26thApril

26thApril

26thApril

 

February 17,2017

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซุ่มเงียบลงพื้นที่ เก็บข้อมูล“กังหันลม” ประชาชนคัดค้านมาตลอด

                นำคณะซุ่มลงพื้นที่ ตรวจสอบที่ดินเช่าตั้งกังหันลม หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ยุติ เหตุใช้ที่ส.ป.ก.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้านประชาชนยืนยัน ๙ ปีที่ผ่านมาคัดค้านการตั้งกังหันลมตลอด แต่ไม่เป็นผล กระทั่งต้องพึ่งศาลให้ชี้ขาด แต่หากประชาชนใช้ผิดวัตถุประสงค์กลับต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที

                สืบเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ให้ยุติการดำเนินการและยกเลิกสัญญาเช่าที่ดิน ส.ป.ก.จังหวัดชัยภูมิ ในโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าของบริษัท เทพสถิต วินด์ ฟาร์ม จำกัด จากเหตุประชาชนผู้ได้รับผลกระทบยื่นฟ้องต่อศาลปกครองมายาวนานกว่า ๙ ปี นับแต่ปี ๒๕๕๒ เพราะเป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นไปตามกำหนดภารกิจการดำเนินงานปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. เป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์แสวงหากำไร ไม่ใช่กิจการที่เป็นการบริการหรือเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในท้องที่โดยตรง จึงไม่เข้าลักษณะตามประกาศกระทรวงเกษตรฯเรื่องกำหนดกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินฯ

                ต่อมาเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ หลังมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ชี้แจงว่า อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีการเช่าที่ดิน ส.ป.ก. ของผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมจำนวน ๑๘ บริษัท คิดเป็นพื้นที่รวม ๖๒๐ โดย ส.ป.ก. จะเร่งเชิญผู้ประกอบการทั้งหมดเข้ามาหารือและนำข้อสรุปเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบหาแนวทางการแก้ปัญหาครั้งนี้โดยด่วนต่อไป

                ล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นายบพิตร อมราภิบาล รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อนเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) พร้อมด้วยนายนิยม เธียรโสภณ หัวหน้ากลุ่มกฎหมาย ส.ป.ก.ชัยภูมิ นำคณะเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จังหวัดชัยภูมิ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางลงพื้นที่บ้านโนนสำราญ ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อตรวจสอบที่ดินซึ่งบริษัท เทพสถิต วินฟาร์ม จำกัด ทำการขอเช่าพื้นที่สร้างกังหันลมผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก ส.ป.ก. ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ เป็นเวลากว่า ๘ ปี และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอนสัญญาเช่าเป็นรายแรก

                นายบพิตร อมราภิบาล รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เปิดเผยเพียงว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อดูพื้นที่ว่า ตั้งแต่เริ่มมีการฟ้องร้องกันมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ผ่านมา ๘ ปีแล้ว ในพื้นที่จริงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งพบว่ายังไม่มีการดำเนินการสร้างกังหันลมของบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนบริษัทเอกชนรายอื่นที่ก่อสร้างกังหันลมไปแล้วและผลิตกระแสไฟฟ้าจำหน่ายได้แล้วอีกหลายแห่งในพื้นที่อื่น ขณะนี้ทาง ส.ป.ก. อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลและตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. ในเขต ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ บริเวณนี้คือบริเวณที่บริษัท เทพสถิต วินฟาร์ม จำกัด ทำการขอเช่าจากประชาชนและขอใช้พื้นที่สร้างกังหันลมผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก ส.ป.ก. ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ แต่ประชาชนส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบและมีการฟ้องร้องกับบริษัท เทพสถิต วินฟาร์ม กันขึ้น กระทั่งศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น สั่งยกเลิกกิจการกังหันลมผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมายและจากการตรวจสอบยังพบว่ายังมีบริษัทอื่นอีก ๔ บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เทพนาวินด์ฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ, บริษัท วินค์ฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.ซับใหญ่ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ, บริษัท วะตะแบก วินด์ฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่บริเวณ ต.ห้วยยายจิ๋ว อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และบริษัท K.R.S. ตั้งอยู่ที่ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ซึ่งยังคงทำการก่อสร้างเสากังหันลมจนแล้วเสร็จ และได้ทำการผลิตไฟฟ้าส่งขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการเช่าพื้นที่ ส.ป.ก. ในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่มีรายใดที่หยุดดำเนินกิจการแต่อย่างใด

                ด้านนายภูดิศ ศิริภาณุภัค ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า เมื่อศาลตัดสินแล้วก็ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องคดี แต่ขอแสดงความเห็นในแง่เศรษฐกิจ ตนมองว่าการมีกังหันลมซึ่งไม่ว่าบริษัทใดก็ตามที่เข้ามาดำเนินกิจการในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เป็นสิ่งที่ดี และก่อให้เกิดประโยชน์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกทั้งยังไม่กระทบต่อมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมมาก เหมือนโครงการลักษณะอื่นๆ เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาด โดยเฉพาะพื้นที่ติดตั้งกังหันลม ถือเป็นแลนด์มาร์กที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวงามของชัยภูมิ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวกันจำนวนมากและนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางไปเยี่ยมชมถ่ายภาพและพักผ่อนหย่อนใจตามบ้านพักต่างๆ ในจุดที่อยู่ใกล้ๆ กับที่ตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้ากันซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากไม่แพ้กับจุดอื่น หากโครงการกังหันลมในพื้นที่ยุติลง คาดว่านักท่องเที่ยวคงจะลดน้อยลงนายนิยม เธียรโสภณ หัวหน้ากลุ่มกฎหมาย ส.ป.ก.ชัยภูมิ ชี้แจงว่า การก่อสร้างระบบกังหันลมผลิตไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่ผ่านมาดำเนินการภายใต้ระเบียบงานปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก. ทุกประการแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อคำสั่งศาลสรุปออกมาเช่นนั้น ทุกฝ่ายก็ต้องปฏิบัติตาม และในส่วนพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ก็จะเร่งสำรวจพื้นที่และผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา โดยทำรายงานตามลำดับชั้นตามขั้นตอนตั้งแต่ระดับจังหวัดไปถึงระดับกระทรวง เพื่อเร่งหาทางออกให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็วที่สุด

                ด้านนางวิไล แวดสูงเนิน หนึ่งในตัวแทนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างกังหันลมในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ประชาชนเห็นว่าทุกฝ่ายควรเคารพตามคำสั่งศาล เพราะประชาชนที่อยู่ใกล้โครงการได้รับผลกระทบทั้งเสียงและการประกอบอาชีพในพื้นที่ใกล้เคียงก็ยังเกิดผลกระทบและต้องทนปฏิบัติตามมติของ ส.ป.ก. มาตลอดเกือบ ๙ ปี กระทั่งวันนี้ต้องให้ศาลช่วยออกมาชี้ขาดคืนความเป็นธรรมให้ ซึ่งระเบียบที่ผ่านมาก็ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า พื้นที่ ส.ป.ก. มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่หากใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็ถูกดำเนินการตามกฎหมายในทันที ไม่ล่าช้าเหมือนอย่างกรณีบริษัทเอกชนโครงการกังหันลมที่ต้องทนรอมานานเกือบ ๙ ปี กว่าจะมีการดำเนินการที่ชัดเจนได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อจากนี้ สร้างความชัดเจนเรื่องการใช้พื้นที่ ส.ป.ก. อย่างเป็นธรรมมากขึ้นด้วย

 

 

 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจากนสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๑๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ - วันจันทร์ที่ ๒๐ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐


695 1342