29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

July 12,2018

“อนุทิน”นำทัพ‘ภูมิใจไทย’ ประกาศมุ่งพัฒนาโคราช ยุตินักการเมืองขัดแข้งขัดขา

 

          “อนุทิน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและคณะ ร่วมงานประชุมศิษย์เก่าอัสสัมชัญเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ หวังเปลี่ยนแปลงโคราชให้ก้าวหน้า ยันโคราชมีความพร้อมอยู่แล้ว เพียงต้องพัฒนาให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ชี้โคราช โตไม่เต็มที่เพราะขัดแย้งกันเอง มั่นใจหากมีโอกาสได้ทำหน้าที่ พร้อมผลักดันโคราชเต็มศักยภาพ

          เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ โรงแรมวีวัน โคราช มีการประชุมคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียน อัสสัมชัญนครราชสีมา ครั้งที่ ๔๓ นำโดยนายสายัณห์ โกลาตี นายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วย นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา นายทวีชัย สุวรรณาวัชร์ อดีตอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงจังหวัดนครราชสีมา พลเอกมารุต ลิ้มเจริญ กรรมการที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา นายชัยชนะ ประพฤทธิพงษ์ อุปนายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา นายสรรเพ็ชญ์ คลังจารุกุล อุปนายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา และนายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

          สำหรับการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการสมาคมฯ ได้เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ(กรุงเทพ) มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ที่พรรคภูมิใจไทยมีต่อจังหวัดนครราชสีมา และถือเป็นการพบปะกันระหว่างพี่น้องร่วมสถาบันเดียวกัน โดยมีอดีตนักการเมืองเข้าร่วมจำนวนมาก เช่น นายประนอม โพธิ์คำ อดีตส.ส.นครราชสีมา, นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีตส.ส.นครราชสีมา, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย และนักการเมืองท้องถิ่นเข้าร่วมด้วย

          นายสายัณห์ โกลาตี นายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา กล่าวว่า “เมื่อกล่าวถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็อยากจะขอใช้สรรพนามแทนตัวท่านว่า ‘พี่หนู’ ถ้าดูจากประวัติความเป็นมาทางการเมือง ถือว่าพี่หนูคือเพชรเม็ดงามของการเมืองไทย มีทั้งพรสวรรค์และสีสันมาโดยตลอด สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีได้ด้วยวัยเพียง ๓๔ ปีเท่านั้น พี่หนูเคยเจอวิกฤตปี’๔๐ จนเหลือเงินเพียงไม่กี่บาท แล้วต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงเพื่อเริ่มต้นการทำงานใหม่ ใช้เวลาเพียง ๒๐ ปี พี่หนูก็ประสบความสำเร็จจนได้ ในทัศนคติของพวกเรา หากพ่อค้านักธุรกิจใช้เวลาเพียง ๒๐ ปี ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ถือเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ หรืออีกนัยหนึ่ง เมื่อนักธุรกิจผสมผสานกับนักบริหารเลยเป็นความแตกต่างจากนักการเมืองโดยอาชีพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดหรือมุมมอง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหากได้เข้ามา บริหารประเทศ คาดว่าน่าจะสร้างความเจริญแบบก้าวกระโดด หรือเข้ามาพัฒนาจังหวัดนครราชสีมาก็คงไม่เกินความสามารถของพี่หนู เพราะทุกวันนี้พี่หนูถือว่า เป็นคนโคราชอยู่แล้ว และอีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความงดงามของพี่หนู คือการได้ทำจิตอาสาส่งต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่กำลังมีการผ่าตัดหัวใจ โดยการขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เพื่อให้ทันเวลาในการช่วยชีวิต ผู้ป่วยทุกคน”

