28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

December 26,2020

ไม่ออมมือไม่ออมทรัพย์ ‘ยลดา’ถล่ม‘อบจ.’มุ่น ชพน.ส่ง‘สส.โต’ร่วมจัดที่นั่ง

โคราชได้ “นายก อบจ.หญิง” อีกสมัย ชนะย่อยยับหกแสนกว่าคะแนน เชื่อกกต.รับได้ “สาธิต” มั่นใจได้สร้างประวัติศาสตร์การเมือง “แหยง” ได้ที่ ๓ ประกาศไม่ทำงานกับกระทรวง สธ. จะหางานหลังเกษียณที่ไม่ทุกข์มาก “โคราชชาติพัฒนา” ได้เก้าอี้ส.จ. ๖ ที่นั่งเขตเมือง พร้อมส่ง “ส.ส.โต” ร่วมจัดสรรบริหาร อบจ. ในขณะที่นักวิชาการเชื่อมั่น โคราชโฉมใหม่ ๗๐%

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (นายก อบจ.นครราชสีมา) และสมาชิกสภา อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมามีผู้สมัครนายก อบจ. ๕ คน ได้แก่ เบอร์ ๑ ดร.สาธิต ปิติวรา จากคณะก้าวหน้าโคราช เบอร์ ๒ นางยลดา (หน่อย) หวังศุภกิจโกศล จากกลุ่มโคราชโฉมใหม่ เบอร์ ๓ นพ.สำเริง แหยงกระโทก จากกลุ่มรักษ์โคราช เบอร์ ๔ นายวิฑูรย์ ชาติปฏิมาพงษ์ และเบอร์ ๕ นายตรีเพชร พรหมนิติพันธุ์ ส่วนผู้สมัคร สมาชิกสภา อบจ.ทั้ง ๔๘ เขต มีผู้สมัคร ๑๗๓ คน กกต.ไม่รับสมัคร ๑ คน และถูกตัดสิทธิ ๑ คน คงเหลือ ๑๗๑ คน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามทะเบียนราษฎร ๒,๐๗๕,๒๗๐ คน มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ๑,๒๙๕,๕๕๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๓ มีบัตรดี ๑,๑๕๒,๕๕๖ ใบ บัตรเสีย ๗๑,๒๓๘ ใบ บัตรเลือกตั้งที่ทำเครื่องหมายไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ๙๑,๗๖๐ ใบ จากยอดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๓ 

‘ยลดา’ คว้าชัยตามคาด

หลังจากปิดหีบเลือกตั้งในเวลา ๑๗.๐๐ น. แต่ละหน่วยเลือกตั้งทยอยนับคะแนน และรายงานผลเข้ามายังศูนย์กลาง และพบว่าแต่ละหน่วยผู้สมัครนายก อบจ.เบอร์ ๒ มีคะแนนนำตลอด เมื่อนับคะแนนเสร็จปรากฏว่า อันดับ ๑ เบอร์ ๒ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล ๖๒๔,๒๙๘ คะแนน อันดับ ๒ ดร.สาธิต ปิติวรา คณะก้าวหน้าโคราช ๒๕๘,๔๔๙ คะแนน อันดับ ๓ นพ.สำเริง แหยงกระโทก กลุ่มรักษ์โคราช ๒๒๐,๙๒๐ คะแนน อันดับ ๔ นายวิฑูรย์ ชาติปฏิมาพงษ์ ๔๐,๔๓๓ คะแนน และอันดับ ๕ นายตรีเพชร พรหมนิติพันธุ์ ๘,๘๐๒ คะแนน ซึ่งเป็นไปตามคาด ในช่วงที่ผ่านมาผู้สมัครเบอร์ ๑-๔ ลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง โดย กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ. คนละ ๑๙ ล้านบาท ส่วน ส.อบจ.คนละ ๔๔๐,๐๐๐ บาท ท่ามกลางกระแสข่าวการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่แพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีการนำหลักฐานการซื้อเสียงไปร้องเรียนต่อ กกต.แต่อย่างใด

แหยง’ประกาศยุติสัมพันธ์ สธ.

