20thApril

20thApril

20thApril

 

May 21,2022

รวบ‘เจ๊พร’เจ้าแม่จำนำรถรายใหญ่ ได้ของกลางรถยนต์-จยย. ๒๕ คัน

 

ตามที่เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น (กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น) พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฎฐ์ โหม่งพุฒ ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศปจร.ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนางประภร หงค์คำ อายุ ๕๒ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๐๙ ม.๒๕ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลาง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวม ๒๕ คัน แยกเป็นรถจักรยานยนต์ ๑๘ คัน และรถยนต์ ๗ คัน พร้อมสมุดบัญชีธนาคารจำนวนมาก หลังนำหมายศาล จ.ขอนแก่น ที่ ๑๕๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๑๒ พ.ค. เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพักดังกล่าว ก่อนทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดและควบคุมตัวผู้ต้องหามา สอบสวนที่ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น

พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากที่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าร้องเรียนกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๔ และมีการประสานงานร่วม ภ.จว.ขอนแก่น ซึ่งชุดสืบสวน โดย ศปจร.ภ.จว.ขอนแก่นจึงลงพื้นที่ทำการสืบสวนสอบสวนขออำนาจศาลขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ซึ่งเมื่อไปถึง พบนางประภร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านและดูแลสถานที่ดังกล่าว จึงขอเข้าทำการตรวจค้น พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งหมดจอดอยู่ภายในบ้านและบริเวณรอบบ้าน ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับจำนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากบุคคลทั่วไป โดยคิดอัตราดอกเบี้ยจากการรับจำนำแต่ละคันในอัตราร้อยละ ๑๐ บาทต่อเดือน และมีการหักค่าจอดรถตามขนาดของรถอีกด้วย

“ผู้ต้องหารับจำนำแบบผิดกฎหมายมาตั้งแต่ช่วงกลางปี ๒๕๖๓ โดยมีผู้เสียหายไปใช้บริการและเมื่อส่งครบตามจำนวนผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนรถ จึงเข้าร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ ขณะที่จากการตรวจสอบพบว่ามีทั้งรถที่มีเอกสารและไม่มีเอกสาร ประหนึ่งว่าเป็นการรับจำนำทั้งหมดโดยไม่ถูกต้อง จึงต้องมีการตรวจยึดมาตรวจสอบในภาพรวม”

รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า มีการประสานงานร่วมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลังฐาน ในการเข้าตรวจสอบหลักฐานรถทุกคัน เพื่อพิสูจน์หาเจ้าของที่แท้จริง รวมทั้งเอกสารหลักฐานการรับจำนำต่างๆ ซึ่งหากพบว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา หรือมีการครอบครองของบุคคลที่ ๓ เกิดขึ้นก็จะมีการตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหารายนี้เพิ่มขึ้นไปด้วย ดังนั้น ในระยะนี้ขอให้เจ้าของรถที่แท้จริงได้นำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จ จึงตั้งข้อกล่าวหาว่าให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางให้


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๒๗ ประจำวันพุธที่  ๑๘ - วันอังคารที่  ๒๔  เดือนพฤษภาคม  พุทธศักราช  ๒๕๖๕


700 1342