ยังไม่ยุติ คดีพิพาทระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่า “ตลาดสุรนคร” หลังจากผู้ให้เช่าบุกยึดคืนมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ล่าสุดนำกำลังพร้อมทนายไปลุยอีกรอบเมื่อรุ่งสาง ก็ล้มเหลวอีก ฝ่ายความมั่นคงเรียกเจรจาหวั่นปะทะรุนแรง ฝ่ายเจ้าของที่ดินอ้างถูกเบี้ยวค่าเช่าหลายปี ฝ่ายตลาดยืนยันยังไม่ครบสัญญาเช่า ๓๐ ปี ส่วนการชำระค่าเช่าอยู่ในอำนาจของศาล

                เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลาประมาณ ๐๕.๔๐ น. ที่อาคารสำนักงานตลาดสุรนครเมืองใหม่ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา นายปรีชา สุวรรณชาติ ผู้จัดการ หจก.อุ้มบุญธุรกิจ (เปลี่ยนชื่อเป็น หจก.มหานคร สุรนารีเมืองใหม่) เจ้าของที่ดินตลาดสุรนคร พร้อมนายสุวัฒน์ชัย สวัสดี ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ได้นำชายฉกรรจ์จำนวนหลายสิบคน บุกยึดครอบครองกิจการตลาดฯ โดยอ้างอาศัยคำพิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมา จึงมีสิทธิครอบครอง ส่วนคู่กรณี ซึ่งมีนางอุรัส ชัยรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด ผู้เช่าฯ ได้สั่งคนงานปิดประตูทางเข้าสำนักงาน และกระจายกำลังยืนขวางบันไดทางขึ้น เหตุการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียด เมื่อนายปรีชา สุวรรณชาติ ผู้อ้างว่ามีสิทธิโดยชอบ เดินหน้านำกลุ่มชายฉกรรจ์และพยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปในอาคาร จึงเผชิญหน้ากับฝ่ายต่อต้าน พร้อมออกแรงดันกันไปมา และส่งเสียงอ้างสิทธิบริหาร ส่งผลให้พ.ต.อ.ปฏิยุทธ์ สิงห์สมโรจน์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนขวางอยู่บนบันได เพื่อเป็นแนวกันชนมิให้คู่กรณีใช้กำลังต่อสู้กัน เวลาผ่านไปกว่า ๓๐ นาที นายปรีชาจึงสั่งการให้กำลังของตนเองถอยออกมา

เรียก ๒ ฝ่ายประชุม

                จากนั้นในเวลา ๑๓.๐๐ น. พลตรีวิฑูรย์ ศิริปักมานนท์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๒๑ ในฐานะหัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายธนพล จันทรนิมิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และพล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก ผบก.จว.นครราชสีมา ได้เรียกคู่กรณีมาเจรจาพูดคุยหาข้อยุติ ที่ห้องไกล่เกลี่ย ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งฝ่ายผู้เช่ามีนางกัญญานนท์ กมลยะบุตร ลูกสาวของนาง    อุรัส ชัยรัตน์ และนายสมคิด ยุพา ทนายความ เข้าร่วมประชุมด้วย

                โดยนายธนพล จันทรนิมิ รองผู้ว่าฯ สอบถามถึงความคืบหน้าล่าสุดในกระบวนการศาลยุติธรรม ให้ฝ่ายไหนมีสิทธิครอบครองกิจการโดยชอบ แต่จะไม่กล่าวถึงรายละเอียดของคดีความว่า ใครผิดถูกอย่างเด็ดขาด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดอีกครั้ง ซึ่งนายสุวัฒน์ชัย ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าของที่ดิน อ้างคำพิพากษาของศาลจังหวัดนครราชสีมา ยกฟ้องกรณี หจก.อุ้มบุญฯ บุกรุกตลาดสุรนคร จึงมีสิทธิโดยชอบในการเข้าครอบครองกิจการ แต่มีการโต้แย้งกันเกิดขึ้น ทำให้มีการปะทะคารมกันไปมา ในขณะที่นายปรีชากล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของที่ดิน ๓๘ ไร่ ให้คู่กรณีเช่าทำประโยชน์ในระยะเวลา ๑๕ ปี แต่ไม่ยอมชำระหนี้ตามสัญญาระบุ จึงร้องขอความเป็นธรรมทั้งกองปราบปราม, สำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐสภา แต่ก็ไม่มีหน่วยงานไหนช่วยได้ กลับถูกอิทธิพลข่มขู่อีก

ต้องรอคำพิพากษา

                หลังจากนั้น นายธนพล จันทรนิมิ รองผู้ว่าฯ กล่าวสรุปว่าที่ประชุมรับฟังคำชี้แจงแล้ว ปรากฏสิทธิครอบครองกิจการตลาด บริษัทสุรนครเมืองใหม่ จำกัด อยู่ในฐานะได้เปรียบ ส่วนนายปรีชาแม้จะเป็นผู้ให้เช่า แต่ก็ต้องรอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาก่อน อย่างไรก็ตามหน่วยงานความมั่นคง ต้องการให้เกิดบรรยากาศความสงบเรียบร้อย จึงเรียกคู่พิพาทมาพูดคุยตกลงกัน เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าใช้กำลังปะทะ อาจลุกลามขยายความเสียหายเป็นวงกว้าง เราจะไม่ยินยอมเพิกเฉยปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด หากใครไม่เชื่อฟังจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการโต้แย้งสิทธิในตลาดของทั้งสองฝ่ายในเรื่องครอบครองสิทธิต่างๆ ต้องฟ้องร้องตกลงกันเอง ทางราชการไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ดังนั้นทุกฝ่ายต้องยึดมั่นและปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามคำสั่งศาลยุติธรรม” รองผู้ว่าฯ กล่าวย้ำนักแน่น

