27thApril

27thApril

27thApril

 

May 26,2017

‘บางจาก’แจง ๓ เดือนแรกดีเยี่ยม คาดไตรมาส ๒ แข็งแกร่งต่อเนื่อง

            ผลดำเนินงาน “บางจาก” ไตรมาสแรก มีรายได้ ๔๓,๙๙๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๕ มี EBITDA รวม ๔,๐๗๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘๗ กลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นทุบสถิติ มียอดขายน้ำมันเติบโตต่อเนื่อง เร่งสร้างนวัตกรรมรุกธุรกิจใหม่ เพิ่มความแข็งแกร่งองค์กร คาดผลดำเนินการของธุรกิจสีเขียวมีแนวโน้มพุ่งเกินเป้าหมาย

            นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ ๑ ของปี ๒๕๖๐ ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม ๔๓,๙๙๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๕ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม ๔,๐๗๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘๗ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๓ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ ๒,๑๙๘ ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ ๒,๐๘๔ ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น ๑.๕๑ บาท

            นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ บริษัท บางจากฯ มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัว ดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่มีอัตราการผลิตเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง เฉลี่ยที่ ๑๐๙,๘๐๐ บาร์เรลต่อวัน ซึ่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาสามารถกลั่นได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ ๑๒๑,๖๔๐ บาร์เรลต่อวัน มีค่าการกลั่นพื้นฐาน ๗.๐๗ เหรียญสหรัฐฯ    ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวแคบลง ประกอบกับส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิงในบางผลิตภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจโรงกลั่นมี Inventory gain จำนวน ๒๙๙ ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในไตรมาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA ๒,๒๒๖ ล้านบาท 

            ธุรกิจการตลาด มีปริมาณการจำหน่าย ๑,๕๓๙ ล้านลิตร จากทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดอุตสาหกรรม โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าผ่านสถานีบริการ และอุปทานในตลาดอุตสาหกรรมที่ตึงตัวจากการหยุดกลั่นของโรงกลั่นบางแห่งในประเทศ โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นที่ผ่านสถานีบริการ ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ ๙๕ แก๊สโซฮอล์ E๘๕ และปริมาณการจำหน่ายในตลาดอุตสาหกรรมมาจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา และน้ำมันดีเซล รวมทั้งมีการขยายสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ที่ทันสมัย และธุรกิจเสริมที่บริหารงานโดยบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ได้แก่ ธุรกิจร้านกาแฟอินทนิล มินิมาร์ท ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปรับปรุงภาพลักษณ์และคุณภาพการให้บริการที่ดีขึ้น โดย ณ สิ้นไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ นี้ ได้เปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่จำนวน ๗ สาขา พร้อมขยายสาขาอินทนิล ๑๑ สาขา และ SPAR ๓ สาขา และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ ๒ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัท บางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันทั้งสิ้น รวม ๑,๐๗๕ แห่ง มีค่าการตลาดรวมอยู่ที่ ๐.๘๔ บาท ต่อลิตร มี EBITDA รวม ๘๕๖ ล้านบาท

            สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ บริหารโดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบางจากฯ มีรายได้ ๗๙๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๕ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ ๔๕๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๓ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเปิดดำเนินโครงการโซลาร์สหกรณ์ (Solar Co-op) ๓ โครงการ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น รวม ๒ โครงการ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมในประเทศญี่ปุ่นมีจำนวน ๓๐ เมกะวัตต์ ส่วนในประเทศไทยมีจำนวน ๑๓๐ เมกะวัตต์ โดยในไตรมาสนี้มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้า ๗๒.๕๘ ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง มี EBITDA รวม ๗๐๖ ล้านบาท

            ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาส ๒ ของ บริษัท บีซีพีจีฯ จะมีปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานจากการปรับค่าไฟ Ft เพิ่มขึ้น และการรับรู้การผลิตไฟฟ้าเต็มทั้งไตรมาสของกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่ที่เริ่มเดินเครื่องในไตรมาสแรกทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งมีการลงทุนในโครงการใหม่ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศฟิลิปปินส์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในประเทศอินโดนีเซีย โดยการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคมปีนี้

            โดยในเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ บริษัท บีซีพีจีฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น กับบริษัท CAIF III Pte. Ltd. เพื่อเข้าซื้อเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท CapAsia ASEAN Wind Holdings Cooperatief U.A. ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือหุ้นในบริษัท PetroWind Energy Inc. ที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วขนาด ๓๖ เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนา ๑๔ เมกะวัตต์ ในวงเงินไม่เกิน ๒๘.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ ๑,๐๐๔ ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนไปยังระดับภูมิภาค คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๐

            ด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีรายได้ ๑,๙๐๒ ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล ๑,๖๓๙ ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเชื้อเพลิงเอทานอล ๒๖๓ ล้านบาท มี EBITDA ๑๗๙ ล้านบาท แบ่งเป็นของบริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ๑๐๑ ล้านบาท บริษัท บางจากไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) ๕๘ ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท อุบล ไบโอเอทานอล จำกัด ๒๐ ล้านบาท สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ ๒ ของบริษัทบางจากไบโอฟูเอลฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น คาดว่าจะมี EBITDA ๑๗๓ ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีปริมาณการจำหน่ายรวม ๒๐๐,๖๓๐ บาร์เรล มีรายได้จากการขาย ๓๙๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗๑ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc มีอัตราการผลิตเฉลี่ย ๔,๓๘๕ บาร์เรลต่อวัน โดยราคาส่งมอบในไตรมาสนี้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ราคา ๕๕.๑๒ เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และมี EBITDA ๑๓๓ ล้านบาท

            อนึ่ง บริษัท บางจากฯ อยู่ระหว่างการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานเพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจชีวภาพ (BIO Product) และทรัพยากรธรรมชาติ (E&P) โดยมีศูนย์นวัตกรรม Bangchak Initiative Innovation Center : หรือ BiiC ที่ได้ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ในการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ด้านระบบกักเก็บพลังงาน รวมทั้ง Green Technology/Green Material และ Bio-base Material เพื่อสร้างความมั่นคงให้องค์กร มุ่งก้าวสู่การเป็นกลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชีย


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๓๔ วันศุกร์ที่ ๒๖ - วันพุธที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐


692 1347