในการผลักดันการใช้มันสำปะหลังในอุตสาหกรรมเอทานอลอย่างน้อย ๑๐ ล้านตันมันหัว และเร่งแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้เอาเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ ๓.ควบคุมคุณภาพ มาตรฐานการนำเข้าและส่งออกมันสำปะหลังจากเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผลผลิตภายในประเทศ และ ๔.เร่งผลักดันพระราชบัญญัติมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อให้เกิดความมั่นคงและความยั่งยืนของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในอนาคต

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๓๙๒ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ - วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙



700 1344