เมื่อประกาศคะแนนออกมา ผู้สมัครนายก อบจ.ทั้ง ๕ ได้ออกมาขอบคุณผู้ลงคะแนนให้ผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดย “หมอแหยง” ส่งไลน์ไปยังบุคคลต่างๆ ว่า “ผลการลือกตั้ง นายก อบจ.นครราชสีมา (อาทิตย์ ๒๐ ธค.๖๓) อย่างเป็นทางการ ผมได้ลำดับสาม ผมจึงไม่สามารถที่จะเข้าไปทำงานตามนโยบายที่มุ่งมั่นตั้งใจไว้ได้ ขอแสดงความยินดีและสนับสนุน ดร.ยลลดา หวังศุภกิจโกศล(คุณหน่อย) ที่ชนะการเลือกตั้งลำดับหนึ่งได้เข้าไปทำหน้าที่นายกอบจ.นครราชสีมา เพื่อพัฒนาโคราชและประเทศชาติต่อไป ขอให้กำลังใจ ดร.สาธิต ปิติวรา ที่ได้คะแนนลำดับสอง เป็นคะแนนบริสุทธิ์จากคนรุ่นใหม่ขอให้เป็นความหวังและสร้างสิ่งดีงามเพื่อประเทศชาติต่อไปในอนาคต ขอกราบขอบพระคุณประชาชนและผู้สนับสนุนทุกท่านที่ลงคะแนนให้ผม ขอขอบคุณขอบใจผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่มีจิตอาสามาช่วยงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ผมคิดว่าผมจะยุติบทบาททางการเมืองต่างๆ และจะยุติการไปทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ว่าตำแหน่งใดๆ จะหาทำงานหลังเกษียณที่ไม่ทุกข์มากนักและก็ไม่หนักมากนัก กำลังมองหางานที่เหมาะสมที่สุดอยู่ครับ”

ยลดา’ขอบคุณ

ในขณะที่นางยลดา หวังศุภกิจโกศล ระบุสั้นๆ ว่า “หน่อยขอกราบขอบพระคุณทุกกำลังใจ ทุกคะแนนเสียง จากพ่อแม่พี่น้องชาวโคราชทั้ง ๓๒ อำเภอที่มอบให้หน่อยค่ะ” 

สาธิต’เชื่อสร้างประวัติศาสตร์

ทางด้านนายสาธิต ปิติวรา โพสต์ว่า “ขอขอบคุณชาวนครราชสีมา สำหรับคะแนนบริสุทธิ์ทั้ง ๒๕๕,๔๘๒ คะแนน คะแนนทั้งหมดที่ทุกท่านมอบให้ผมในครั้งนี้ มันสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนคือผู้ชนะอย่างแท้จริง เพราะเราได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์การเมืองแบบใหม่ให้กับจังหวัดนครราชสีมาแล้ว ขอขอบพระคุณทุกท่าน จากใจมา ณ โอกาสนี้”

“แก้วด๊ะดาด” หวังโคราชแข็งแรง

นายวิฑูรย์ ชาติปฏิมาพงษ์ โพสต์ว่า “สิ่งแรกที่ต้องขอบคุณคือทุกคะแนนเสียงที่ไร้มลทิน ๔๐,๑๓๓ คะแนน ทีมงานซึ่งเราไม่ได้มีทีมที่พร้อมแต่ทุกคนก็พยายามทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ ญาติพี่น้องผมที่สนับสนุนและเชื่อในแนวทางที่ผมคิดจะพัฒนาเมืองโคราชอย่างสุดใจ ครอบครัวผมที่เสียสละทิ้งทุกอย่างเป็นเวลาเดือนครึ่งที่มาช่วยหาเสียงในครั้งนี้ เมื่อผลที่ออกมาไม่ได้เป็นแบบที่เราคาด แต่ก็ต้องยอมรับเสียงข้างมากครับ เคยมีโพสต์หนึ่งที่ผมเคยพูดว่า “ถ้ามีเวลาผมเชื่อว่า ผู้สมัครทุกคนสามารถพัฒนาโคราชได้” หลังจากนี้ ๔ ปี สำหรับโคราชเมืองใหญ่ที่มีปัญหามากมายเวลาแค่นี้ถือว่าไม่ได้มากเลยครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งในฐานะประชาชนชาวโคราชจะได้เห็นการพัฒนาจังหวัดโคราชอย่างถูกต้อง ไม่มามัวเสียเวลา ผมชอบหลายๆนโยบายของคุณยลดาว่าที่นายก อบจ.คนใหม่ ที่ตอนหาเสียงทำออกมาได้คล้ายๆ นโยบายของผมซึ่งผมคงต้องขอรอดูว่าจะมีแนวทางทำออกมาจริงๆ เมื่อไหร่ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งในฐานะประชาชนที่อยากเห็นเมืองโคราชพัฒนาขึ้นเป็นเมืองที่มีรากฐานที่แข็งแรงเพราะโลกเราทุกวันนี้เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง การมีรากฐานที่แข็งแรงจะทำให้เรารอดพ้นทุกวิกฤติที่เข้ามาครับ สุดท้ายสิ่งที่ผมอยากทิ้งไว้เป็นข้อคิด “นักการเมืองมา ๔ ปีแล้วก็ไป แต่คนที่ต้องอยู่ต่อคือพวกเรา” ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเมืองโคราชเราด้วยครับ”

