30thOctober

30thOctober

30thOctober

 

May 22,2020

เหยื่อบุกแจ้งจับ‘พิมมี่’ หลอกเล่นแชร์ออนไลน์สูญ ๖ ล.

หอบหลักฐานบุกแจ้งจับท้าวแชร์ “บ้านแจกดอก พิมมี่” หลอกเล่นแชร์ออนไลน์ เสนอให้ผลตอบแทนสูง หลงเชื่อสูญเงินกว่า ๖ ล้าน ตำรวจออกหมายเรียกแล้ว  

เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ข้าราชการ พนักงานบริษัท และพ่อค้าแม่ค้าทั้งในจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา สุโขทัย กรุงเทพมหานคร สระบุรี และนนทบุรี กว่า ๑๐ คน ได้นำเอกสารหลักฐานข้อความการแชทสนทนาผ่านเฟซบุ๊ก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ  พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เพ็ญ อายุ ๓๒ ปีชาวชัยภูมิ ซึ่งเป็นท้าวแชร์ “บ้านแจกดอก พิมมี่” โดยกล่าวหาว่า น.ส.เพ็ญ มีพฤติกรรมโพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนสมาชิกเข้ามาเล่นแชร์ออนไลน์ในบ้านแจกดอก พิมมี่ อ้างว่าจะนำเงินไปร่วมลงทุนทำธุรกิจ โดยจะให้ผลตอบแทนสูง อาทิ หากใครลงทุน ๑๐๐,๐๐๐ บาท จะได้ดอกเบี้ย ๒๐,๐๐๐ บาทภายใน ๓ วัน แต่หากใครติดต่อผ่านหลังบ้านหรือแชทส่วนตัวก็จะได้ผลตอบแทน ๔๐,๐๐๐ บาท ภายใน ๓ วันเหมือนกัน จึงทำให้มีคนหลงเชื่อเข้าไปร่วมเล่นแชร์กับบ้านแจกดอก พิมมี่ จำนวนมาก ซึ่งระยะแรกก็ได้ผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้างจริง แต่ระยะหลังสมาชิกหรือลูกแชร์ลงเล่นทุนที่สูงขึ้น บางรายลงทุนเป็นหลักแสนถึงล้านบาท น.ส.เพ็ญ ซึ่งเป็นท้าวแชร์ก็เริ่มบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยให้กับลูกแชร์ เมื่อติดต่อไปก็อ้างโน่นอ้างนี่บางครั้งก็ติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ณ ขณะนี้เท่าที่ทราบมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วกว่า ๗๐ คน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า ๖ ล้านบาท จึงทยอยพากันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ทั้งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เอาผิดกับ น.ส.เพ็ญ ท้าวแชร์   

นางศันสนีย์ ดีด่านกลาง อายุ ๓๘ ปี และนางสาวศิริพาภรณ์ ดีขุนทด อายุ ๒๖ ปี ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ เปิดเผยว่า ที่ตัดสินใจเล่นแชร์กับบ้านแจกดอก พิมมี่ เพราะมีการเชิญชวนผ่านเฟซบุ๊กและเสนอให้ผลตอบแทนที่สูงมากกว่าบ้านแชร์อื่นๆ จึงมีคนหลงเชื่อเข้าไปร่วมเล่นจำนวนมาก ยอมรับว่า ๒–๓ ครั้งแรกได้ผลตอบแทนจริง แต่ก็น่าจะเป็นกลอุบายที่ทำให้ลูกแชร์ตายใจ พอระยะหลังลูกแชร์ลงเงินจำนวนมากหลักแสนถึงหลักล้าน ก็ไม่จ่ายให้ทั้งต้นและดอกเบี้ยเลย สอบถามทางเฟซก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน้นอ้างนี้ จึงเชื่อว่าน่าจะเจตนาฉ้อโกงเอาเงิน จึงได้มาแจ้งความให้เอาผิดกับท้าวแชร์บ้านแจกดอกดังกล่าว เพราะไม่อยากให้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก

ทั้งนี้ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ถูกกล่าวหา นัดให้มาพบภายในวันที่ ๓ มิถุนายนนี้ ถ้าไม่มาก็จะออกหมายเรียกครั้งที่สอง และหากไม่มาอีก ก็จะออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิด “พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.แชร์” คาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายในหลายท้องที่จังหวัด สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ใน สภ.ท้องที่ได้

 

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๒๘ วันพุธที่ ๒๐ - วันอังคารที่ ๒๖ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

 


852 1,533