29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

September 12,2018

ลงดาบผู้จัดการสหกรณ์ฯ ปมซื้อปุ๋ย ๓๐ ล.ผิดระเบียบ

         ล่าสุดมีคำสั่งไล่ผู้จัดการออกแล้ว ขณะที่สมาชิกสหกรณ์ฯ ยื่นขอถอดถอนประธานด้วย รองประธานฯ เผยเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เร่งทวงเงิน ๓๐ ล้านจากทีพีไออีกรอบ

         ตามที่เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ มีสมาชิกสหกรณ์ฯ กว่า ๑๐๐ คน เดินทางเข้าร้องเรียนต่อ นางประทิน สีสา สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ที่สำนักงานสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด กรณีคณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา นำเงินของสหกรณ์ฯ จำนวน ๓๐ ล้านบาท สั่งซื้อปุ๋ยหินแร่ภูเขาไฟทีพีไอตามโครงการลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต โดยไม่มีมติผ่านที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการฯ เกิดเป็นข้อกังขาให้กับกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯ จึงรวมตัวกันเข้าเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการฯ จากนั้นมีการประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์การ เกษตรเมืองนครราชสีมา โดยคณะกรรมการดำเนินการทั้งสิ้น ๑๕ คน มีนายสนิท แก้วทะเล ประธานกรรมการ เป็นผู้ชี้แจงต่อสมาชิก ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่ในที่ประชุม ไม่เห็นชอบต่อการดำเนินการในครั้งนี้ กระทั่งมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดจากนายทะเบียนให้ระงับโครงการฯ และให้คืนเงินจำนวน ๓๐ ล้านบาท ภายในระยะเวลา ๗ วัน 

         ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้ง ๔๓ โดยมีสมาชิกสหกรณ์ฯ เข้าร่วมประชุมกว่า ๒๐๐ คน ทั้งนี้ กลุ่มสมาชิกได้ทวงถามถึงขั้นตอนการดำเนินงานขอคืนเงิน ๓๐ ล้านบาท จากโครงการลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตของ หจก.ครอบครัวทีพีไอ จำกัด ด้วย

         โดยนายสนิท แก้วทะเล ประธานกรรมการ ได้ทำเอกสารชี้แจงว่า “จากการมีคณะกรรมการจำนวน ๑๐ คน ได้ไปร้องเรียนต่อนายทะเบียนสหกรณ์ ประกอบด้วย ๑.นายทรงวุฒิ เอกบุตร ๒.นายทองอินทร์ พยาวงค์ ๓.นายณัฐพงษ์ธร เพ็ชรงาม ๔.นายแดง เกียมมะเริง ๕.นายประชวน แผนสันเทียะ ๖.นายชั้น ไขโพธิ์ ๗.นายช้อย เพ็งหมื่นไวย ๘.นางทิพย์สุกาญจน์ มากคง ๙.นางจีรวรรณ ชัยวิรูญรัตน์ และ ๑๐.นางสมร พวงจันทร์ สหกรณ์ได้มีการประชุมคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ ๔๒ ครั้งที่ ๑๙ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกโครงการลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต และเรียกเงินจำนวน ๓๐ ล้านบาท จาก หจก.ครอบครัวทีพีไอ คืนภายใน ๗ วัน ทั้งนี้ สหกรณ์ได้ดำเนินการส่งหนังสือขอคืนเงินจาก หจก.ครอบครัวทีพีไอแล้ว

         บริษัท ทีพีไอ โพลีน ชีวะอินทรีย์ จำกัด ได้แจ้งว่า ตามที่ท่านได้ส่งผลิตและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์การเกษตรทีพีไอ คือ หินภูเขาไฟจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ กระสอบ เพื่อส่งให้สหกรณ์ปลายทาง และได้โอนเงินผ่านทางนางภัทรมณพ์ กาฬเทพ ในนาม หจก.ครอบครัวทีพีไอ ซึ่งบริษัท ทีพีไอ โพลีน ชีวะอินทรีย์ จำกัด ได้รับคำสั่งผลิตและสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะส่งสินค้าให้สหกรณ์ต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า ทำไมต้องจ่ายเงินที่จะส่งสินค้า อันนี้เป็นกฎเกณฑ์ระเบียบของบริษัทที่ได้ปฏิบัติมานานแล้ว เพราะได้สต็อกวัตถุดิบตามที่สั่งผลิตสั่งซื้อ และตอนนี้บริษัทได้ผลิตสินค้าพร้อมส่งสินค้าให้สหกรณ์ลูกค้าปลายทาง ตามคำสั่งของสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด

