29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

January 13,2018

ระบุตร.ก่อกวนยามวิกาล ลูกบ้านจูงมือนิติฯร้องสื่อ ฟ้องศาลเรียกคนละ ๑๐ ล้าน

           ลูกบ้านสิรารมย์ พร้อม ผจก.นิติบุคคลร้องเรียนสื่อ เผยถูกเพื่อนบ้านนายตำรวจชั้นสารวัตร และภรรยา แสดงพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม หลังมีปัญหากันเรื้อรัง จากการติดตู้แดง และกล้องวงจรปิดลูกบ้าน และผจก. หวั่นไม่ปลอดภัย อีกทั้งทุกข์ใจ ตร.ฟ้องฐานหมิ่น เรียกเงินคนละ ๑๐ ล้านบาท

           เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ มีผู้เดินทางมาร้องเรียนที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ “โคราชคนอีสาน” คือนางลัดดา บูท อายุ ๔๖ ปี ลูกบ้านหมู่บ้านสิรารมย์ โคกกรวด-ยางน้อย ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมนางอุ่นใจ นามพุทธซา ผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านสิรารมย์โคกกรวด–ยางน้อย ถึงเหตุการณ์ที่ถูกเพื่อนบ้านเป็นสารวัตรป้องกันปราบปรามยศพันตำรวจโท และภรรยา ได้พยายามแสดงพฤติกรรมข่มขู่และคุกคามตนเองและครอบครัว 

           นางลัดดา บูท เล่าด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า ตนเองและสามีชาวต่างชาติอายุ ๗๐ ปี ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านสิรารมย์เป็นเวลากว่า ๕ ปี บ้านข้างๆ ของตนซึ่งเจ้าของบ้านชื่อนายเมืองมน ทิพคุณ ซึ่งภายหลังนายเมืองมนได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นและปล่อยบ้านให้เช่า และเมื่อปี ๒๕๕๘ ได้มีคนย้ายมาเช่าอาศัย คือ พ.ต.ต.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ (ยศ ณ ตอนนั้น) และภรรยา ซึ่งระหว่างที่อาศัยอยู่ ตนและสามีก็ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านคนนี้มาก่อน      

           “ในตอนที่เพื่อนบ้านคนดังกล่าวได้เข้ามาอาศัยอยู่ ดิฉันยังไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร และมีหน้าที่การงานอะไร เคยพูดคุยผูกมิตรกันเล็กน้อย แต่ระยะหลังเพื่อนบ้านดังกล่าว ชอบมีปากเสียงกับภรรยา และส่งเสียงดังในยามวิกาล รวมถึงมีการตั้งวงดื่มสุรากันเป็นประจำในเวลาดึกดื่น และมีรถเข้า-ออกหลายคัน ส่งเสียงดัง ทำให้แทบจะไม่ได้หลับได้นอน จึงได้ปรึกษากับทางนิติบุคคลของหมู่บ้าน และเพื่อนบ้าน ซึ่งแนะนำว่า ควรติดกล้องวงจรปิด และตู้แดงเพื่อให้ตำรวจมาช่วยดูแลความปลอดภัย” นางลัดดา กล่าว

อยู่ไม่สุขหลังติดตู้แดง 

           นางลัดดา บูท เผยอีกว่า “หลังจากที่เราเริ่มติดกล้องวงจรปิด และตู้แดง ดิฉันและสามีก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ซึ่งตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. ดิฉันได้เดินไปหาเพื่อนบ้านเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ ก็สังเกตเห็นว่ามีคนขับรถตาม จึงได้รีบกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เอะใจมากนัก จากนั้นก็เริ่มสังเกตว่า ตำรวจคนนี้และครอบครัวขับเหมือนจะจับตาและจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์ในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ หลังจากที่ติดตู้แดงได้ไม่กี่วัน ได้มีชาย ๓ คนมาถามหน้าบ้านว่า “นายสั่งให้มาถามติดทำไมตู้แดงและกล้องวงจรปิด” จากนั้นได้ทำการถอดตู้แดงออกไป ขณะนั้นดิฉันรู้สึกสับสน และคิดว่าเขาเป็นตำรวจจริง และก็มีอำนาจอยู่ในมือ”