โคราชคือเมืองสำคัญ

          นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นคนโคราชเหมือนกัน เพราะมีบ้านอยู่แถวปากช่องด้วย และเชื่อมั่นว่าโคราชนั้นมีความสำคัญมากต่อประเทศไทยตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา และจะมีต่อไปจนถึงอนาคตด้วย เวลาผมทำงานและเมื่อถึงวันศุกร์ ผมก็จะหาโอกาสมาปากช่องให้ได้ เพื่อผ่อนคลายจากการทำงานทั้งสัปดาห์ และเมื่อได้มองท้องฟ้าในเมืองโคราชหรือมองภูเขาต้นไม้ที่เขาใหญ่ ก็จะเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านไปทำงานทันที ผมก็มีความรู้สึกเช่นนี้มา ๑๐ กว่าปีแล้ว โดยผมมาอยู่โคราชตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จึงรู้สึกว่าความผูกพันกับโคราชก็มีมากขึ้น และเท่าที่ทุกๆ คนทราบกันอยู่แล้วว่า โคราชนั้นถือเป็นจังหวัดที่ยิ่งใหญ่ในทุกๆ ด้านไม่แพ้กรุงเทพฯ และยังเป็นจังหวัดที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากจะต้องเดินทางไปจังหวัดอื่นในอีสานต้องผ่านโคราชทุกจังหวัด และที่เห็นได้ว่าโคราชสำคัญในขณะนี้คือการสร้างมอเตอร์เวย์ เพราะถ้าที่นี่ไม่สำคัญเขาคงจะสร้างไปถึงหนองคาย ไปถึงที่อื่นที่โดยไม่ต้องมาลงที่โคราช ก็เพราะว่าทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของโคราช หากเป็นไปได้เราทุกคนก็อยากจะให้โคราชเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง มีทั้งห้างร้านและระบบต่างๆ ทั้งเป็นที่นำเข้า, ส่งออก และสต๊อกสินค้า นี่คือสิ่งที่สามารถทำได้ หากเราทุกคนตื่นตัวกัน พร้อมจับมือช่วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน โคราชทุกวันนี้น่าจะเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่อันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ได้แล้ว ทุกวันนี้เราจะเห็นว่าโคราชเศรษฐกิจไม่ดี เพราะเม็ดเงินลงไปไม่ถึงข้างล่าง ในอนาคตคนที่จะเข้ามาบริหารงบประมาณ ต้องบริหารตัวงบประมาณให้ลงไปถึงข้างล่างมากที่สุด พูดง่ายๆ ว่า ต้องให้งบประมาณถึงมือประชาชนให้ได้”

โคราชต้องสามัคคี

          “ในพรรคภูมิใจไทย ผมจะคอยย้ำคนที่จะมารับใช้พรรคทุกคนตลอดว่า ห้ามเล่นพรรคเล่นพวก เราต้องนึกถึงคนโคราชเป็นอันดับแรก ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งเราต้องช่วยกัน และหากไม่มีใครทำอะไร พวกเราก็จะขอเป็นคนนำร่อง หากเป็นสมัยก่อนหลังเลือกตั้งหากพรรคใดแพ้ เมื่อเข้ามาในเขตก็จะเจอแต่เจ้าถิ่นทั้งนั้น เพราะเมื่อทุกคนต้องการเป็นอันดับหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแข่งขัน และเมื่อมีผู้ชนะ ผู้ชนะก็มักจะไม่ดูแลผู้แพ้เลย แต่วันนี้ด้วยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการเห็นความสงบความเรียบร้อยมากกว่าเดิม จึงให้คะแนนทุกคะแนนมีความหมาย หากไม่ชนะในเขตก็ยังเอาไปช่วยในปาร์ตี้ลิสต์ได้ แต่ว่าหากเราสู้แล้วเต็มที่แล้วก็ยังไม่ชนะ คะแนนก็จะยังส่งเข้าพรรค แล้วพรรคก็จะรู้ว่าคะแนนเหล่านี้มาจากโคราช เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นว่าผู้คนในพื้นที่ไหนให้ความสำคัญกับพรรคเราบ้าง เราก็จะได้ช่วยกันดูแลทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ผมจึงมองว่านี่คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ใช่แค่โคราชอย่างเดียวแต่ทุกจังหวัดก็จะพัฒนาต่อไปได้เช่นกัน ในโคราชหากเราไม่มีกลุ่ม ไม่มีก๊วน ไม่กวนกันเอง ไม่หักขากันเอง ก็จะทำให้จังหวัดเรามีความสำคัญและประสบความสำเร็จ”

          นายอนุทินยังกล่าวต่ออีกว่า “บุรีรัมย์ในสมัยก่อนหากผมไม่ได้เป็นนักการเมืองก็คงไม่มีโอกาสได้ไป แต่เมื่อผมได้ไปแล้วก็เห็นข้างทางมีทุ่งนา มีแต่ป่า ถ้าเปรียบโคราชในยุคสมัยนั้นคือ ๒๐ กว่าปีก่อน คงเปรียบเหมือนกรุงเทพฯ ของพวกเขานั่นแหละ ทุกอย่างมันมาลงอยู่ที่โคราชหมด แต่ภายในเวลาไม่เกิน ๕ ปี สนามบินเป็นอินเตอร์ก่อนโคราช เที่ยวบินเต็มทุกรอบ บุรีรัมย์มีสนามฟุตบอลระดับโลก มีสนามแข่งรถระดับโลก บุรีรัมย์ทำแค่นี้ แต่หลังจากนั้น ทั้งโรงแรม ห้างร้าน ธุรกิจต่างๆ ก็ตามมา จากถนนที่มีแต่ป่าและทุ่งนาทุกวันนี้ก็พัฒนา มันเริ่มจากจุดเริ่มต้นที่เริ่มต้นขึ้นได้ หากมันไปได้แล้ว มันก็จะพัฒนาไปข้างหน้าเสมอ องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่โคราชไม่มีแต่บุรีรัมย์มีคืออะไร นั่นก็คือความมั่นคงทางการเมือง ทุกคนทำงานไม่มีการเจาะยางกัน ทุกวันนี้บุรีรัมย์เริ่มมีนักลงทุน เริ่มมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ จากเมื่อก่อนที่ไม่มีอะไรเลย หากลองเปรียบเทียบกันระหว่างโคราชกับบุรีรัมย์ โคราชนั้นเริ่มจากระดับ ๘ แต่บุรีรัมย์เริ่มจากระดับ ๓ แต่เขาเกิดได้เพราะทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าหากหลังการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าโคราชจะมีผู้แทนเข้ามากี่พรรค ผมจะบอกพรรคของผมเสมอว่า ไม่ว่าจะไปร่วมทำงานกับใคร จะไม่มีการให้ร้ายป้ายสี ต้องช่วยกันทำความเจริญให้กับโคราชอย่างเดียว”

