29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

May 17,2017

‘เอสซีจี’แถลงผลไตรมาสแรกปี ๖๐ กำไรโตจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ ลงทุนอาเซียนรุดหน้าทุกกลุ่มธุรกิจ

            ผลประกอบการเอสซีจีไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙ จากปีก่อน จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ ส่วนการลงทุนอาเซียนคืบหน้าชัดเจน ทั้งในเวียดนาม สปป.ลาว และเมียนมา เผยตลาดอุปโภคบริโภคในไทย และอาเซียนยังโตอีกมาก ส่งผลความต้องการบรรจุภัณฑ์เติบโตต่อเนื่อง

            เมื่อเร็วๆ นี้ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของเอสซีจีในไตรมาสที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๐ ว่ามีรายได้จากการขาย ๑๑๖,๒๖๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖ จากปีก่อน มีกำไร ๑๗,๓๘๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙ จากปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ประกอบกับกำไรจากการขายเงินลงทุนและสินทรัพย์ส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการส่งออก ๓๑,๐๔๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๗ ของยอดขายรวม 

            สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียนในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ เอสซีจีมีรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและจากการส่งออกไปยังอาเซียน ๒๕,๙๑๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๓ ของรายได้รวม ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ มูลค่า ๑๓๗,๑๔๔ ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ ๒๔ ของสินทรัพย์รวมของบริษัท

    ในขณะที่สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๕๖๒,๑๗๐ ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ แยกตามรายธุรกิจดังนี้ ๑.เอสซีจี เคมิคอลส์ ในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ มีรายได้จากการขาย ๕๔,๒๗๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔ จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๗ จากไตรมาสก่อน และมีกำไรสำหรับงวด ๑๓,๓๖๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๙ จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๔ จากไตรมาสก่อน จากการ   กลับมาดำเนินการภายหลังการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน โอเลฟินส์ (ROC) นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากการขายเงินลงทุนสุทธิภาษี ๑,๔๓๑ ล้านบาท ๒.เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ มีรายได้จากการขาย ๔๔,๘๒๔ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๒ จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙ จากไตรมาสก่อน มีกำไรสำหรับงวด ๒,๔๖๘ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๒๕ จากปีก่อน จากผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓๖ จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ ตลาดซิเมนต์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ผลจากการลงทุนในภาคการก่อสร้างยังต่ำกว่าปีที่แล้ว และการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ๓.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ มีรายได้จากการขาย ๑๙,๘๔๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘ จากไตรมาสก่อน มีกำไรสำหรับงวด ๑,๖๙๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๕ จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๗๑ จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการขายสินทรัพย์ส่วนที่ไม่ได้ใช้แล้ว 

            นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า “การที่เอสซีจีได้กำหนดวิสัยทัศน์ เข้าไปดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ทำให้มองเห็นศักยภาพ และโอกาสการเติบโตที่ดี โดยขณะนี้โครงการลงทุนในอาเซียนมีความชัดเจนและคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเอสซีจีได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็นร้อยละ ๗๑ ในโครงการ Long Son Petrochemicals ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมี ครบวงจรแห่งแรกของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในจังหวัดบาเรียหวุงเต่า อยู่ใกล้กับนครโฮจิมินห์ซึ่งเป็นตลาดหลัก และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งโครงการฯ นี้มีการนำเทคโนโลยีชั้นสูง และทันสมัยที่มีมาตรฐานด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมในระดับสากล มาใช้ในกระบวนการผลิต โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศเวียดนาม และในภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสรุปรายละเอียดกับพันธมิตรผู้ร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในกลางปี คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ ๕ ปี และจะเริ่มผลิตได้ในปี ๒๕๖๕”

            สำหรับธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ล่าสุดได้เข้าลงทุนใน Vietnam Construction Materials JSC (“VCM”) ซึ่งเป็นธุรกิจซิเมนต์ครบวงจรในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต ๓.๑ ล้านตันต่อปี ตั้งอยู่ในจังหวัดกว๋าง-บิ่น ภาคกลางของประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการทำธุรกิจ ที่สามารถรองรับความต้องการของตลาดปูนซิเมนต์ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะที่โรงงานปูนซิเมนต์ในประเทศเมียนมาเริ่มผลิตสินค้าออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมกราคม และสปป.ลาวในเดือนมีนาคม ปัจจุบันเอสซีจีมีกำลังการผลิตปูนซิเมนต์ในอาเซียนไม่นับประเทศไทย รวม ๑๐.๕ ล้านตันต่อปี

            “ในขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้งนั้น เอสซีจีได้ลงทุนใน Indocorr ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพสูงในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตรวม ๓๒,๐๐๐ ตันต่อปี ปัจจุบัน เอสซีจีมีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษ รวมทั้งหมด ๑,๐๔๕,๐๐๐ ตันต่อปี นอกจากนี้ยังหาโอกาสในการลงทุนในบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท ทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษ และ Flexible Packaging เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่เน้นการบริโภคอาหารนอกบ้านมากขึ้น” นายรุ่งโรจน์ กล่าว

            ทั้งนี้ ยอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) ในไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๐ คิดเป็น ๔๓,๗๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๘ ของยอดขายรวม

 นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๓๓ วันอังคารที่ ๑๖ - วันเสาร์ที่ ๒๐ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐


687 1336