25thApril

25thApril

25thApril

 

July 16,2018

ยอดขายครึ่งปีทะลุ ๓๓,๕๙๓ คัน ‘มาสด้า’แก้มปริมั่นใจศก.ไทยพุ่ง เล็งปรับเป้าเพิ่มเป็น ๖๕,๐๐๐ คัน

         บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยความสำเร็จธุรกิจในครึ่งปีแรก ๒๕๖๑ พุ่งสูงถึง ๓๓,๕๙๓ คัน เติบโตกว่า ๔๑% ทำสถิติใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมาสด้า ผลพวงจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเบ่งบาน ประกาศปรับเป้ายอดขายปีนี้เพิ่มอีก ๒๗% ทะลุ ๖๕,๐๐๐ คัน

         นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดขายรวมเมื่อปี ๒๕๖๐ ทั้งหมดอยู่ที่ ๕๑,๓๕๕ คัน เพิ่มขึ้น ๒๑% ครองส่วนแบ่งการตลาด ๕.๙% ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดหวัง และเมื่อพิจารณาตัวเลข ๖ เดือนแรกของปีที่แล้ว ปรากฏว่ายอดขายรถมาสด้าอยู่ที่ ๒๓,๘๙๓ คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด ๕.๘% ในขณะที่ ๖ เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขรวมของมาสด้าพุ่งสูงถึง ๓๓,๕๙๓ คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง ๔๑% ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง ๖.๙% โดยแบ่งตามรุ่นดังต่อไปนี้ Mazda2 เก๋งเล็กยังคงครองใจผู้บริโภคมากที่สุดด้วยยอดขายสูงถึง ๒๑,๗๔๑ คัน เติบโต ๕๒% ครองอันดับหนึ่งของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก, Mazda CX-5 จำนวน ๔,๓๙๙ คัน เพิ่มขึ้น ๑๗๙%, Mazda BT-50 PRO จำนวน ๓,๒๕๔ คัน เพิ่มขึ้น ๕%, Mazda 3 จำนวน ๒,๖๒๑ คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง ๒%, Mazda CX-3 จำนวน ๑,๕๖๒ คัน ลดลง ๓๐% และ Mazda MX-5 จำนวน ๑๖ คัน เพิ่มขึ้น ๖๐% นอกจากประสบความสำเร็จสูงสุดด้านยอดขายรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว ในครึ่งปีหลังมาสด้าเตรียมรุกตลาดอย่างเต็มสูบ ออกประกาศนโยบายก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยการทำงานเป็นทีมภายใต้การบริหารงานโดยคนไทยเพื่อลูกค้าชาวไทยครอบคลุมทุกฟังก์ชั่น อาทิ การเสริมกลยุทธ์ด้านการขาย การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการบริการหลังการขาย รวมทั้งทิศทางการตลาดที่กล้าและแตกต่าง ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับค่ายมาสด้าที่นับวันยอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว การบริการหลังการขายยังถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะทำให้มาสด้าสามารถครองใจผู้บริโภคตราบนานเท่านาน

เปิด ๔ ยุทธศาสตร์ก้าวสู่การเติบโต

         ๑. กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจความเป็นหนึ่งเดียว หรือ One Mazda จุดเปลี่ยนที่ทำให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคิดนอกกรอบ กล้าที่จะแตกต่างของมาสด้าในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีและยนตรกรรม การยึดมั่นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของแนวคิดในการทำงาน โดยทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด ตั้งแต่การเริ่มต้นการผลิตไปยังลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการนำกลยุทธ์ Mazda Building Block Strategy มาใช้ในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตแบบเป็นขั้นตอน และเป็นการนำเทคโนโลยีในอนาคตมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมในส่วนของภาคผลิต รวมทั้งการบริหารธุรกิจในลักษณะ Distribution Business โดยมีผู้จำหน่ายเป็นผู้ขายและให้การบริการตรงกับลูกค้า ทำให้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายสามารถทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเป็นหนึ่งเดียว หรือ One Mazda ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น

          ๒. กลยุทธ์ด้านการขาย คือสิ่งสำคัญที่จะส่งผลทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย การที่มาสด้าจะพัฒนาในด้านการขาย อันดับแรก คือ ต้องหากลุ่มลูกค้าให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย โดยสถานที่ที่จะพบลูกค้าได้นั้นนอกจากที่โชว์รูมแล้ว คือการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ หรือการออกงานอีเว้นท์ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมบนสื่อออนไลน์ ประกอบด้วย ๑) การจัดกิจกรรมในโชว์รูมและการออกโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยแยกเป็นการจัดงานบนโชว์รูม ใช้ชื่องานว่า “MAZDA NEXT EXPERIENCE” ส่วนการจัดงานตามห้างสรรพสินค้า ใช้ชื่องานว่า “MAZDA SKYACTIV FESTIVAL” เพื่อสร้างความแตกต่างให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำในการเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งทั้งสองกิจกรรมนี้ จะจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ เดือน และกระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ๒) นโยบายการสนับสนุนการขายในงานบิ๊กอีเว้นท์ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ประกอบด้วย ๕ งานหลักประจำปีโดยเป็นงานแสดงรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ Motor Show, Fast Auto Show, Auto Salon, Big Motor Sales และ Motor Expo และงานตามต่างจังหวัด ได้แก่ Local Motor Show, Mini Motor Show ที่ห้างสรรพสินค้า, งานประจำปี (Annual Fair) และงานกาชาด (Red Cross Fair) และ ๓) การขยายพื้นที่โชว์รูมตามมาตรฐานใหม่ หรือ Mazda Corporate Identity ปัจจุบันแล้วเสร็จประมาณ ๕๐% หรือ ๖๒ โชว์รูม เป้าหมายของมาสด้าในปีนี้คือ ๙๐% และทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปัจจุบันมีโชว์รูมทั้งหมด ๑๓๔ แห่ง เป้าหมายคือขยายเพิ่มเป็น ๑๔๐ แห่ง ภายในปีนี้ และในเร็วๆ นี้ มาสด้าเตรียมเปิดโชว์รูมแห่งใหม่รวดเดียว ๕ แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