ทนายชี้ผู้เช่าผิดสัญญา

                นายสุวัฒน์ชัย สวัสดี ที่ปรึกษากฎหมายของนายปรีชา สุวรรณชาติ ทายาทนายสนิท สุวรรณชาติ เจ้าของตลาดผู้วายชนม์  เปิดเผยกับ “โคราชคนอีสาน” ว่า เรื่องนี้แม้จะอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง แต่ก็ไม่มีการปฏิบัติตามแต่อย่างใด ไม่มีใครช่วยเหลือได้เลย ทั้งที่ผู้เช่าเป็นคนผิดสัญญา และไม่ยอมจ่ายค่าเช่าเป็นระยะเวลามานานหลายปีมาแล้ว ซึ่งนายปรีชา(สุวรรณชาติ) ก็เคยไปร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา และไปร้องที่สำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ซึ่งต่อมาทางสำนักนายกฯ ก็มีหนังสือมาถึงจังหวัด ในสมัยที่นายธงชัย ลืออดุลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และทราบว่าจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย แต่นายธงชัยก็ต้องเกษียณอายุราชการ (วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) เรื่องจึงล่วงเลยมาถึงทุกวันนี้

สัญญายังไม่ครบ ๓๐ ปี

                ทางด้านนายสมคิด ยุพา ทนายความของบริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด เปิดเผยกับ “โคราชคนอีสาน” ว่า ในวันที่มีการพูดคุยที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ นั้น ไม่มีเรื่องใหม่ มีแต่การหยิบยกเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูด ซึ่งรองผู้ว่าฯ เน้นย้ำว่า ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ให้รอคำสั่งศาล และเตือนว่า ทางฝ่ายของตลาดสุรนครก็อย่าไปยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทางจังหวัดและฝ่ายความมั่นคงจะไม่ปล่อยให้เกิดความรุนแรงขึ้นอย่างเด็ดขาด

                “โคราชคนอีสาน” ถามว่า เหตุผลที่นายปรีชาผู้ให้เช่าอ้างว่า ครบสัญญาเช่าแล้ว ๑๕ ปี และทางสุรนครผู้เช่ายังไม่ยอมจ่ายค่าเช่านั้น ความจริงเป็นอย่างไร? นายสมคิด ยุพา กล่าวว่า ความจริงแล้วตามสัญญาเช่าระบุไว้ ๓๐ ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ และจะครบสัญญาในปี ๒๕๖๔ ส่วนประเด็นเรื่องการชำระค่าเช่านั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในชั้นศาล ตนจึงไม่ขอก้าวล่วงอำนาจของศาล

                นายสมคิด ยุพา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด ยังมีความชอบธรรมที่จะดำเนินกิจการในตลาดสุรนครต่อไป เพราะ หจก.อุ้มบุญธุรกิจ ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา จากการที่บริษัทสุรนครฯ ผิดสัญญาไม่ยอมจ่ายค่าเช่าที่ดิน เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ โดยสุรนครเมืองใหม่ได้มีการต่อสู้คดีมาโดยตลอด และคดีความยังไม่แล้วเสร็จ ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งในการที่ หจก.อุ้มบุญธุรกิจจะยกเรื่องสัญญาตามข้อ ๓ ที่ว่าเมื่อสัญญาครบ ๑๕ ปี ทรัพย์สินตลอดทั้งสิ่งปลูกสร้างต้องตกเป็นของผู้ให้เช่า ซึ่งในประเด็นนี้ไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะในสัญญาเช่าข้อ ๕ ในหนังสือแนบท้ายสัญญา ระบุไว้ว่า ผู้ให้เช่าตกลงให้ผู้เช่าสามารถใช้สิทธิ์ในการดำเนินการธุรกิจได้และทำการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างได้ในปีที่ ๑ ถึงปีที่ ๑๕ หลังจากนั้นผู้เช่ามีสิทธิ์ชอบธรรมที่จะดำเนินกิจการได้ กระทั่งครบสัญญาคือ ๓๐ ปี

                “โคราชคนอีสาน” สอบถามนายสมคิดอีกว่า หลังจากนี้บริษัท สุรนครเมืองใหม่ จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำตามสัญญาและจะยังไม่มีการย้ายไปไหนจนกว่าจะมีคำสั่งจากศาล หรือสัญญาหมดอายุลง และจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป หากสัญญาหมดลงทาง  สุรนครเมืองใหม่ ก็พร้อมที่จะทำการย้ายออกไปแต่โดยดี 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจาก นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๓๔ วันศุกร์ที่ ๒๖ - วันพุธที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม พุทธ ศักราช ๒๕๖๐