19thApril

19thApril

19thApril

 

July 24,2017

เปิดเวทีฟังความเห็นสตาร์ทอัพ ‘คนมีไอเดียแต่ไร้เงินทุน’ เสนอปรับกม.ใช้‘หุ้น’ระดมทุน

              กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดประชุมรับฟังความเห็นจาก Startup เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยหาทางแก้ไขปัญหาเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนเริ่มธุรกิจ เสนอ ๔ แนวทางปรับกฎหมายพาณิชย์โดยใช้หุ้นของบริษัทเป็นช่องทางสร้างเงินทุน กรมฯ รับลูก เสนอออกประกาศภายใต้อำนาจของ ก.ล.ต. สามารถทำได้ทันทีไม่ต้องรอ

              นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อ เร็วๆ นี้ กรมฯ ได้จัดประชุมหารือเรื่อง “การหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น” ณ ห้องประชุมม่วงเทพรัตน์ ชั้น ๗ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (Thailand Tech Startup Association) และสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Thai Venture Capital Association) โดยมีประเด็นหารือถึงแนวทางในการระดมทุนเพื่อส่งเสริมธุรกิจในกลุ่ม Startup เนื่องจากธุรกิจ Startup ในประเทศไทยยังไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควรเพราะประสบปัญหาเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในระยะแรกเริ่มกิจการจึงทำให้สถาบันการเงินมักจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลให้ Startup ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้จึงเป็นเหตุให้ผู้ประกอบธุรกิจบางรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จได้

              สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ คณะทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นได้ยื่นข้อเสนอแนะให้กับที่ประชุมเพื่อขอแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใน ๔ ประเด็นคือ ๑) การออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible bond) กล่าวคือการเปลี่ยนจากสภาพหนี้ให้กลายเป็นหุ้นแก่เจ้าหนี้การค้า ๒) การเปลี่ยนแปลงบุริมสิทธิในหุ้น (Preferred Shares) ๓) การทยอยให้หุ้น (vesting) หรือสิทธิที่จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่กำหนด และ ๔) การออกหุ้นให้พนักงานหรือกรรมการ (ESOP) โดยเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ดี กรมฯ ได้จัดรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และร่วมหาแนวทางเพื่อปรับปรุงกฎหมาย ให้สอดรับกับภาคธุรกิจในปัจจุบันจากผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยอาจเป็นไปได้ใน ๒ แนวทางคือ แนวทางที่ ๑ ก.ล.ต. สามารถออกเป็นประกาศภายใต้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้ทันที และแนวทางที่ ๒ การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

              อย่างไรก็ดี การแก้ไขกฎหมายนั้นจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบพิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ประกอบกับมีขั้นตอนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน จึงอาจทำให้ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการนานกว่าเพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

 

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๔๖ วันศุกร์ที่ ๒๑ - วันอังคารที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐


691 1342