25thApril

25thApril

25thApril

 

June 21,2017

เจ้าหน้าที่สหกรณ์ยักยอก ๑๐๐ ล. แจ้งความ ๖ เดือนคดีไม่คืบ อนาถใจอีกหลายแห่งก็ทุจริต

 

                ประธานสหกรณ์ฯ แฉพฤติกรรมเจ้าหน้าที่บัญชี ร่วมกับบุคคลภายนอกปลอมแปลงเอกสารยักยอกเงินร่วม ๑๐๐ ล้านบาท แจ้งความนาน ๖ เดือนคดีไม่คืบ ผู้กระทำผิดยังลอยนวลทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ด้านสหกรณ์จังหวัดฯ อ้าง คดีอาญาขึ้นอยู่กับตำรวจ เผยที่ผ่านมามีสหกรณ์ถูกยักยอกเงิน และฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว ๓ แห่ง

                เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ นางสาววลัยลักษณ์ แสมรัมย์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรลำปลายมาศ จำกัด อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ นำหลักฐานรายการบัญชีเงินฝาก และสลิปรับฝากเงินรายวัน ที่มีการตรวจพบความผิดปกติ ออกมาเปิดเผยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีหญิงคนหนึ่ง ที่ทำการปลอมแปลงบันทึกรายการอันเป็นเท็จในสมุดบัญชีเงินฝากของสมาชิกสหกรณ์รวม ๓๙๐ บัญชี และทำรายการทางบัญชีอันเป็นเท็จให้กับบุคคลภายนอกอีก ๑ บัญชี รวมทั้งหมด ๔๐๐ รายการ เพื่อลักทรัพย์ ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ  ร่วม ๑๐๐ ล้านบาท โดยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีหญิงคนดังกล่าว จะทำการรับฝากเงินจากสมาชิกพร้อมลงตัวเลขในสมุดบัญชี  และเขียนใบฝากตามปกติ เหมือนกับการฝากเงินทั่วไป แต่ไม่คีย์ยอดการฝากเงินลงในระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นนำเงินสดที่สมาชิกนำมาฝากเข้ากระเป๋าตัวเอง ส่วนอีกกรณีที่ร่วมกับบุคคลภายนอกยักยอกเงิน คือ พนักงานคนดังกล่าวไปซื้อหวยกับเจ้ามือหวยรายหนึ่ง  แต่พอไม่ถูกหวยและไม่มีเงินสดไปจ่าย ก็จะไปเอาสมุดบัญชีของเจ้ามือหวยคนดังกล่าว มาปรับแต่งยอดเงินเป็นตัวเลขลมขึ้นมาว่า ได้โอนจ่ายเงินค่าหวยเข้าบัญชีให้แล้ว ซึ่งทำแบบนี้มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ แต่ไม่มีการตรวจพบ

                กระทั่งเมื่อปี ๒๕๕๗ นางสาววลัยลักษณ์ แสมรัมย์ เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสหกรณ์ฯ และทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ กรมบัญชีสหกรณ์ ได้เข้ามาตรวจสอบบัญชี และพบความผิดปกติ เพราะตัวเลขไม่เป็นปัจจุบัน และตัวเลขในรายการฝากเงินไม่ตรงกับยอดเงินจริง จึงให้มีการตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการรับฝาก-ถอนเงินย้อนหลัง กระทั่งพบว่ามีการยักยอกเงินของสหกรณ์จริงๆ เป็นเงินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท  

                นางสาววลัยลักษณ์ แสมรัมย์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรลำปลายมาศ จำกัด กล่าวว่า หลังพบหลักฐานการยักยอกเงินของสหกรณ์ จึงตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และพบว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีคนดังกล่าวเป็นคนยักยอกเงิน จึงให้ออกจากการทำหน้าที่ และได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ฐานลักทรัพย์เงินนายจ้าง และแจ้งความเอาผิดกับบุคคลภายนอกที่มีส่วนร่วมยักยอกเงินดังกล่าวด้วย ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๐ มาถึงขณะนี้เวลาผ่านมา ๖ เดือนแล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ผู้กระทำผิดยอมรับสารภาพ และมีหลักฐานชัดเจน แต่กลับไม่มีการดำเนินการลงโทษใดๆ

                ต่อมาวันเดียวกัน นางสาววลัยลักษณ์ แสมรัมย์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรลำปลายมาศ จำกัด พร้อมด้วยประธานกลุ่มสหกรณ์ และสมาชิกฯ ทั้ง ๒๐๐ กลุ่ม ได้ร่วมกันเดินทางเข้ายื่นหนังสือพร้อมถือป้ายที่หน้าที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ เพื่อเรียกร้องให้ทางอำเภอช่วยเหลือเร่งรัดการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี ของสหกรณ์การเกษตรฯ ที่ได้ร่วมกับเจ้ามือหวยรายใหญ่ปลอมแปลงบันทึกรายการอันเป็นเท็จในสมุดบัญชีเงินฝากของสมาชิกสหกรณ์ และทำรายการทางบัญชีอันเป็นเท็จ รวม ๔๐๐ รายการ เพื่อยักยอก ลักทรัพย์เงินของสหกรณ์ฯ กว่า ๑๐๐ ล้านบาท หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีมานาน ๖ เดือน และร้องเรียนไปหลายหน่วยงานให้ทำการตรวจสอบเอาผิด และนำเงินที่ถูกยักยอกไปกลับคืนให้กับสหกรณ์เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ตามปกติ เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนและเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์กว่า ๗,๐๐๐ คน ซึ่งเบื้องต้นทางอำเภอรับเรื่องไว้พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดดำเนินการตามที่กลุ่มสหกรณ์มายื่นเรื่องร้อง 