โคราชไม่แพ้เมืองใดในประเทศ

          “นอกจากบุรีรัมย์จะมีสนามบินที่อินเตอร์เนชั่นแนลแล้ว จริงๆ แล้วสนามบินที่โคราชเราก็อินเตอร์ไม่แพ้กัน สนามบินของโคราชพูดได้เลยว่ามีความพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ขนาดก็ใหญ่พอดีพอเหมาะที่เครื่องบินใหญ่ๆ จะลงจอดได้ ผมเชื่อว่าสนามบินโคราชก็ถือว่าเป็นอินเตอร์ไปแล้ว ทุกระบบความปลอดภัยก็ครบทุกอย่างแล้ว อีกทั้งยังเป็นสนามบินที่สวยที่สุดในประเทศ ที่สนามบินมีป่ารอบๆ สวยงาม ดูแล้วสบายใจมาก สนามบินโคราชพร้อมแล้วทุกอย่าง แต่ปัญหาคือโคราชเรามีอะไรให้นักท่องเที่ยวมา อีกอย่างที่สายการบินของโคราชหายไป ก็เพราะสายการบินเองที่ไม่มีความพร้อม ไม่มีบริการอะไรเลย แม้กระทั่งโทรมาก็ไม่ยอมรับจอง ขนาดมีที่ว่างอยู่ยังแจ้งว่าเต็มแล้ว ผมว่ามันไม่ได้เป็นที่สนามบินเลย แต่เป็นที่ผู้ประกอบการทำตัวเขาเองต่างหาก แม้กระทั่งเครื่องบินที่นำมาให้บริการคนโคราชยังเป็นเครื่องเก่าๆ ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องของการตลาด ไม่ใช่เรื่องความไม่พร้อมของสนามบิน พอผู้ประกอบการรายเล็กไม่มีการลงทุน ผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ไม่มา พอบริษัทเล็กเครื่องบินไม่ทันสมัย เวลาไปลงที่ไหนเขาก็ไม่จอดที่ Terminal เขาไปจอดท้ายสนามบิน แถมยังต้องลากกระเป๋าไปเอง จริงๆ แล้วสนามบินของเราเป็นระดับนานาชาติไปแล้ว เพียงแค่ยังไม่มีดีมานด์ ยกตัวอย่างเวลาผมต้องบินไปเวียงจันทน์ หากสนามบินของเราไม่ใช่ท่าบินอินเตอร์ ผมก็ต้องไปปั๊มพาสปอร์ตที่สนามบินอุดรธานี แต่ทุกวันนี้ผมสามารถปั๊มที่โคราชได้เลยเพียงต้องแจ้งล่วงหน้าเท่านั้น เพราะไม่ใช่จะมีใครมาใช้บริการทุกวันอยู่แล้ว ส่วนที่โคราชควรแก้ไขในตอนนี้ก็คือ การที่โคราชไม่มีดีมานด์นั่นเอง” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว

          “ทุกอย่างในโคราชมีดีหมดแล้ว ทั้งร้านอาหาร โรงแรม สถานศึกษา หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า ถือเป็นศูนย์กลางไปแล้ว ขาดเพียงอย่างเดียวคือ คนที่มาบริหารขาดความกล้าที่จะทำ เวลาทำเราก็ทำอย่าให้พลาดจนหมดเนื้อหมดตัว เราต้องทำให้ดีและสำเร็จ โคราชหลังการเลือกตั้งต่อไป ผมเชื่อว่าเราจะต้องสามัคคีกันมากขึ้น ความขัดแย้งต้องไม่มี เมื่อไม่มีความขัดแย้งแล้ว ผมเชื่อว่าทำอะไรก็จะเจริญ และผมตั้งใจและตั้งปณิธานว่า ถ้าถึงวันนั้น และมีโอกาสได้ทำเมื่อไหร่ ผมอยากจะขออนุญาตพี่น้องชาวโคราชว่า ผมจะมาทำความเจริญให้กับบ้านเกิดของพวกคุณ และเป็นบ้านที่ผมอาศัยอยู่” นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้าย

          อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา ภายใต้การนำของนายสายัณห์ โกลาตี นายกสมาคมฯ ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย มาแสดงวิสัยทัศน์แล้ว ส่วนจากนี้ไปจะเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองใดนั้น “โคราชคนอีสาน” จะเสนอข่าวให้ทราบต่อไป

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๑๔ วันพุธที่ ๑๑ - วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ 


704 1355