19thApril

19thApril

19thApril

 

June 19,2018

‘มาสด้า’ยังร้อนแรง ยอดขายพฤษภาพุ่ง


       กระแสตอบรับผู้บริโภคต่อรถยนต์มาสด้ายังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายพฤษภาคมพุ่งสูงสุดถึง ๕,๘๘๑ คัน เติบโต ๔๘% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยอดขายสะสม ๕ เดือน พุ่งทะยานแตะ ๒๖,๘๘๖ คัน เพิ่มขึ้น ๓๖% สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจและจีดีพีของประเทศที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

       นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี จีดีพีเพิ่มขึ้นถึง ๔.๘% สูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเกิดจากปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งด้านการลงทุน อุตสาหกรรม กำลังการผลิต การส่งออก รวมถึงด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ นักลงทุนจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตอบรับการยกระดับพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำ ของเอเชีย
       มาสด้าอยู่ในสมรภูมิวงการรถยนต์มาอย่างยาวนาน เจอความท้าทายและอุปสรรคมากมายในหลากหลายรูปแบบ แต่มาสด้ายังคงยืนหยัดในเรื่องของการสร้างสรรค์รถยนต์ที่มีคุณค่าในการขับขี่ และการเป็นเจ้าของด้วยความภาคภูมิใจ มาสด้าได้คิดออกนอกกรอบจากการผลิตรถยนต์แบบเดิมๆ กระทั่งได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย คือเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทั้งขับสนุก ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ทั่วโลก และผู้ใช้ในประเทศไทย ทั้งนี้ทางมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดในประเทศไทย จึงได้ลงทุนเพื่อสร้างโรงงานที่มีความทันสมัยในประเทศ ทั้งยังเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเพื่อเปิดโรงงานแห่งใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้เรามีฐานการผลิตรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบและทันสมัยที่สุด ทั้งโรงงานประกอบรถยนต์ (AAT) และโรงงานผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ และเกียร์อัตโนมัติ (MPMT) รวมถึงการถ่ายทอดโนฮาวของการผลิตและการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาบุคลากรและผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศอย่างครบวงจร ถือเป็นการพัฒนาบุคลากรไทยและเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย
       จากกระแสความนิยมชมชอบรถยนต์มาสด้า ทำให้ยอดขายในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นถึง ๔๘% โดยเฉพาะมาสด้า๒ ยังคงรั้งเบอร์หนึ่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กและเป็นรถที่ขายดีตลอดกาลของมาสด้า กวาดยอดขายไปอย่างท่วมท้น ๓,๘๙๘ คัน โตขึ้น ๕๗% ตามาด้วยรถอเนกประสงค์เอสยูวี CX-5 จำนวน ๗๖๓ คัน เพิ่มขึ้น ๑๕๑% รถยนต์นั่งมาสด้า  ๓ จำนวน ๔๓๓ คัน ลดลงเล็กน้อย ๗% รถยนต์ CX-3 จำนวน ๒๐๖ คันลดลง ๔๑% รถปิกอัพมาสด้า บีที-๕๐ โปร จำนวน ๕๗๗ คัน เพิ่มขึ้น ๖๕% และมาสด้า MX-5 จำนวน ๔ คัน ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าทั้งหมดในเดือนพฤษภาคมปิดตัวเลขอยู่ที่ ๕,๘๘๑ คัน
       ส่งผลให้ยอดขายรวม ๕ เดือนแรกของปี ๒๕๖๑ (มกราคม–พฤษภาคม) มียอดขายสะสมสูงถึง ๒๖,๘๘๖ คัน เติบโตเพิ่มขึ้น ๓๖% (เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๖๐) โดยเฉพาะมาสด้า๒ ยังครองแชมป์ยอดขายสูงสุดถึง ๑๖,๙๗๙ คัน เติบโต ๔๕% ถัดมาเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า CX-5 จำนวน ๓,๘๓๔ เติบโตสูงสุดถึง ๑๗๙% ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-๕๐ โปร จำนวน ๒,๖๔๒ เพิ่มขึ้น ๒% รถยนต์นั่งมาสด้า๓ จำนวน ๒,๐๙๙ คัน ลดลงเล็กน้อย ๗% และมาสด้า CX-3 จำนวน ๑,๓๒๑ ลดลง ๒๔% และรถสปอร์ตเปิดประทุนมาสด้า MX-5 จำนวน ๑๑ คัน


 

       นายชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า มาสด้ามุ่งมั่นและใส่ใจในเรื่องของการผลิตเพื่อให้ได้รถยนต์ที่มีคุณภาพสูง อันเกิดมาจากการค้นคว้าและวิจัยทำให้เกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นตามลำดับ มาสด้าเริ่มต้นจากสิ่งที่เราคิดไม่เหมือนคนอื่น เรากล้าที่จะแตกต่าง (Defy Convention) เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเป้าหมายที่ดีขึ้นใส่ใจในทุกรายละเอียด นอกจากนี้รถต้องสวย ดึงดูดทุกสายตา เนื่องจากรถ มาสด้าที่ขายจริงในตลาด มีดีไซน์ที่ใกล้เคียงรถต้นแบบมากที่สุด ทำให้รถมาสด้าได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องของดีไซน์ มาสด้าคิดต่างด้วยแนวคิด Customer Centric ทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด การผลิตที่ปรับจากการผลิตเพื่อเน้นในเรื่องปริมาณและการบริหารต้นทุนสู่การผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง การพัฒนาการทำงานที่เชื่อมโยงทั้งระบบ ทั้งการผลิต การจัดส่ง การจัดสรร การสั่งซื้อ การบริหารสต็อกที่รวดเร็ว รวมถึงเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อให้ถึงมือลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบทั้งเรื่องของเวลาและคุณภาพ
       ทางด้าน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเรื่องของดิจิทัลนั้นมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ทุกความต้องการ ซึ่งดิจิทัลจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลยุทธ์ทางด้านการตลาด และการสื่อสารนั้นแพร่ขยายไปได้ไกลและเชื่อมโยงคนทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเพื่อให้มีความสอดคล้องในการใช้งานในแต่ละประเทศ ดังนั้นเราจึงวางกลยุทธ์ Mazda Building Block Strategy โดยเน้นการวางทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตแบบเป็นขั้นตอน มี ๓ องค์ประกอบที่สำคัญ คือ เรื่องกรอบเวลาของการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเหมาะสม, การพัฒนาโมเดลทางธุรกิจของผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับและสอดคล้องกัน เพื่อความพร้อมกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา และการเปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยีปัจจุบันสู่เทคโนโลยีอนาคตที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๕๐๙ วันเสาร์ที่ ๑๖ - วันพุธที่ ๒๐ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ 


695 1342