19thApril

19thApril

19thApril

 

June 19,2020

เลี้ยง ‘โคเนื้อ-นม’ อันดับ ๑ ธกส.หนุนสินเชื่อเพื่อปศุสัตว์

ส่งเสริมเกษตรกรโคราชปลูกหญ้าเนเปียร์แห่งแรก ภายใต้โครงการ “โคเนื้อสร้างชาติ” โดยกรมปศุสัตว์ และ ธ.ก.ส.ที่สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ หวังเพิ่มขีดความสามารถปศุสัตว์ไทย สร้างอาชีพทางเลือกใหม่ บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกร พบโคราชเลี้ยงโคเนื้อ-โคนมอันดับ ๑ ของไทย 

 

เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิด Kick off โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคขุนสร้างรายได้ ภายใต้โครงการโคเนื้อสร้างชาติ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง โดยมีนายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายพศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงาน ตลอดทั้งนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา และเกษตรกรกว่า ๕๐๐ คน เข้าร่วม โดยคณะได้พบปะเกษตรกร พร้อมทั้งร่วมกันปลูกหญ้าเนเปียร์ และปล่อยน้ำบำบัดจากโรงงานแป้งมันสำปะหลังลงสู่แปลงหญ้า จากนั้นชมการสาธิตตัดหญ้าและนิทรรศการต่างๆ ภายในงาน ณ บริษัท เอี่ยมธงชัย อุตสาหกรรม จำกัด ตำบลงิ้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากในหลายพื้นที่ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถทำการเกษตรได้ตามปกติ ผลผลิตได้รับความเสียหายและได้รับผลกระทบด้านราคา เนื่องจากคุณภาพผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่คุ้มต่อการลงทุน และไม่เพียงพอต่อการยังชีพ อีกทั้งยังขาดโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการฟื้นฟูหรือปรับเปลี่ยนอาชีพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตระหนักถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และหาแนวทางที่จะช่วยฟื้นฟูอาชีพแก่เกษตรกรที่ประสบปัญหา ดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

“สำหรับงานในครั้งนี้ เป็นการ kick off เปิดแปลงปลูกหญ้าเนเปียร์ บนพื้นที่ ๕๐๐ ไร่ แห่งแรกของโครงการฯ เพื่อผลิตอาหารแบบผสมเสร็จ TMR สำหรับโคขุนให้ได้รับอาหารที่ดี สมบูรณ์ จะทำให้โคมีอัตราเจริญเติบโต ๑-๑.๕ กิโลกรัม โดยเข้ามาส่งเสริมเกษตรกรที่อำเภอปักธงชัย ให้ปลูกหญ้าเนเปียร์โดยใช้น้ำของโรงงานแป้งมันแห่งนี้ซึ่งมีค่าไนโตรเจนสูง ขณะนี้ลองปลูกแล้ว พบว่า ๑ ไร่ ได้ผลผลิต ๑๐ ตัน พร้อมกันนี้มีประกันราคาซื้อจากเกษตรกรอยู่ที่กิโลกรัมละ ๕๐ สตางค์ รวมทั้ง ธ.ก.ส. พร้อมปล่อยเงินกู้ให้เกษตรกรเพื่อการเตรียมดินปลูกหญ้า โดย ๑ ไร่ มีค่าใช้จ่ายประมาณ ๓,๐๐๐ บาท รอบการตัด ๖๐ วัน/ครั้ง อย่างไรก็ตาม เกษตรกรประสบปัญหาน้ำมีไม่เพียงพอในการเพาะปลูก รวมถึงน้ำไปไม่ถึงแปลง ดังนั้น จึงร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำและกรมบาดาลเข้าช่วยเหลือสนับสนุนต่อท่อ และขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นโอกาสดีของเกษตรกรชาวอีสานที่ประสบภัยแล้ง ได้มีอาชีพเสริมสร้างรายได้ ทั้งการปลูกหญ้าเนเปียร์ และการเลี้ยงโคขุน โดยกรมปศุสัตว์ได้เตรียมความพร้อมการแนะนำ วิธีการ นวัตกรรม แก่เกษตรกร โดยมีการตลาดนำการผลิต ตลอดจนจะผลักดันโครงการนี้ และขยายผลไปถึงเกษตกรอีก ๓๒ อำเภอด้วย” นายประภัตร กล่าว

ด้านนายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า โครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ และกิจการที่เกี่ยวเนื่องฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถภาคปศุสัตว์ไทย โดยสนับสนุนการจัดการตลาดผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ สร้างอาชีพทางเลือกใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมมาเลี้ยงสัตว์ จำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ ฟื้นฟูอาชีพแก่เกษตรกร บรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ และผลกระทบจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ  

สำหรับโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กรมปศุสัตว์ กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดนครราชสีมา โดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการ           ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ พืช ประมง และกิจการที่เกี่ยวเนื่องตามนโยบายรัฐบาล ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้เกษตรกรที่มีความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๖๗ ครั้ง เกษตรกร ๓,๙๙๕ ราย และรับรองคุณสมบัติเบื้องต้นของกลุ่มเกษตรกรเพื่อขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.แล้ว จำนวน ๕๐ กลุ่ม เกษตรกร ๔๗๖ ราย

ทั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการค้าส่งค้าปลีก ซึ่งมีอัตราสัดส่วนโครงสร้างร้อยละ ๒๒.๔๖, ๑๙.๘๒ และ ๑๔.๙๑ ตามลำดับ ในภาคการเกษตร จังหวัดมีพื้นที่เกษตรกรรมทั้งสิ้น ๘,๙๓๑,๐๓๒ ไร่ แบ่งเป็น ปลูกข้าว ๔,๓๒๙,๗๒๔ ไร่ พืชไร่จำพวกข้าวโพด มันสำปะหลัง ปอ ฝ้าย และข้าวฟ่าง ๓,๗๙๓,๖๐๒ ไร่ และปลูกพืชสวน ๖๓๒,๑๗๐ ไร่ มีครัวเรือนเกษตรกรรวมทั้งสิ้น ๓๒๖,๕๘๗  ครัวเรือน โดยมีพืชเศรษฐกิจ ๓ อันดับแรก คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด การเลี้ยงไหม 

สำหรับภาคปศุสัตว์ จังหวัดนครราชสีมา มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ๑๗๐,๑๐๐ ราย แบ่งเป็น เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ๔๑,๑๐๑ ราย ๓๕๒,๒๓๙ ตัว โคนม ๔,๐๔๑ ราย ๑๓๗,๓๒๖ ตัว ซึ่งมากเป็นอันดับ ๑ ของประเทศทั้งสองชนิด (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓) และมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ชนิดอื่น เช่น กระบือ สุกร สัตว์ปีก แพะ แกะ เป็นต้น

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๓๒ วันพุธที่ ๑๗ - วันอังคารที่ ๒๓ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

 

 


787 1357