October 28,2020
ตร.ภาค 3 ทลายแก๊งค้ารถยนต์ข้ามชาติ ตระเวนเช่ารถทั่วประเทศส่งขายชายแดน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม 2563 ที่ตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมแถลงข่าว ผลการติดตามจับกุมแก๊งค้ารถยนต์ ข้ามชาติ พบมีการก่อเหตุในพื้นที่ ภูธรภาค 3, ภาค 4 ภาค 2 และพื้นที่นครบาล พร้อมของกลาง รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีเทา เลขทะเบียน 5 กภ 4063 กรุงเทพมหานคร
พลตำรวจโทภาณุรัตน์ เปิดเผยพฤติกรรมของคดีว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีตัวแทนบริษัท ซินเนอร์เจติด ออโต้ เฟอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) จ.นครราชสีมา ได้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ให้ช่วยเหลือในการสืบสวน จับกุมนายเอ (นามสุมมติ) ซึ่งได้ยักยอกรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 7 กว 5480 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563 คนร้ายได้เข้าไปติดต่อเช่ารถจากบริษัทดังกล่าวในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นได้ตัดระบบสัญญาณ GPS ที่ติดตั้งไว้กับตัวรถออก แล้วไม่นำรถมาคืนให้บริษัทรถเช่าตามกำหนดเวลาสัญญาเช่า เมื่อมีการติดต่อให้นำรถมาคืนก็ไม่ สามารถติดต่อได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบสวนจนทราบว่า นายเอ (นามสมมุติ) ได้ทำการเช่ารถยนต์จากหลายบริษัทในหลายพื้นที่ แล้วไม่ส่งมอบรถยนต์คืนบริษัทฯ พร้อมกับตัดสัญญาณ GPS ระบบติดตามรถยนต์ อีก 4 คัน ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น
ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร 3 ได้ทำการติดตามตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีเทา เลขทะเบียน 5 กภ 4063 กรุงเทพมหานคร ที่ก่อเกิดเหตุพื้นที่ สน.ดอนเมืองฯ ที่บริเวณช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่ ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จากนั้นได้ติดตามตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 7 กว 5480 กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุพื้นที่ สภ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งทราบว่า รถยนต์คันดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
จากการสืบสวนทางลับทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการโจรกรรมรถยนต์ ไม่น้อยกว่า 5 คน กลุ่มคนร้ายฉวยโอกาสเลือกเป้าหมายก่อเหตุเป็นบริษัทรถเช่าในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีนายเอ (นามสุมมติ) ทำหน้าที่ใช้กุลอุบายติดต่อเช่า รถจากบริษัทผู้เสียหาย จากนั้นจะมีนายบี มีหน้าที่มาขับเอารถยนต์และตัดสัญญาณ GPS แล้วขับไปส่งต่อให้ นายซี และนางดี (นามสมมุติ) ตามจุดนัดหมาย แล้วทำการถ่ายภาพรถยนต์ส่งไปให้ นายทุนชาวกัมพูชารับซื้อรถยนต์ เพื่อตกลงราคาซื้อขาย เมื่อตกลงราคาและโอนเงินซื้อขายรถแล้ว จะมีคนขับเอารถยนต์ไปส่งให้กลุ่ม นายทุน ที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นมีทีมของนายทุนชาวกัมพูชามาขับเอารถข้ามชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านทัพเซียม หมู่ที่ 10 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยมูลค่ารถยนต์โจรกรรมไปขายต่อในราคาคันละประมาณ 270,000 - 340,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ ยี่ห้อ รุ่น และสภาพรถยนต์ โดยเน้นเอารถยนต์ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีเป็นที่ต้องการของกลุ่มนายทุน สำหรับมูลค่าความเสียหายคันละ 1,700,000 บาทถึง 2,000,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป
91 1,654