28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

March 13,2018

มาสด้าพลิกประวัติศาสตร์โต ๖๕% ครองส่วนแบ่งตลาดสูง ๗.๑%

            มาสด้าสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ยอดขายสูงสุด ๕,๔๐๐ คัน ครองส่วนแบ่งในตลาดสูงถึง ๗.๑% จากผลตอบรับแบบฉุดไม่อยู่ในรถทุกรุ่น โดยเฉพาะ Mazda2 ขึ้นครองอันดับหนึ่งตลาดรถเล็กเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เคียงคู่กับความสำเร็จ All-New Mazda CX-5 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในมาสด้าที่ลูกค้าให้การตอบรับเพิ่มสูงขึ้น จากการใช้งานจริง และเกิดการบอกต่อ

            กระแสความนิยมของรถยนต์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์มาสด้า ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้องเล็กสุดอย่าง Mazda2 ที่ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดขายจำนวน ๓,๔๔๘ คัน เติบโตเพิ่มขึ้น ๘๔% ครองแชมป์อันดับหนึ่งในเซกเม้นท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กรวมกับอีโคคาร์สองเดือนติดต่อกันได้สำเร็จ ส่วนอีกรุ่นที่มาแรงไม่แพ้กันกับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันที่ยังคงตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า กับรถอเนกประสงค์เอสยูวี All-New Mazda CX-5 จำนวน ๗๕๒ คัน มีอัตราการเติบโตมากที่สุดถึง ๒๓๑% ส่วนรถยนต์รุ่นอื่นๆ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Mazda CX-3 จำนวน ๓๓๓ คัน เพิ่มขึ้น ๕๒% รถปิกอัพ Mazda BT-50 Pro มียอดขายเพิ่มขึ้น จำนวน ๔๗๗ คัน เพิ่มขึ้น ๘% ส่วน Mazda 3 ยอดขายอยู่ที่ ๓๙๑ คัน ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ปิดตัวเลขอยู่ที่ ๕,๔๐๑ คัน หรือเติบโตสูงถึง ๖๕% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จในด้านยอดขายรวมที่เติบโตสูงสุดในรอบสามปี

            นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ากำลังมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจจนมาถึงวันนี้ที่เราได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง ๗.๑% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ  มาสด้า ผมมีความภูมิใจที่เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทันสมัยที่สุดในโลก เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก และยังเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกที่สุดที่มาพร้อมความแรง ความประหยัดน้ำมันและการออกแบบที่ล้ำสมัยตามแบบฉบับของโคโดะ ดีไซน์ นอกจากนี้เรายังได้เร่งการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมดหรือ Mazda Corporate Identity ที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย พร้อมให้บริการลูกค้าเกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้ ส่งผลให้วันนี้ มาสด้ากลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะ Mazda2 ขึ้นครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน

            นอกจากนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยปี ๒๕๖๑ มีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลมองว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP จะขยายตัวที่ ๓.๘% สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ ๓๗.๘ ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ ๗.๐ จากปี ๒๕๖๐ ซึ่งปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ การขยายเส้นทางการบินของธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางการบินของไทยที่เชื่อมไปยังเมืองรองของจีน เป็นต้น และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ๕๕ จังหวัดของประเทศไทย

            สอดคล้องกับผลงานการวิจัยและจัดอันดับจากสถาบัน เจ.ดี. พาวเวอร์ ได้พิจารณารางวัล APEAL หรือ Automotive Performance, Execution and Layout ซึ่งได้สำรวจเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ซื้อรถคันใหม่ในช่วงระยะเวลา ๙๐ วันจากการได้เป็นเจ้าของ และในครั้งนี้รถที่ครองอันดับหนึ่งในหัวใจของผู้บริโภค คือ รถ SUV Mazda CX-3 ซึ่งสำรวจความพึงพอใจจากผู้ใช้เบื้องต้นโดยคำนึงถึง ๕ ปัจจัย อันได้แก่ ๑.การวางแผนผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ๒.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ พิจารณาถึงการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความสำเร็จสูงสุด ๓.คุณภาพของผลิตภัณฑ์ พิจารณาด้านการปรับปรุงและพัฒนายานพาหนะที่ใช้ในปัจจุบัน ๔.การขายและการตลาด ๕.รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ โดยพิจารณาถึงข้อดีของผลิตภัณฑ์ที่พนักงานขายควรให้ความสนใจ  โดยจุดประสงค์ของ APEAL นั้น เป็นการศึกษาถึงความน่าดึงดูดใจและความพึงพอใจของเจ้าของที่มีต่อรถยนต์คันใหม่ในหลากหลายด้าน ซึ่งความหมายของคำว่าคุณภาพนั้นมิใช่พิจารณาเรื่องข้อผิดพลาดหรือการออกแบบที่ล้มเหลวเท่านั้น แต่รวมถึงการออกแบบ สมรรถนะและประโยชน์ใช้สอยด้วย ทั้งนี้ในภาพรวมของแบรนด์ มาสด้าสามารถทำคะแนนรวมได้ ๙๐๖ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑,๐๐๐ คะแนน ขึ้นแท่นอันดับที่ ๕ ในปี ๒๕๖๐ ถือเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพด้านความพึงพอใจสูงสุดที่มาสด้ามอบให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำจุดแข็งเรื่อง Feel the passion หรือการเน้นในเรื่องบริการหลังการขาย

            นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความเห็นว่า มาสด้ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกปีในเรื่องของการส่งเสริมกิจกรรมด้านการตลาด ทั้งในเรื่องของสื่อออนไลน์ และสื่อออฟไลน์ โดยในปีนี้เราได้ทำกลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงความต้องการและการรับรู้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านทาง Mazda Digital platform ทั้งช่องทางของเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ที่จะรวมเอาข้อมูลของแบรนด์มาสด้าสำหรับผู้ที่สนใจและกลุ่มผู้ใช้รถมาสด้าสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ได้ รวมถึงการใช้ Content-based Marketing ที่ให้เกิดความสนใจและตอบสนองความสนใจของผู้บริโภคได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์โฆษณาชิ้นล่าสุดของ Mazda2 ที่เน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นจนถึงวัยเริ่มต้นทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกเร้าใจในแบบที่ไม่ซ้ำทางใคร มีกิจกรรมท้าทายแบบใหม่ๆ ที่มีพลังและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชื่นชอบความสนุกเร้าใจ ผ่านสโลแกน “เร้าใจไม่เคยหยุด” นอกจากนี้เรายังสื่อสารผ่านช่องทางของสื่อสิ่งพิมพ์ สปอตโฆษณาทางวิทยุ โฆษณาสื่อกลางแจ้ง สื่อโฆษณา ณ จุดขาย (P.O.P.) โฆษณาทางสื่อออนไลน์ในเว็บไซต์ต่างๆ และสื่อของมาสด้าเอง เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๙๑ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ - วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑


699 1341