27thSeptember

27thSeptember

27thSeptember

 

January 22,2020

เยือนถิ่น ‘หนองบัวลำภู’ แวะดูผ้าไหมมัดหมี่โบราณ สักการะอัฐบริขารหลวงปู่ขาว

กลับมากันต่อกับเส้นทางสายไหม สู่เมืองรอง ที่จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์...เมื่อฉบับที่แล้ว ม.ม้าพาทุกคนไปท่องเที่ยว และดูผ้าไหมสวยๆ งดงามด้วยสีจากธรรมชาติ กันที่จังหวัดอุดรธานี

มาวันนี้ ก็จะพาไปอีกจังหวัด เป็นจังหวัดที่ไม่ได้มีพื้นที่ ใหญ่มาก แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ และก็กลุ่มทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียง

เช้าแล้วเริ่มต้นออกเดินทาง ก่อนจะไปดูผ้าไหมสวยๆ เราแวะไปที่วัดกันก่อน เข้าวัดได้ การันตีไม่มีร้อนจ้า...สำหรับวัดที่เราพาไปคือ “วัดถ้ำกลองเพล” เป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว ก่อนจะแวะดูถ้ำ  ไหว้พระ หากขับขึ้นทางลาดไปเรื่อยๆ ระยะประมาณ ๒ กม. ก็จะพบกับ “พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงปู่ขาว อนาลโย” เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บอัฐิและรวบรวมเครื่องอัฐบริขารของหลวงปู่ขาว เป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ตัวพิพิธภัณฑ์สวยมากค่ะ  เดินดูเพลินไปเลย

เมื่อเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กันเสร็จ ก็ย้อนลงมาที่วัดถ้ำกลองเพล ซึ้งพอได้สัมผัสแล้วก็สมกับเป็นถ้ำจริงๆ ค่ะ ตามซอกหินจะมี  พระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่หลายองค์ ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปปางสมาธิ ปางไสยาสน์ พระพุทธรูปปัญฑรนิมิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่จำหลักลงในก้อนหิน และด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐานพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ เข้ามาในถ้ำ บอกเลยว่าเย็นมาก เห็นไหม ใครบอกเข้าวัดแล้วร้อน ไม่จริงสักหน่อย...

หลังจากที่แวะไหว้พระกันแล้ว ก็เดินทางไปต่อที่ “กลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง” ซึ่งได้พบกับ “คุณแม่ฉลาด หลอดแก้ว” ซึ่งเป็นประธานกลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง คุณแม่ฉลาดบอกว่า “ผ้าไหมที่นี่มีการย้อมสีทั้งสีเคมี และสีธรรมชาติ สีที่นิยมมากๆ คือสีเคมีจะมาเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากสีธรรมชาติจะไม่สด แต่คุณสมบัติของสีธรรมชาติคือ ใส่แล้วจะเย็น ไม่ร้อน”

สำหรับผ้าที่นี่ ลายที่ขึ้นชื่อ คือ ผ้าหมี่ลายโบราณ เป็นผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณและลายประยุกต์ ย้อมด้วยสีจากวัตถุดิบธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น เช่น เปลือกไม้ และใบไม้ ทำให้พื้นผ้ามีสีสันสวยงามและสีไม่ตก การมัดหมี่และทอด้วยมือเป็นไปด้วยความประณีตบรรจงซึ่งนอกจากจะโดดเด่นด้วยลายโบราณแล้ว ยังมีการประยุกต์ลวดลายใหม่ๆ เพื่อให้ถูกใจผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยลวดลายที่โดดเด่นประจำกลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง คือ ลายนาคต้นสน และลายดอกบัว ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน และยังได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ ๕ ดาวอีกด้วย

หลังจากพูดคุยกันสักพัก แม่ฉลาดก็พาเดินไปดูกี่ทอผ้า และทอผ้าโชว์กันให้เห็นชัดๆ เนื้อผ้าที่นี่มีความละเอียด นุ่ม สวมใส่สบายมากค่ะ พอมาเห็นความชำนาญในการทอ การขึ้นลวดลายต่างๆ และเนื้อผ้าที่ใส่แล้วนุ่มสบายอย่างนี้แล้ว แบบนี้ ม.ม้าให้เพิ่มเป็น ๑๐ ดาวเลยค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาผ้าหมี่ลายโบราณเนื้อผ้านุ่ม สวมใส่สบาย ไปเลือกชมกันได้ที่ กลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง ต.นาเหล่า อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ติดต่อ ๐๖๕-๗๕๗-๖๘๗๗

