26thApril

26thApril

26thApril

 

November 17,2017

มท.๑ ปลดนายกเทศมนตรี ยืนยันขอสู้เต็มที่ พร้อมยื่นอุทธรณ์ต่อศาล

                กรณี มท.๑ สั่งปลดนายกเทศมนตรียืนยันเดินหน้ายื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ระบุเจ้าตัวขาดความชอบธรรม ไม่ดูเจตนาการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ลวงผู้บริหารท้องถิ่นตกหลุม จากข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจน ประชาชนนับร้อย ให้กำลังใจเนืองแน่น

                เมื่อเวลา ๑๓.๓๐ น. วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ที่สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านทุ่ม ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีประชาชนชาวตำบลบ้านทุ่ม กว่า ๑๐๐ คน รวมตัวกันเดินขบวนจากบริเวณริมถนนมะลิวัลย์ มายังที่ทำการเทศบาลเมืองบ้านทุ่ม โดยมีป้ายข้อความที่เขียนขึ้นจากลายมือ ที่ระบุว่า “คนดีต้องมีที่ยืน, สู้เด้อขวัญใจไทบ้าน, เอานายกฯของเราคืนมา, สู้เพื่อศักดิ์ศรีของคนบ้านทุ่ม” เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของนายเสน่ห์ เสนะไพวรรณ นายกเทศมนตรี หลังจากมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (มท.๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ โดยในคำสั่งระบุถึงการให้นายกเทศมนตรีเมืองบ้านทุ่มพ้นจากตำแหน่ง ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยประชาชนทั้งหมดได้มารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าห้องปฏิบัติราชการของนายกเทศมนตรีเมืองบ้านทุ่ม ก่อนพากันโห่ร้องคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งการร่วมร้องเพลง อสม. และการมอบช่อดอกไม้และพวงมาลัย ให้กับนายเสน่ห์ เพื่อให้กำลังใจในการทำงานเพื่อประชาชนตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่ง และดำเนินการต่อสู้ตามระเบียบในคำสั่งดังกล่าว

                โดยนายกเทศมนตรีพร้อมด้วยคณะผู้บริหารและสมาชิกสภาฯ ได้ออกมาพบปะกับประชาชน และร่วมรับมอบดอกไม้ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า ก่อนที่ทั้งหมดจะไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม เพื่อพูดคุยถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นกับชุมชนต่อจากนี้ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของตำรวจและทหาร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายขึ้น

                นายเสน่ห์ เสนะไพวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านทุ่ม กล่าวว่า ต้องยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองภายใน ๙๐ วัน ตามระเบียบ เนื่องจากตนเองไม่เห็นพ้องกับคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะเหตุผลยังมีความเห็นแย้งอยู่ในเรื่องข้อหาปล่อยปละละเลย ซึ่งการปล่อยปละละเลยนั้นตนเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ทั้งข้อกล่าวหาที่ว่าผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้เงินบำรุงหมู่บ้าน ๕๐,๐๐๐ บาท มีการให้กันเกิดขึ้นตอนไหนตนเองก็ไม่ทราบ หรือการกล่าวอ้างว่าผู้รับจ้างมาจ้างนายช่างของเทศบาล ในราคา ๒๐,๐๐๐–๓๐,๐๐๐ บาท ตนเองก็ไม่รับทราบเช่นกัน ที่ผ่านมาในการอยู่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรี ได้บริหารจัดการไปตามระเบียบทุกอย่าง สิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างแท้จริง ไม่ได้ทำเพราะความต้องการของตนเอง หรือการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง

                “การทำงานทุกอย่างนั้นมีระเบียบในการทำงาน อย่างเช่นระเบียบว่าด้วยการขุดดิน ถมดิน พ.ศ.๒๕๔๗ มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องการขุดแหล่งน้ำที่ตื้นเขิน ให้นายอำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจให้ผู้รับจ้างทำการขุดดินไปพลางก่อน แล้วให้รายงานต่อจังหวัดรับทราบภายใน ๑๕ วัน ตามข้อ ๘ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ.๒๕๔๗ ซึ่งผมก็ได้มีการรายงานให้กับทางจังหวัดได้รับทราบทันทีหลังจากที่ได้มีการอนุญาตให้ผู้รับจ้างเข้าไปขุดสระน้ำสาธารณประโยชน์บ้านเหล่าเกวียนหัก ม.๕ ซึ่งเมื่อรายงานไปแล้วจังหวัดก็ไม่มีคำตอบหรือข้อสั่งการใดๆ กลับมา กระทั่งมีเรื่องร้องเรียน จึงมีคำสั่งให้หยุดขุดแหล่งน้ำดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ เทศบาลฯ ก็หยุด ไม่ได้ดื้อแพ่ง หรือเจตนาใดๆ

                “จากนั้นคณะกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัดมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งผมได้ชี้แจงให้รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน มีรูปถ่ายที่เป็นหลักฐานว่า แหล่งน้ำแห่งนี้ตื้นเขินและเป็นแหล่งน้ำสำหรับทำไร่ทำนา และแหล่งน้ำระบบประปาผิวดิน ซึ่งทางอำเภอเมืองขอนแก่น แย้งมาว่า ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพราะมีระบบประปาผ่าน ซึ่งทางการประปามีเอกสารยืนยันว่าระบบประปาผ่านเฉพาะท่อส่งน้ำหลัก ไม่มีท่อส่งน้ำขนาดเล็กเข้าหมู่บ้าน เพราะงบประมาณมีจำกัด เทศบาลพยายามที่จะชี้แจงทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ทราบว่าคณะกรรมการตรวจสอบทำไมไม่ดูเจตนา ทำไมไม่ดูประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้าน มองแค่การเอื้อประโยชน์อย่างเดียว ซึ่งการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์บ้านเหล่าเกวียนหักอาจจะข้ามขั้นตอนไปบ้าง เช่น เราไม่มีงบไปว่าจ้างผู้รับจ้าง เทศบาลฯ จึงใช้กรวด หิน ดิน ทราย เป็นค่าจ้างขุด ตามระเบียบข้อ ๖ ว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน ซึ่งขั้นตอนการทำงานของเทศบาลฯ เป็นไปตามระเบียบและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะข้าราชการประจำก็ยืนยันว่า ทำตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อท้องถิ่นทำตามระเบียบและถูกคำสั่งให้พ้นตำแหน่งเช่นนี้ เท่ากับว่า ระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยออกมานั้น เป็นระเบียบที่ลวงให้ผู้บริหารท้องถิ่นตกหลุม” นายเสน่ห์ กล่าว

                นายเสน่ห์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้หนังสือพ้นจากตำแหน่งยังส่งมาไม่ถึงเทศบาล ซึ่งเมื่อมาถึงก็จะลงนามรับทราบคำสั่ง และหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอยู่ภายใต้ ม.๔๔ ในการรักษาการดังนั้น การออกคำสั่งซ้ำซ้อนเช่นนี้จะเห็นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะท้องถิ่นส่วนใหญ่อยู่ในช่วงของการรักษาการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อยื่นคำร้องเพื่อขออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองขอนแก่นเป็นลำดับต่อไป

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๖๘ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ - วันจันทร์ที่ ๒๐ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๐

 


691 1344