         หจก.ครอบครัวทีพีไอ แจ้งว่า ทีพีไอ โพลีน ชีวะอินทรีย์ จำกัด ได้ผลิตสินค้า จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ กระสอบๆ ละ ๑๕๐ บาท เป็นเงิน ๓๐ ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะส่งให้สหกรณ์ปลายทางแล้ว ขอให้สหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด แจ้งว่าจะให้ บริษัท ทีพีไอ โพลีน ชีวะอินทรีย์ จำกัด ส่งสินค้าไปที่ใด เมื่อไหร่ จำนวนเท่าใด หากเกิน ๓๐ วัน บริษัทฯ จะส่งสินค้าทั้งหมดมาที่สหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด”

         ภายในเอกสารนายสนิทระบุอีกว่า “จากเหตุการณ์ทั้งหลายที่กล่าวมาแล้วจึงขอให้คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด ประชุมคณะกรรมการดำเนินการให้อุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียน และให้ส่งแร่ภูเขาไฟให้สหกรณ์การเกษตรนาบอน จำกัด เพื่อมิให้สหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด เกิดความเสียหายจากการจำหน่ายแร่ภูเขาไฟไม่ได้ และหากคณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด มีมติไม่อุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ และนายทะเบียนสหกรณ์สั่งให้หาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น  อันเกิดจากเหตุของการไม่อุทธรณ์ ข้าพเจ้าผู้ลงนามในหนังสือนี้ จะไม่รับผิดชอบต่อค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น”

         อย่างไรก็ตาม ภายในที่ประชุมกลุ่มสมาชิกได้ถามว่า “หากไม่ได้เงิน ๓๐ ล้านคืน ท่านประธานจะรับผิดชอบหรือไม่?” นายสนิทได้ตอบว่า “ผมจะรับผิดชอบ และขณะนี้ก็ได้ดำเนินการไปแล้วตามเอกสารชี้แจง”

         ขณะที่นายเฉลิมยศ อินทร์หมื่นไวย เลขาธิการกลุ่ม ๒๘ ตัวแทนสมาชิกฯจากตำบลหมื่นไวย ได้เสนอว่า “ต้องการให้นายสนิท แก้วทะเล แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ โดยการสละตำแหน่งประธานกรรมการด้วย”

         ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ นายณัฐพงษ์ธร เพ็ชรงาม รองประธานกรรมการ สหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด ได้มีเอกสารคำสั่ง ที่ ๑๔/๒๕๖๑ เรื่องไล่เจ้าหน้าที่ออกจากสหกรณ์ ข้อความดังนี้ “ด้วยสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา จำกัด ได้รับคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ที่ นม ๑๕/๒๕๖๑ เรื่อง ให้คณะกรรมการดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่อง ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ นั้น คณะกรรมการชุดที่ ๔๒ ครั้งที่ ๑๖ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจาก นายสรรเสริญ วงศ์สง่า ตำแหน่งผู้จัดการ พบว่าไม่ปฏิบัติการตามข้อบังคับสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๕๘ ข้อ ๒ (๑) และข้อ ๘๙ (๗) การตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ดังนี้ 

         ๑.การถอนเงิน ๓๐ ล้านบาท 

         ๑.๑ การโอนเงิน ๓๐ ล้านบาท ในวันที่ ๑ สงหาคม ๒๕๖๑ เป็นการโอนเงินให้บุคคลภายนอก ซึ่งไม่ระบุว่าเป็น หจก.ครอบครัวทีพีไอ ตามกล่าวอ้าง และไม่มีเงื่อนไขหรือสัญญาใดๆ ซึ่งไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการดำเนินการให้ถอนเงิน การปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบสหกรณ์ ว่าด้วยการรับจ่ายและเก็บรักษาเงิน พ.ศ.๒๕๕๙ ข้อ ๒๑, ข้อ ๒๒, ข้อ ๒๗, ข้อ ๒๘ และข้อ ๓๒