         ๓. กลยุทธ์ด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า นอกจากยอดขายที่เติบโตสูงสุดแล้ว สิ่งสำคัญที่มาสด้ายึดมั่นมาตลอดคือการสร้างมาตรฐานบริการหลังการขายให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถ โดยเฉพาะครึ่งปีหลังนี้ มาสด้าเน้นในส่วนของการบริการหลังการขาย ด้วยการเร่งมือปฏิบัติตามโปรแกรม MAZDA ACTIV SERVICE ซึ่งเกิดจากคอนเซ็ปต์ Feel the passion หรือมุ่งมั่นดูแลรถใส่ใจดูแลคุณ เป็นแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงความมี Passion ของชาวมาสด้า รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงและความปรารถนาดีในการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด จนเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งภายใต้โปรแกรม MAZDA ACTIV SERVICE นั้นมีความหลากหลาย อาทิ Mazda Premium Insurance หรือโครงการประกันภัยรถยนต์ประเภท ๑ ด้วยเงื่อนไขความคุ้มครองและสิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับลูกค้ามาสด้าเท่านั้น,  Mazda Care หรือโปรแกรมที่มอบให้แก่ลูกค้าในการซ่อมบำรุงและตรวจเช็คสภาพรถ ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทางทุกประเภท ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพอะไหล่แท้ทุกชิ้น

         สำหรับกลยุทธ์ข้อที่ ๔ คือ กลยุทธ์ด้านการตลาด ซึ่งนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะครึ่งปีหลังของ ๒๕๖๑ เดินหน้าบุกตลาดเต็มที่ ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย การเดินสายออกโรดโชว์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กิจกรรมร่วมสนุกผ่านสื่อออนไลน์ เสริมทัพด้วยรถฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ New Mazda CX-3 Model Year 2018 ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคมนี้ เพื่อสร้างแบรนด์มาสด้าให้เป็นที่จดจำและมีความใกล้ชิดกับลูกค้าอย่างแน่นแฟ้น นอกจากนี้มาสด้าจะเน้นเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านการบริการหลังการขาย เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของลูกค้าและเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกและรักตลอดไป

         นอกจากนี้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคคนไทยนิยมซื้อสินค้าทางระบบออนไลน์กันมากขึ้น สาเหตุอย่างแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องความสะดวกสบาย และยังมีในเรื่องของราคา ความหลากหลายของสินค้า รวมถึงความเป็นส่วนตัวแฝงอยู่ด้วย ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถหาข้อมูลของสินค้าและร้านค้าที่ต้องการซื้อจากทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย โดยสินค้าที่เราเห็นเป็นส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าขนาดเล็กถึงขนาดปานกลางที่จับต้องได้ แต่ในปัจจุบันการซื้อสินค้าขนาดใหญ่ อย่างเช่นรถยนต์ก็เข้ามามีอิทธิพลในการซื้อขายแบบออนไลน์ด้วยเช่นกัน

         นอกจากนี้ มาสด้าเตรียมจัดกิจกรรมเพื่อนำสื่อมวลชนร่วมบันทึกการเดินทางเพื่อพิชิตดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือที่ไม่เคยมีใครกล้าพิสูจน์ ด้วยการนำรถยนต์จากประเทศไทยไปทดสอบ ประกอบด้วยรุ่นมาสด้า๒, มาสด้า๓, มาสด้า ซีเอ็กซ์-๕ และมาสด้า บีที-๕๐ โปร กับเส้นทางที่ท้าทายด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ภูมิอากาศที่หนาวจัด เพื่อมอบประสบการณ์สุดขั้ว รวมทั้งเป็นบทพิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์ที่มีแหล่งผลิตจากประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน Mazda Passion Drive to the New Horizon “เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า” โดยเฉพาะการนำรถยนต์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจากเขตภูมิอากาศร้อนชื้นไปขับในสภาพภูมิอากาศที่หนาวจัด ในแถบกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ประกอบด้วย สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ และฟินแลนด์ ด้วยระยะทางขับขี่กว่า ๖,๐๐๐ กิโลเมตร ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ด้วยกลยุทธ์และแผนงานที่มาสด้าได้วางไว้ ประกอบกับผู้บริหารมากความรู้ความสามารถ และสะสมประสบการณ์ในตลาดรถยนต์มาอย่างยาวนาน มาสด้าจะยังคงสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อตอบสนองลูกค้าทุกท่าน ให้การขับขี่นั้นเป็นเรื่องสนุกสนาน และกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าไว้วางใจทั้งด้านคุณภาพและด้านบริการที่เป็นเลิศ  

 

 

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๑๕ วันจันทร์ที่ ๑๖ - วันศุกร์ที่ ๒๐ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑


699 1342