ผลประกอบการประจำปีของ “ฟอร์ด” เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง ๓๗% ด้วยยอดขายรถยนต์ ๕๖,๑๕๖ คัน นำโดยฟอร์ด เรนเจอร์, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต นับเป็นที่ ๔ ติดต่อกันที่ฟอร์ดเติบโตสวนทางกับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ โดยยอดขายฟอร์ด เรนเจอร์เพิ่มขึ้น ๔๔.๕% ตลอดทั้งปีอยู่ที่ ๔๔,๔๕๒ คัน 
            ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศผลประกอบการประจำปี ๒๕๖๐ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์จากปีก่อนหน้า ๓๗ เปอร์เซ็นต์ ด้วยยอดขายรถยนต์รวมทั้งสิ้น ๕๖,๑๕๖ คัน โดยเป็นผลมาจากความต้องการอย่างล้นหลามของผู้บริโภคที่มีต่อรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ รถเอสยูวีขนาดกลาง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และรถเอสยูวีขนาดเล็ก ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วงเดือนธันวาคม ฟอร์ดปิดท้ายปีด้วยยอดขายประจำไตรมาสที่ ๔ ซึ่งเพิ่มขึ้น ๗๖ เปอร์เซ็นต์ ด้วยยอดขายรถยนต์จำนวน ๑๖,๖๔๘ คัน ดังนั้น  ผลประกอบการอันแข็งแกร่งในปี ๒๕๖๐ ได้ส่งผลให้ฟอร์ดเติบโตสวนทางกับตลาดรถยนต์ไทยเป็นปีที่ ๔ ติดต่อกัน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ๑.๑ เปอร์เซ็นต์ เป็น ๖.๔ เปอร์เซ็นต์ในปี ๒๕๖๐
            นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธานฟอร์ด อาเซียนและกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ฟอร์ดยังคงเติบโตในประเทศไทยอย่างแข็งแกร่ง ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากความสำเร็จของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รถยนต์ฟอร์ดที่มีคุณภาพระดับโลกและมีเอกลักษณ์การออกแบบที่บึกบึน พร้อมเทคโนโลยีอันชาญฉลาดอย่างครบครันของเรา ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มมาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
            กระบะสายพันธุ์แกร่ง เรนเจอร์ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในเซ็กเมนต์เดียวกัน โดยมียอดขายตลอดปี ๒๕๖๐ เพิ่มขึ้น ๔๔.๕ เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวน ๔๔,๔๕๒ คัน โดยในช่วงไตรมาสที่ ๔ ฟอร์ด เรนเจอร์มียอดขายโดยรวมที่เติบโตสวนทางกับตลาดรถกระบะมากกว่า ๓ เท่า ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น ๙๘ เปอร์เซ็นต์ ด้วยจำนวน ๑๓,๓๓๘ คัน ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของฟอร์ด เรนเจอร์ ในปีนี้ ช่วยให้ฟอร์ดสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ๓ เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็น ๑๒.๒ เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และยังคงสามารถครองตำแหน่งรถกระบะที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ ๓ ในประเทศไทยท่ามกลางตลาดรถกระบะที่มีการแข่งขันสูง
ในประเทศไทย ฟอร์ด เรนเจอร์ มีจำหน่ายทั้งหมด ๒๔ รุ่น ซึ่งรวมถึง รุ่น ไวล์ดแทรค FX4 XLT ไปจนถึงรุ่น XL และ XLS โดยความหลากหลายของรุ่นรถเหล่านี้ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ สามารถตอบสนองความต้องการด้านการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม

            ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง มียอดขายที่เพิ่มขึ้นในปี ๒๕๖๐ คิดเป็น ๑๕.๕ เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายจำนวน ๘,๒๑๒ คัน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์รถเอสยูวีขนาดกลางอย่างต่อเนื่องตลอดปี โดยเพิ่มขึ้น ๒.๑ เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว เป็น ๑๓.๘ เปอร์เซ็นต์

            ฟอร์ด เอเวอเรสต์เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ชาญฉลาดและมอบความปลอดภัยสูงสุดในบรรดารถยนต์เซ็กเมนต์เดียวกัน ทั้งยังได้รับความนิยมจากเอกลักษณ์การออกแบบภายนอกอันบึกบึน การออกแบบภายในที่ประณีต พร้อมทั้งมอบเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัยเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดอย่างเต็มประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน ยังมอบความสะดวกสบายขณะขับขี่บนทางเรียบได้อย่างเหนือชั้น

            ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต รถเอสยูวีขนาดเล็ก มียอดขายตลอดปี ๒๕๖๐ เพิ่มขึ้น ๓๕ เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายจำนวน ๒,๙๑๙ คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ๓.๔ เปอร์เซ็นต์ เป็น ๙.๘ เปอร์เซ็นต์
ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ซึ่งรองรับพลังงานทางเลือกอย่างน้ำมัน E๘๕ ยังคงได้รับความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับความคล่องตัวและประโยชน์ใช้สอยที่ครบครันในแบบฉบับของรถเอสยูวี

            นอกจากนี้ ฟอร์ดเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่องในปี ๒๕๖๐ โดยได้เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ดแห่งใหม่ รวมถึงปรับปรุงและขยายศูนย์บริการฟอร์ดเดิม รวม ๑๕ แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ในปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ดทั่วประเทศรวม ๑๔๕ แห่ง ซึ่งฟอร์ดมีแผนจะขยายเครือข่ายเพิ่มอย่างต่อเนื่องในปี ๒๕๖๑

            ฟอร์ดยังคงต่อยอดความมุ่งมั่นในการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าและการเป็นเจ้าของรถฟอร์ดผ่านแผนการบริการและดูแลลูกค้าหลังการขาย อย่าง การขยายบริการ 60 Minutes Express Service Guaranteed Online Booking สู่พื้นที่อื่นๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมจากโชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ด ๓๐ แห่งทั่วกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลที่ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้

นสพ.โคราชคนอีสาน  ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๘๐ วันอังคารที่ ๑๖ - วันเสาร์ที่ ๒๐ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