         ๑.๒ ไม่มีการสำรวจความต้องการของสมาชิก ไม่มีใบสั่งซื้อ และสั่งซื้อเป็นคราวๆ ไปในปริมาณที่จำเป็นตามความเหมาะสม การปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบสหกรณ์ ว่าด้วยการขายสินค้าเงินเชื่อ พ.ศ.๒๕๕๙ ข้อ ๗

         ๑.๓ ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเอกสารหลักฐาน รวมถึงหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อประกอบการพิจารณาขายเชื่อของคณะกรรม การ การปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบสหกรณ์ ว่าด้วยการขายสินค้าเงินเชื่อ พ.ศ.๒๕๕๙ ข้อ ๗

         ๑.๔ ดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้กำหนดไว้ในแผนงานของสหกรณ์ (สกก.๔) ที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๐

         ๒.การฝากขายสินค้ากับสหกรณ์การเกษตรด่านขุนทด จำกัด ในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ไม่มีสัญญาฝากขาย และระเบียบสหกรณ์ไม่มีอำนาจให้กระทำได้

         ๓.การเดินทางไปติดต่อทำธุรกิจที่ภาคใต้ ๒ ครั้ง คือ วันที่ ๒๓-๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๗-๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ มีการเบิกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเช่าห้องประชุม ค่าเบี้ยประชุม ค่าที่พัก ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น รวมเป็นเงินจำนวน ๑๐๗,๓๘๐ บาท ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ และไม่มีหลักฐานใบเสร็จรับเงินนำมาประกอบการเบิกจ่าย ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบสหกรณ์ ว่าด้วยเงินยืมทดลองจ่าย พ.ศ.๒๕๕๙ ข้อ ๙ (๒)

         คณะกรรมการดำเนินการชุดที่ ๔๓ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ พิจารณาแล้วว่าผู้จัดการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสหกรณ์ว่าด้วยเจ้าหน้าที่และข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน พ.ศ.๒๕๕๙ ข้อ ๕๑ (๖) (๗) และข้อ ๕๓ (๕) จงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ เป็นเหตุให้สหกรณ์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือตาม (๘) ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ เป็นเหตุให้สหกรณ์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง จึงมีมติให้ไล่ออก ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป และให้ปฏิบัติตามข้อบังคับสหกรณ์ พ.ศ.๒๕๕๘ ข้อ ๙๔ คือ ต้องจัดให้มีการตรวจสอบหลักฐานเอกสารทางบัญชีและการเงิน ผลิตผลและสินค้าอื่นๆ กับบรรดาทรัพย์สินและหนี้สิน ตลอดจนจัดทำงบดุลของสหกรณ์เพื่อทราบฐานะอันแท้จริงก่อนจะส่งมอบงาน

         ทั้งนี้ หากเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการดำเนินการได้ภายใน ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันทราบคำสั่ง  การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

         นายณัฐพงษ์ธร เพ็ชรงาม รองประธานกรรมการ สหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมา จำกัด เปิดเผยว่า “ขณะนี้กำลังดำเนินการถอดถอนนายสนิท แก้วทะเล ออกจากการเป็นประธานกรรมการ เนื่องจากมีสมาชิกสหกรณ์ฯ มายื่นขอถอดถอนประธานด้วย สำหรับเรื่องคดีความก็กำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อดำเนินการแจ้งความต่อไป ซึ่งการสอบสวนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางสหกรณ์ฯ ได้ติดตามทวงเงิน ๓๐ ล้านบาทไปยัง หจก.ครอบครัวทีพีไอ อีกครั้งหนึ่งแล้วด้วย”

 

 

 

 นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๒๔ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ - วันอังคารที่ ๑๕ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑

 

800 1417