“โปแตซอาเซียน” เปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชน หลังก่อนหน้านี้ออกมาต่อต้านหนัก หวั่นเกิดผลกระทบ ท้ายสุดจำต้องเปลี่ยน “โรงไฟฟ้าถ่านหิน” เป็น “ชีวมวล” กรรมการบริษัทฯ ย้ำหากยังไม่สบายใจ ก็ยังไม่ดำเนินการ จะเปิดเวทีจนกว่าจะพอใจและสบายใจ

                ตามที่ “โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสำหรับโครงการเหมืองแร่โปแตซและเกลือหิน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ” ของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) จะก่อสร้างในเขตประทานบัตร “โครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียน” บริเวณตำบลหัวทะเล อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ โดยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา คือ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้ศึกษาและคาดการณ์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเสนอหน่วยงานผู้พิจารณาเพื่อประกอบการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยที่ผ่านมาในปี ๒๕๕๘ ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว แต่เกิดกระแสการออกมารวมตัวต่อต้านเพราะโครงการจะใช้ถ่านหินมาทำการผลิตกระแสไฟฟ้า ประชาชนในพื้นที่จึงไม่มั่นใจต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการดังกล่าวที่จะตามมา ส่งผลให้มีการขึ้นป้ายประท้วงต่อต้านในพื้นที่อย่างมาก พร้อมทั้งยื่นหนังสือคัดค้านถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่ง “โคราชคนอีสาน” เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องนั้น

                ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลา ๐๙..๐๐-๑๒.๐๐ น. ณ หอประชุมโรงเรียนบางอำพันธ์วิทยาคม ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ มีการเปิดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ โดยเวทีที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผู้บริหารฝ่ายโครงการเหมืองแร่โปแตชอาเซียนต้องการลดกระแสการต่อต้านและให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความมั่นใจที่จะต้องดำเนินโครงการต่อโดยเร็ว และสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ จึงยกเลิกโรงงานผลิตไฟฟ้าถ่านหินตามที่ประชาชนต่อต้าน มาเป็นชีวมวลแทน โดยใช้กะลาปาล์มมาเป็นเชื้อเพลิงหลักในการเผาไหม้ในหม้อไอน้ำเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าแทน โดยมีตัวแทนทางจังหวัด กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชัยภูมิ และตัวแทนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และชลประทานจังหวัดชัยภูมิ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่กว่า ๒,๐๐๐ คนเข้าร่วม โดยมีพล.ท.นพ.มงคล จิระสันติการ กรรมการบริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียนชัยภูมิ จำกัด(มหาชน) มาร่วมชี้แจง

                บรรยากาศระหว่างการจัดเวทีตั้งแต่ช่วงเวลา ๐๙.๐๐ น. มีตัวแทนประชาชนในพื้นที่บางกลุ่มนับร้อยคนพากันมารวมตัวกันที่หน้าทางเข้าหอประชุมในโรงเรียนบางอำพันธ์วิทยาคม ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งอ้างว่าต้องการมาร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นและอยากได้รับคำยืนยันเป็นหนังสือจากทางตัวแทนโครงการว่า จะมีการยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยเด็ดขาด และจะหันไปใช้ผลิตพลังงานมาผลิตไฟฟ้าเป็นอย่างแทนหรือใช้ระบบชีวมวลแทน

                โดยเจ้าหน้าที่พยายามออกมาแจ้งว่า ขอให้มาร่วมเวทีโดยสงบไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ให้มีการมาใช้เครื่องเสียงกล่าวโจมตีกันว่าใครสนับสนุน หรือต่อต้านกันอีก เพราะครั้งนี้หากใครที่จะเข้ามาร่วมเวทีก็ไม่ได้ห้าม ขอให้เข้าไปโดยสงบ จากนั้นจึงปิดประตูทางเข้าโรงเรียนไว้ เพื่อไม่ให้กลุ่มที่มาชุมนุมที่หน้าโรงเรียนอยู่ภายนอกก่อน และการทำเวทีรับฟังความคิดเห็นของโครงการนี้ก็มีระบบพร้อมรับฟังปัญหากับทุกฝ่ายอยู่แล้ว ขอให้ประชาชนที่เดินทางมาเข้าใจการทำงานของภาครัฐด้วย และยังมีขั้นตอนที่ประชาชนที่เดินทางมาสามารถไปยื่นเรื่องขอคำตอบที่หน่วยงานของอำเภอ และจังหวัดต่อไปได้อีกไม่เกิน ๑๕ วันจากนี้ไปได้อีกทางในครั้งนี้ด้วย

                นางสุวรรณี ศรีสูงเนิน อายุ ๕๐ ปี ประชาชนหมู่ที่ ๘ ซึ่งเคยออกมาคัดค้านและเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการที่เดิมจะมีการตั้งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ของโครงการ และครั้งนี้ทราบว่า มีการมาเปิดรับฟังความคิดเห็นและมีการเปลี่ยนเป็นโครงการโรงฟ้าชีวมวลมาใช้กะลาปาร์มมาแทนจากถ่านหิน ก็ยอมรับได้ แต่ในวันนี้มาเพื่อรับคำยืนยันและอยากจะเห็นหลักฐานเป็นเอกสารหนังสือที่ชัดเจนว่า จะไม่รื้อฟื้นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นมาอีก

                พล.ท.นพ.มงคล จิระสันติการ กรรมการบริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียนชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางโครงการพร้อมรับฟังปัญหาความคิดเห็นของประชาชนทุกด้านอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจและอาจจะยังไม่มั่นใจการดำเนินงานของโครงการ ซึ่งทางโครงการก็พร้อมรับฟัง กระทั่งมีการเปลี่ยนจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาเป็นชีวมวลแทนให้แล้ว ก็ขอให้เกิดความสบายใจได้ จะไม่มีการมาใช้ระบบถ่านหินอีก เพราะมีการยื่นเรื่องเปลี่ยนแปลงไปทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องแล้ว จะเปลี่ยนไปทำระบบโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ได้แล้ว จึงอยากชี้แจงให้กับประชาชนเข้าใจ โครงการฯ พร้อมที่จะรับฟังและต้องการอยู่กับคนในชุมชนทุกคนด้วยดีอยู่แล้ว ซึ่งยืนยันมาตลอดที่ผ่านมาแล้วว่า จะไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบและเดือดร้อนเด็ดขาด หากประชาชนยังไม่เข้าใจก็ต้องขอทำความเข้าใจร่วมกันต่อไป เพราะไม่ใช่มีการมาเปิดเวทีแล้วจะจบแค่นี้ ยังต้องดำเนินการต่อๆ ไป จนกว่าประชาชนจะพอใจ และเข้าใจกัน

                สำหรับสถานการณ์ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมอยู่หน้าโรงเรียนฯ นั้นเป็นไปอย่างสงบ กระทั่งปิดเวทีในเวลา ๑๒.๐๐ น. และสลายตัวกันกลับบ้านในที่สุด

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจาก นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๔๗ วันพุธที่ ๒๖ - วันจันทร์ที่ ๓๑ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