ทางด้านนายตรีเพชร พรหมนิติพันธ์ โพสต์สั้นๆ ว่า “ขอบพระคุณทุกคะแนนที่เป็นกำลังใจให้ผม แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความศรัทธาต่อกันยังมั่นคง และขอแสดงความยินดีกับนายกคนใหม่ด้วยครับ”

ชาติพัฒนา’พลาด ๒ ที่นั่ง 

สำหรับผลการเลือกตั้ง ส.อบจ. ในเขตอำเภอเมืองทั้ง ๘ เขต ซึ่งกลุ่มโคราชชาติพัฒนาส่งลงสมัครทั้ง ๘ เขต ชนะใน ๖ เขตเลือกตั้ง ได้แก่ เขต ๑ นายก้องเกียรติ วงศ์นิยม ซึ่งเปลี่ยนจากส.ท.มาลงสมัครส.จ.ครั้งแรกได้ ๗,๙๑๙ คะแนน อันดับ ๒ นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ ลูกชายนายชนะชัย (เสี่ยโต) เจ้าของร้านทองอึ้งเตียงกี่ ได้ ๖,๙๓๐ คะแนน และอันดับ ๓ นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ กลุ่มก้าวหน้าได้ ๖,๕๒๑ คะแนน 

เขต ๒ มีผู้สมัคร ๘ คน โดยกลุ่มโคราชชาติพัฒนา ส่งผู้สมัครหน้าใหม่ “น.ส.จิรัฐิพรรณษ์ วงศ์จร” ลูกสาวนายชัชวาล ประธานหอการค้าฯ แต่ได้เพียง ๙,๒๓๖ คะแนน พ่ายแพ้ให้กับเจ้าของพื้นที่เดิมคือ นายอดุลย์ อยู่ยืน ซึ่งได้ ๑๐,๕๓๖ คะแนน, เขต ๓ นายองอาจ พฤกษ์พนาเวศ สามารถรักษาที่นั่งไว้ได้ ๘,๘๖๖ คะแนน, เขต ๔ นายประพจน์ ธรรมประทีป กลุ่มโคราชชาติพัฒนา ชนะแบบหืดขึ้นคอ ๘,๓๘๓ คะแนน เพราะนายกฤษฏวัฒน์ อินทรักษา กลุ่มโคราชโฉมใหม่ ลูกชาย ร.ต.อ.สุปชัย (หลี) อินทรักษา มีคะแนนไล่หลังตามมาติดๆ ๘,๒๐๔ คะแนน ห่างกันเพียง ๑๗๙ คะแนน

เขต ๕ “สจ.นก” น.ส.รัชฎา ใจกล้า ยังรักษาที่นั่งไว้แบบสบายๆ ได้มา ๑๒,๓๐๐ คะแนน ส่วนเขต ๖ นายวีรวัฒน์ มิตรสูงเนิน ส่งลูกชาย “ปลื้ม-ธีรวีร์ มิตรสูงเนิน” ลงสนามแทน และชนะตามคาด ๑๙,๐๒๒ คะแนน ในขณะที่เขต ๗ กลุ่มโคราชชาติพัฒนาต้องผิดหวัง เมื่อนายนัฏฐชัยฐ์ ธนกนกนนทณ์ อดีตส.อบจ.ได้เพียง ๖,๘๑๒ คะแนน พ่ายแพ้ให้กับผู้สมัครหน้าใหม่ “นก” น.ส.ธัญญารัตน์ รัตนชินกร ทายาทตลาดแม่สมบูรณ์ (จอหอ) ที่ได้ถึง ๘,๔๗๓ คะแนน และเขต ๘ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อหน้าใหม่แต่มีผู้หนุนหลังดีอย่าง “นายสรรชัย กาญจนวัฒนา” หลานชายส.จ.เก่า (สมบัติ กาญจนวัฒนา) และลูกชายกำนันเบ้า (สมศักดิ์ กาญจนวัฒนา) สามารถคว้าชัยชนะไปได้ ๑๗,๙๓๘ คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครรายอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น