           นางลัดดาเล่าอีกว่า เวลา ๒๓.๕๔ น. ในวันเดียวกัน สารวัตรอาวุฒิและภรรยาได้มา กดกริ่งหน้าบ้าน ซึ่งดิฉันได้ทานยานอนหลับ เนื่องจากไม่ได้หลับมาหลายวัน จึงไม่ได้ออกไปพบ ซึ่งในคืนนั้นมีคุณอุ่นใจ (นามพุทธ) ผู้จัดการนิติฯ มานอนเป็นเพื่อนด้วย มาทราบภายหลังในตอนเช้าจากคุณอุ่นใจ และภาพจากกล้องวงจรปิดว่า มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน ภายหลังจึงได้มาปรึกษากับตำรวจท่านหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และได้สืบทราบมาว่า เพื่อนบ้านที่มีปัญหากันแท้จริงคือ พ.ต.ท.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ ตำแหน่งสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบัวลาย และเคยสังกัดอยู่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง จึงได้ติดต่อไปยัง สภ.โพธิ์กลาง ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาเก่า ของพ.ต.ท.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ ได้มาดูเหตุการณ์ที่หมู่บ้าน และได้สอบถามข้อเท็จจริงกับนางลัดดาและได้ทำการนำตู้แดงมาติดตั้งให้คืน 

           “ภายหลังจากได้พูดคุยและได้ดูหลักฐาน จากทางกล้องวงจรปิด ทางอดีตผู้บังคับบัญชา จึงได้โทรศัพท์ติดต่อให้ พ.ต.ท.อาวุฒิ เข้ามาเจรจากับตน เพื่อหาทางแก้ไขร่วมยุติปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ พ.ต.ท.อาวุฒิ ปฏิเสธที่จะเข้ามาเจรจา และมาถึงปัจจุบันทางสารวัตรอาวุฒิ ก็ยังไม่เข้ามาเจรจา ซึ่งทางเราก็อยากจะขอโทษหากทำอะไรให้ไม่พอใจ และอยากร่วมกันหาสาเหตุว่าปัญหาคืออะไร เพราะเราก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าปัญหาเกิดจากอะไร เพียงเพราะติดกล้องวงจรปิดกับตู้แดงเท่านั้นเอง แล้วทำไมเราจึงติดไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ของเราเอง “ นางลัดดากล่าวทั้งน้ำตา 

ผจก.นิติฯ ก็โดน

           ด้านนางอุ่นใจ นามพุทธซา ผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านสิรารมย์โคกกรวด–ยางน้อย กล่าวว่า “ได้รับแจ้งจากนางลัดดา บูท บ้านเลขที่ ๔๔๔/๑๑๓ ว่า ถูกพ.ต.ท.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ ภรรยาพร้อมพวกซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ ๔๔๔/๑๑๒ มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามตลอดระยะเวลา ๒-๓ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ ที่ทางพ.ต.ท.อาวุฒิได้อยู่ข้างเคียง ซึ่งก็ได้อดทนมาตลอด เพราะไม่ต้องการมีปัญหากับเพื่อนบ้าน แม้ในยามวิกาลก็ตั้งวงดื่มสุราเสียงดัง ทะเลาะตบตีกัน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงอย่างมาก  กระทั่งนางลัดดา บูท ได้ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด และตู้แดงของตำรวจ ดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับพ.ต.ท.อาวุฒิ และภรรยาอย่างมาก อีกทั้ง ยังมีท่าทีคุกคาม และก่อกวนนางลัดดามาตลอด”

           นางอุ่นใจได้เล่าเหตุการณ์อีกว่า “ในช่วงแรกทางหมู่บ้านก็ไม่ทราบว่า ท่านคนนี้เป็นตำรวจ และหลังจากเกิดเหตุการณ์ของพี่ลัดดา ทำให้พี่ลัดดารู้สึกหวาดกลัวและอยู่ไม่เป็นสุข ถึงขั้นจะย้ายไปนอนโรงแรม ดิฉันทราบอย่างนั้นเลยห้ามพี่ลัดดาไว้ว่าไม่ต้องไปนอนโรงแรม และอาสาไปนอนเป็นเพื่อนพี่ลัดดาเป็นเวลา ๔ คืน ดิฉันจึงเห็นเหตุการณ์ และพฤติกรรมของลูกบ้านท่านนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่พี่ลัดดาเล่าให้ฟัง กล่าวคือ มีการดื่มสุราส่งเสียงรบกวนในช่วงยามวิกาล มีรถเข้าออกหลายคันส่งเสียงดัง กระทั่งคืนวันที่ ๘  ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๒.๓๕ น. ทางพ.ต.ท.อาวุฒิพร้อมพวก ๒ คน ได้มา กดกริ่งหน้าบ้านเลขที่ ๔๔๔/๑๖๔ ซึ่งบ้านของตน เพื่อจะมาแจ้งว่า นายสำราญ อาจหาญ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของหมู่บ้าน ไม่เปิดไม้กั้นประตูให้ตนออกจากหมู่บ้าน พร้อมทั้งตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ รปภ. ตนจึงเรียกนายสำราญ มาคุยเพื่อชี้แจงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งในเวลาต่อมาภรรยาของ พ.ต.ท.อาวุฒิ ได้ขับรถเบนซ์ตามมาสมทบ และท้วงติงถึงการทำงานของ รปภ. จึงได้เกิดมีปากเสียงกับตน และบอกว่า พฤติกรรมที่บ้านของ พ.ต.ท.อาวุฒิ มีการส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียง” 