                ต่อมาประธานกลุ่มสหกรณ์ได้เดินทางไปติดตามทวงถามความคืบหน้าคดีที่ สภ.ลำปลายมาศ แต่ยังไม่ทันได้ยื่นหนังสือ ทางผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ กลับออกมาแสดงอาการไม่พอใจ พร้อมพูดต่อหน้าประชาชนว่า จะเอาผิดกับทุกคนที่มารวมตัวหน้าโรงพัก โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมประท้วง ทำให้ประชาชนที่มาติดตามความคืบหน้าคดี ต่างตกใจและงุนงงกับพฤติกรรมของ ผกก. จากนั้นได้มีตัวแทนตำรวจนายหนึ่งออกมารับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มสหกรณ์ พร้อมรับปากจะติดตามเรื่องให้ จึงได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ

                นายทองฮวด เจตมาศ อายุ ๖๓ ปี สมาชิกลุ่มสหกรณ์รายหนึ่งในตำบลแสลงพัน เปิดเผยว่า เจตนาที่ตัวแทนกลุ่มสหกรณ์ไปยื่นเรื่องกับทางอำเภอ และโรงพัก เพื่อต้องการให้ช่วยเหลือติดตามเร่งรัดคดีที่เจ้าหน้าที่บัญชี ร่วมกับเจ้ามือหวย ยักยอกเงินของสหกรณ์ ซึ่งถือเป็นการรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเองและสหกรณ์เท่านั้นไม่ได้ไปก่อความวุ่นวาย แต่กลับถูกผู้กำกับฯ ใช้พฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่ ก็รู้สึกตกใจไม่คิดว่าตำรวจซึ่งน่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนกลับแสดงพฤติกรรมเช่นนี้

                ด้านนางสาววลัยลักษณ์ แสมรัมย์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรลำปลายมาศ จำกัด กล่าวว่า เหตุที่กลุ่มสหกรณ์ และสมาชิก ไปยื่นหนังสือกับทางอำเภอ และที่โรงพัก ก็เพื่อต้องการให้ช่วยเหลือติดตามเร่งรัดคดีที่เจ้าหน้าที่บัญชี ร่วมกับเจ้ามือหวย ลักทรัพย์ยักยอกเงินของสหกรณ์ไปร่วม ๑๐๐ ล้านบาท เพราะแจ้งความไปนานแล้วคดีไม่คืบหน้า แต่เมื่อไปติดตามทวงถามที่โรงพัก ผกก.กลับแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งโวยวายและบอกจะเอาผิดกับชาวบ้านที่ไปขอความช่วยเหลือ ทั้งนี้ยังฝากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับสูงเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่มีส่วนร่วมในการยักยอกเงินสหกรณ์ฯ พร้อมนำเงินกลับมาคืนสหกรณ์โดยเร็วด้วย

                ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ นายวีระยุทธ ทุมทอง สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ในฐานะที่สหกรณ์จังหวัดฯ มีหน้าที่กำกับดูแลสหกรณ์ต่างๆ ทั้งจังหวัด หลังทราบเรื่องความผิดปกติที่เกิดขึ้น ได้มีหนังสือสั่งการให้สหกรณ์ลำปลายมาศที่เกิดปัญหา ทำการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและหาตัวผู้กระทำผิด พร้อมให้รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่ตรวจพบ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนแล้ว รวมถึงได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อประสานเกี่ยวกับคดี รวมทั้งมีการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากยอดเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นจำนวนมากถึง ๑๐๐ ล้านบาท อาจส่งผลกระทบกับสมาชิกที่มาฝากถอนเงินกับสหกรณ์ดังกล่าวได้ รวมทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกด้วย จากนั้นได้ติดตามเรื่องอย่างต่อเนื่อง พร้อมรายงานให้กรมส่งเสริมสหกรณ์รับทราบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในส่วนของสหกรณ์หลังจากพบการกระทำความผิด ได้ลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่บัญชีคนดังกล่าวแล้ว คือ ให้ออกจากการทำหน้าที่ เพราะถือเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ส่วนเรื่องการดำเนินคดีทางแพ่ง หรืออาญานั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ตามที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม  ๒๕๖๐ ส่วนคดีที่ล่าช้าก็ไม่ทราบว่าติดอยู่ที่ขั้นตอนใด แต่ทางสหกรณ์ก็ไม่ได้ก้าวก่ายการทำหน้าที่ของตำรวจ

                สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวยอมรับว่า นอกจากสหกรณ์การเกษตรลำปลายมาศ ที่พบปัญหาการยักยอกเงินแล้ว ที่ผ่านมายังมีสหกรณ์อีก ๓ แห่ง ที่มีปัญหาการยักยอกเงินของสหกรณ์ ทั้งในรูปแบบการนำเงินสดของสหกรณ์ไปใช้ส่วนตัว ยักยอกปลอมแปลงเอกสารนำเงินของสหกรณ์ไปใช้ และปลอมแปลงเอกสารยักยอกเอาเงินของสมาชิกที่นำมาฝากกับสหกรณ์ไปใช้ ซึ่งในจำนวนนี้บางคนถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว บางคนอยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดี จึงขอฝากให้สหกรณ์ต่างๆ เข้มงวดเรื่องการตรวจสอบความผิดปกติทั้งเรื่องระบบบัญชี และตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับการฝากถอนเงินอย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีก

 

 

 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจาก นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๔๔๐ วันพุธที่ ๒๑ - วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐


690 1346