23rdApril

23rdApril

23rdApril

 

March 12,2018

ศาลฎีกาจำคุก ๓ ปี ‘อนุวัฒน์ ทินราช’ รองนายกอบจ.เสื้อแดง

 

               ศาลฎีกาพิพากษายืน สั่งจำคุก ๓ ปี “อนุวัฒน์” อดีตประธาน นปช.อีสานและแกนนำเสื้อแดงโคราช หมิ่นเบื้องสูง ไม่รอลงอาญา กรณีเหิมเกริมปราศรัยจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง บนเวที “นปช.ลั่นกลองรบ” ปี ๕๗ ละเมิดมาตรา ๑๑๒ ชัดเจน 


               สืบเนื่องจากนายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน และประธาน นปช.โคราช รวมทั้งขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.นครราชสีมา (ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕) ขึ้นปราศรัยบนเวทีประชุมแกนนำเสื้อแดงจากทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ “นปช.ลั่นกลองรบ” ที่อาคารลิปตพัลลภ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ โดยใช้วาจาจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ และมีการบันทึกคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานด้วย
               โดยนายอนุวัฒน์ ได้กล่าวบนเวทีลักษณะข่มขู่ด้วยวาจา ต่อธุรกิจภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เช่น ข่มขู่จะนำกำลังไปปิดธนาคารกรุงเทพ หรือธนาคารอื่นในจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น พร้อมทั้งกล่าววาจาข่มขู่หน่วยงานราชการ และจะจัดทำรายชื่อองค์กรอิสระทุกองค์กรที่เข้าใจว่าเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายตน โดยฟังได้ว่าเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อองค์กรอิสระเหล่านั้นเป็นต้น รวมถึงชักชวนพวกพ้องเสื้อแดงจัดทำรายชื่อและที่อยู่บุคคลที่เป็นปรปักษ์กับพวกตน ตั้งแต่หัวแถวลงมา     
               ที่สำคัญประกาศบนเวทีว่า จะยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และกำจัดองค์กรที่รัฐธรรมนูญนี้จัดตั้งทั้งหมด รวมทั้งจะแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นประเทศใหม่สองแผ่นดินสามแผ่นดิน ที่มีจังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองหลวงสีแดง กระทำการแทรกแซง จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพสักการะของคนไทย
               จากพฤติกรรมและคำพูดของนายอนุวัฒน์ ทินราช ส่งผลให้มีองค์กร และเครือข่ายประชาชนเดินทางไปยื่นหนังสือต่อร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกอบจ.นครราชสีมา เพื่อให้ปลดออกจากตำแหน่งรองนายกอบจ.นครราชสีมา และในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจนั้น ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ ๒ จัดกิจกรรมสมานฉันท์ขึ้น โดยเชิญแกนนำ กปปส.โคราช และเสื้อแดง (นปช.) เข้าร่วม โดยมุ่งหวังจะสลายขั้วการเมือง ซึ่งนายอนุวัฒน์ ทินราช เข้าร่วมด้วย และในเวลาต่อมานายอนุวัฒน์ก็พ้นจากตำแหน่งรองนายกอบจ.นครราชสีมา 
               อย่างไรก็ตาม การปราศรัยของนายอนุวัฒน์ ทินราช ในเวที “นปช.ลั่นกลองรบ” นั้น ทำให้ถูกดำเนินคดี และพยายามต่อสู้คดีมาตลอด โดยเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๒๐ น. นางกาญจนา ผาณิตมาส ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมา ประจำบัลลังก์ที่ ๑๖ ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๗๘/๒๕๕๘ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๕๒๗/๒๕๕๙ ให้จำคุกนายอนุวัฒน์ ทินราช เป็นเวลา ๓ ปี ในความผิด ใส่ร้าย หมิ่นประมาท ดูหมิ่นและอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
 ต่อมานายวิทยา เอมราช ทนายความของนายอนุวัฒน์ได้ยื่นฎีกา พร้อมประกันตัวนายอนุวัฒน์ออกมาสู้คดี 
               ล่าสุดเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ที่ห้องพิจารณาคดีที่ ๑๖ ชั้น ๓ ศาลจังหวัดนคร ราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมาขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายอนุวัฒน์ ทินราช อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสาน และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช เป็นเวลา ๓ ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒
 โดยภายหลังอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอนุวัฒน์ไปฝากขังที่เรือนจำกลางนครราชสีมาทันที
               ทางด้านนายสมโภชน์ ปราสาทไทย อดีตแกนนำเสื้อแดงโคราช และอดีตผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ซึ่งเดินทางมาให้กำลังนายอนุวัฒน์และร่วมรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เปิดเผยว่า “ทุกคนพอจะทราบก่อนหน้านี้แล้ว และพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลทุกประการ”
               นายอนุวัฒน์ ทินราช เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๙๖ ที่บ้านหนองบัวลาย อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา มีลุงชื่อ นายน้อย ทินราช อาชีพทนายความ เป็น ส.ส.ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ และครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ และมีบิดาชื่อนายคำ ทินราช โดยมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน เมื่อพ.ศ.๒๕๐๕ และเป็นกำนันตำบลบัวลาย เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ จากสิ่งแวดล้อมทางครอบครัวนายอนุวัฒน์จึงมีความใฝ่ฝันทางการเมือง เริ่มจากสามารถควบคุมเสียงของประชาชนได้ระดับหนึ่ง และสามารถขึ้นเป็นอดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ครั้นเมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.๒๕๕๕ อยู่ในการยึดครองของพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติพัฒนา นายอนุวัฒน์จึงได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายก อบจ.นครราชสีมา โดยการสนับสนุนของนายโกศล ปัทมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย น้องชายของนายนพดล ปัทมะ ทนายความคนสนิทของทักษิน ชินวัตร

 


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๙๑ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ - วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑


708 1343