           “ทางภรรยาของสารวัตรปราบปราม จึงถามกลับว่า “แล้วคุณไปนอนทำไม เหตุใดต้องไปนอน” ซึ่งตนตอบว่า เป็นสิทธิ์ส่วนตัว สาเหตุที่ไปนอนก็เพราะนางลัดดาแจ้งว่า ถูกคุกคามจากบ้านพ.ต.ท.อาวุฒิ และเหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นหลังจากติดกล้องวงจรปิดและตู้แดง จึงทำให้เกิดความไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก ซึ่งต่อมาตนได้รายงานเหตุการณ์ต่อประธานคณะกรรมการหมู่บ้านสิรารมย์ทราบ” นางอุ่นใจ กล่าว

สารวัตรฟ้องเรียกคนละ ๑๐ ล.

           อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้นางลัดดา บูท ได้เข้าแจ้งความต่อสภ.โพธิ์กลาง เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ และต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ นางลัดดาได้ไปร้องเรียนต่อ พ.ต.ต.จิราวรรณ ธัญญะเจริญ สว.งาน ๖ (คดีวินัย) ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาด้วย กระทั่งในภายหลัง พ.ต.ท.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา ความอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โดยมีนางลัดดา บูท เป็นจำเลย ตามคดีหมายเลขดำที่ ๓๔๕๐/๒๕๖๐ และนางอุ่นใจ นามพุทธซา คดีหมายเลขดำที่ ๓๔๕๑/๒๕๖๐ ข้อหาฐานความผิด หมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง โดยเรียกค่าชดเชยและเสียหายจากนางลัดดาและนางอุ่นใจเป็นเงินคนละ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยศาลจังหวัดนครราชสีมากำหนดนัดไต่สวนในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เวลา ๑๓.๓๐ น. 

สารวัตรชี้แจง

           ในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ “โคราชคนอีสาน” จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบัวลาย โดยในเบื้องต้นพ.ต.ท.อาวุฒิ ระบุว่า ติดประชุมอยู่ และจะติดต่อกลับ ซึ่งภายหลังติดต่อกลับมายัง “โคราชคนอีสาน” โดยระบุว่า “นางลัดดา และนางอุ่นใจ ได้เข้าร้องเรียนตัวผม ผ่านมายังผู้บังคับบัญชา เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งผมดูแล้วเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหามา ซึ่งกรณีที่เขาร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชานั้น ผมก็ยินดีให้ตรวจสอบอยู่แล้ว ผบ.ก็กำลังตรวจสอบอยู่ เรื่องก็อยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของตัวผม แต่เรื่องไม่ได้เป็นความจริงตามที่เขากล่าวอ้าง ผมจึงฟ้องกลับและดำเนินคดี กับข้อความร้องเรียนที่เป็นเท็จ ณ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างทางศาลก็จะนัดคู่กรณีทั้ง ๒ ฝ่ายมาไต่สวน ในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ จึงอยากเรียนว่า เรื่องต้องให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ และทางของคดีอาญาก็ต้องให้ทางศาลยุติธรรมเป็นคนชี้มูลความผิดต่างๆ ก็คงจะใช้เวลาอีกสักพัก ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นาน”

           “โคราชคนอีสาน” สอบถามต่อในกรณีเรียกค่าเสียหายจากนางลัดดาและนางอุ่นใจคนละ ๑๐ ล้านบาท คิดคำนวณอย่างไร? ซึ่งทางพ.ต.ท.อาวุฒิตอบเพียงว่า “ให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งยังไม่อยากเผยข้อมูลมาก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียรูปคดี”

           หากมีความคืบหน้า “โคราชคนอีสาน” จะนำเสนอต่อไป

 

โปรดติดตามข่าวโดยละเอียดจาก  นสพ.โคราชคนอีสาน  ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๗๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ - วันจันทร์ที่ ๑๕ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑


710 1345