หลังจากชื่นชมการทอผ้ากันเสร็จแล้ว ทีนี้เราก็เดินทางกันต่อ นั่งรถไปประมาณ ๔๐ นาที เพื่อไปที่ร้าน “รัศมีไหมไทย” และร้าน “มูลมังผ้าไทย” สองร้านนี้ตั้งอยู่ที่เดียวกันเลยค่ะที่ ต.ป่าไม้งาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

มากันที่ “รัศมีไหมไทย” กันก่อนเลย โดยมาพบกับ “คุณแม่รัศมี ผิวพุ่ม” เมื่อเดินทางมาถึง คุณแม่ก็พาเข้าไปเยี่ยมชมบรรดาพี่ๆ ป้าๆ สาธิตการทอผ้า และขั้นตอนการสาวไหม ใครไม่อยากแก่ อยากสาว ก็มานั่งสาวไหมกันได้ สาวทั้งวันทั้งคืนไม่แก่แน่นอน ฮ่า....

สำหรับผ้าไหมที่นี่ จะเน้นเป็น ผ้าไหมยกดอกลายโบราณและไหมแกมฝ้าย ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของกลุ่ม “รัศมีไหมไทย” มีทั้งผ้าถุงดอกลายโบราณ, ผ้าขิดยกดอกลายโบราณ ซึ่งเป็นผ้าไหมและไหมแกมฝ้าย ถักทอด้วยลวดลายโบราณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มฯ โดยลวดลายมาจากการสะสมผ้าลายโบราณที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

คุณแม่รัศมี เล่าให้ฟังว่า “เทคนิคการทอและการดูแลรักษาที่สืบทอดมาจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ปัจจุบันผ้าถุงยกดอกลายโบราณที่ผลิตจากผ้าไหมเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่ เพราะนอกจากจะมีลวดลายที่สวยงามแล้ว ยังดูแลรักษาง่าย เนื้อผ้าไม่หดไม่ยุ่ย และสีไม่ตก เพราะย้อมด้วยสีจากธรรมชาติ จึงปลอดภัยต่อผู้สวมใส่”

ภายในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของร้าน “มูลมังผ้าไทย” ซึ่งร้านนี้เป็นร้านรุ่นลูกค่ะ “คุณนารีรัตน์ กรีโส” เล่าให้ฟังว่า สินค้าแปรรูปจากผ้าไหมของ “กลุ่มมูลมังผ้าไทย” จะออกแบบลวดลายให้เข้ากับยุคสมัย และยังคงอนุรักษ์ลวดลายโบราณ ส่วนสียังคงมีกระบวนการย้อมในแบบดั้งเดิม คือการหมักโคลนและการใช้สีจากวัตถุดิบธรรมชาติ ที่มีในท้องถิ่น เช่น มะเกลือ”

นอกจากนั้น ที่นี่ยังรับซื้อเส้นไหมคุณภาพจากเครือข่ายที่ย้อมด้วยสีจากธรรมชาติอีกด้วยค่ะ แต่   ก็มีการปรับโทนสี ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และความต้องการของท้องตลาดของกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย รวมทั้งยังนํามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่สามารถนำมา สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสวยงามและทันสมัย

ใครที่สนใจผ้าไหมสวยๆ ก็สอบถามกันได้ สำหรับร้านรัศมีไหมไทย ติดต่อ ๐๖๓-๙๕๔-๗๑๑๑ ส่วนร้านมูลมังผ้าไทย ติดต่อที่ ๐๘๐-๒๗๔-๑๗๗๘ หรือไปหน้าร้านกันเลย ตั้งอยู่เลขที่ ๒๘๓ ม.๑๒ ต.ป่าไม้งาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

เอาล่ะ... เดินทางกันมาพอสมควรแล้วในฉบับนี้ ได้เวลานั่งรถตู้ออกเดินทางกันต่อ กับจังหวัดสุดท้ายของเส้นทางสายไหม ภาคอีสานตอนบน ฉบับหน้าว่าจะพาไปขึ้นคานกันดูสักหน่อย...แง้มๆ มาขนาดนี้ก็คงจะพอเดากันออกแล้วล่ะว่าที่ไหน ยังไงก็รอติดตามได้...ฉบับหน้านะคะ

 

 

วัดถ้ำกลองเพล

 

 

 

กลุ่มทอผ้าบ้านนากลาง

 

 

ร้านมูลมังผ้าไทย

 ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๑๒ วันพุธที่ ๒๒ - วันอังคารที่ ๒๘ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

 


743 1,509