20thApril

20thApril

20thApril

 

April 27,2017

ตั้งสหพันธ์เกษตรอินทรีย์อาเซียน ดันออร์แกนิกส์ไทยผงาดเวทีโลก

          กระทรวงพาณิชย์ ผุดแนวคิดจัดตั้งสหพันธ์เกษตรอินทรีย์อาเซียน หวังเป็นเวทีสร้างความรู้ ความเข้าใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ระหว่างผู้ผลิตและผู้ประกอบการของประเทศในกลุ่มอาเซียน อีกทั้งยังสร้างความเข้มแข็งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้ผลิตและผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ในอาเซียน พร้อมปักธง ๓ กิจกรรมใหญ่กลางปี ดันออร์แกนิกส์ไทยผงาดเวทีโลก

          นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตหรือ HUB ด้านเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคได้นั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงความร่วมมือกับประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้มีแนวความคิดที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนไทยและภาคเอกชนในกลุ่มประเทศอาเซียนจัดตั้งสหพันธ์เกษตรอินทรีย์อาเซียน (ASEAN Organic Federation) ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมุ่งหวังที่จะให้สหพันธ์ดังกล่าวเป็นเวทีในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ระหว่างผู้ผลิตและผู้ประกอบการของประเทศในกลุ่มอาเซียน นอกจากนั้นแล้วยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้ผลิตและผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ในอาเซียนอีกทางหนึ่งด้วย โดยการประชุมจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงระหว่าง Organic & Natural Expo ๒๐๑๗ นี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้เข้าร่วมการประชุมจะได้มีโอกาสเห็นศักยภาพของไทยในการที่จะเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคนี้

          สำหรับงาน Organic Natural Expo 2017 นั้น ดำเนินการจัดงานติดต่อกันมาเป็นปีที่ ๗ แล้ว โดยในครั้งนี้ มีกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ ๒๗–๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ รวม ๔ วัน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำหรับปีนี้จะเป็นการเปิดความร่วมมือในระดับสากลเป็นครั้งแรกร่วมกับผู้จัดงานเกษตรอินทรีย์ระดับโลกของเยอรมัน และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า ๔๕,๐๐๐ ราย เนื่องมาจากกระแสรักสุขภาพที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๙ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดงาน Organic & Natural Expo 2016 ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าอินทรีย์/ธรรมชาติ กว่า ๓๐๐ คูหา และตลอดระยะเวลา ๔ วันที่จัดงานนั้น มีผู้สนใจเข้าร่วมชมและช้อปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในงานกว่า ๔๑,๒๑๕ ราย มูลค่าการซื้อขายกว่า ๒๘ ล้านบาท 

          การจัดงานในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าและบริการอินทรีย์ ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ส่งเสริมสินค้าอินทรีย์และธรรมชาติ และเพื่อสร้างเครือข่ายทางการค้าเพิ่มช่องทางการตลาด รวมทั้งการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ผลิต/เจ้าของสินค้าอีกทั้งผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ในทุกระดับด้านการผลิต การตลาด และการรับรองมาตรฐานสากลส่งเสริมต่อยอดไปสู่นวัตกรรมที่มีมูลค่า สร้างโอกาสทางการค้ากับผู้ซื้อในประเทศและผู้นำเข้าต่างประเทศ โดยกิจกรรมภายในงานนอกเหนือจากการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์แล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้มีการลองทำ Workshop สอนการทำผลิตภัณฑ์อินทรีย์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับประชาชนในการหันมาบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีเพิ่มขึ้นอีกด้วย

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกรอินทรีย์ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม) ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน–กรกฎาคม ๒๕๖๐ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพจัดโครงการสร้างเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ในกลุ่มประเทศ CLMVT (CLMVT Organic Farmer Network Development Program) เป็นครั้งแรกขึ้น เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศในกลุ่ม CLMVT ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเกษตรอินทรีย์ของไทยต่อไปในอนาคต โดยเชิญเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์เดิม หรือมีแนวคิดที่จะทำเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มประเทศ CLMVT เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในการทำเกษตรอินทรีย์ระหว่างกันเป็นเวลา ๑ เดือน โดยเกษตรกรของทั้ง ๕ ประเทศ จำนวน ๑๐ รายนี้ นอกจากจะได้เรียนรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์แล้ว ผู้แทนเกษตรกรที่มาเข้าร่วมกิจกรรมเองก็จะได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์การทำเกษตรอินทรีย์ให้กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกด้วย ทั้งนี้ นอกจากการเรียนและการลงมือปฏิบัติในแปลงสาธิตแล้ว เกษตรกรที่เข้ารับการอบรมยังจะได้มีโอกาสเรียนรู้ในเรื่องของการตลาดและระบบโลจิสติกส์เกษตรอินทรีย์อีกด้วย  

          “การดำเนินการทั้ง ๓ กิจกรรมใหญ่ในช่วงกลางปี ๒๕๖๐ นั้น กระทรวงพาณิชย์มุ่งหวังที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาตลาดเกษตรอินทรีย์ของไทยอย่างยั่งยืน เพื่อให้ไทยกลายเป็น HUB ของเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคนี้ได้ในอนาคตอันใกล้ โดยกิจกรรมทั้ง ๓ กิจกรรมดังกล่าวนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในการทำเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนเป็นเวทีให้ผู้ผลิตได้นำสินค้าเกษตรอินทรีย์ของตนมาวางขายให้เป็นที่รู้จักในตลาดอีกทางหนึ่งด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในท้ายสุด

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๒๙ วันพุธที่ ๒๖ - วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐


687 1342