พลาด ๒ เขต แต่พอใจผล

ภายหลังการเลือกตั้ง “โคราชคนอีสาน” สัมภาษณ์ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งสาเหตุที่พ่ายแพ้ใน ๒ เขต ซึ่ง นพ.วรรณรัตน์ ตอบว่า “สิทธิการเลือกอยู่ที่ประชาชน เราพยายามทำทีมของเราอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนในเขต ๗ ที่ส.จ.เก่าแพ้นั้น ความจริงแล้ว เขาลงพื้นที่สม่ำเสมอ ปฏิบัติหน้าที่มานาน แต่ประชาชนเป็นคนตัดสิน ผมไม่ทราบว่ามีเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร ซึ่งในการทำหน้าที่ ส.อบจ.นั้น ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ในการเข้าไปดูแล แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนสม่ำเสมอ แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมา เราได้ ๖ ที่นั่งก็ถือว่าพอใจ”

มอบ ‘ส.ส.โต’ เจรจา

ต่อข้อถามที่ว่า “ที่ผ่านมากลุ่มโคราชชาติพัฒนาให้การสนับสนุนและช่วยนางยลดาหาเสียงด้วย มีการตกลงกันในเรื่องจัดสรรเก้าอี้คณะผู้บริหาร อบจ.อย่างไร?” นพ.วรรณรัตน์ เปิดเผยว่า “ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ต้องมีการหารือในการทำงานร่วมกัน แต่ก็จะร่วมมือในการที่จะสนับสนุนนางยลดาทำหน้าที่นายก อบจ. สำหรับรายละเอียดตำแหน่งบริหารก็จะพิจารณาต่อไป โดยทางพรรคมอบหมายให้นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.เขต ๒ ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ และเป็นตัวแทนของพรรคในการเข้าร่วมพิจารณาว่าจะทำอย่างไรที่จะพัฒนาโคราชให้เจริญเติบโต”

เทศบาลยังร่วมกับประสานมิตร

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งเทศบาลนครนครราชสีมาที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าว่า มีการเตรียมพร้อมและยังร่วมกับกลุ่มประสานมิตรพัฒนาต่อไปหรือไม่? นพ.วรรณรัตน์ชี้แจงว่า “เราไม่มีข้อขัดแย้ง เราเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในการร่วมพัฒนาเทศบาลนครฯ เพื่อพี่น้องประชาชน ในอดีตที่ผ่านมาพรรคฯ พยายามผลักงบประมาณมาช่วยดูแล แก้ไขปัญหาแก่ประชาชนในเทศบาลฯ ในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งเรื่องแก้ไขปัญหาน้ำประปาขาดแคลน น้ำเสีย เราช่วยเหลือและสนับสนุนเทศบาลฯ มาโดยตลอด”

“ส่วนการวางตัวผู้สมัคร ส.ท.นั้น ขณะนี้ ทางพรรคยังไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับการเลือกตั้งเทศบาลฯ เพราะเพิ่งจบการเลือกตั้ง อบจ. ซึ่งเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับล่างลงมานั้น ยังไม่มีการพิจารณาผู้สมัคร” นพ.วรรณรัตน์ กล่าว

ร่วมพัฒนาโคราชต่อไป

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอขอบคุณพี่น้องชาวโคราช ที่สนับสนุนกลุ่มโคราชชาติพัฒนา ในการเลือกตั้ง ส.จ.กลุ่มโคราชชาติพัฒนา จะพยายามทำให้ดีที่สุด เต็มความสามารถ เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน พยายามแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พัฒนาโคราชของเราให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคต”

ยังไม่ได้จัดสรรเก้าอี้ 

จากนั้น “โคราชคนอีสาน” สัมภาษณ์ นางจิตรวรรณ (กบ) หวังศุกกิจโกศล อดีตส.ส. นครราชสีมา น้องสาวนางยลดา ว่าที่นายก อบจ.ว่า เตรียมแต่งตั้งตำแหน่งฝ่ายบริหารหรือยัง? โดยนางจิตรวรรณ เปิดเผยว่า “ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด เนื่องจากต้องรอให้ กกต. รับรองการเลือกตั้งก่อน ซึ่งจะต้องร่วมคิดว่า จะหาใครที่เป็นที่ยอมรับของคนโคราช ขณะนี้มุ่งประเด็นว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนได้ในสิ่งที่ต้องการ ต้องการเห็นการพัฒนาโคราชเป็นแบบใด ส่วนฝ่ายบริหารยังไม่ได้คิด เนื่องจากเพิ่งเลือกตั้งเสร็จสิ้น”   

 ส.จ.เก่าแพ้ราบคาบ 

สำหรับผลการเลือก ตั้งส.อบจ.ในต่างอำเภอนั้น มีอดีตส.จ.หลายคนที่สอบตก เช่น “อำเภอบัวใหญ่” สมัยที่แล้วมี ๒ เขต ซึ่งพี่น้องตระกูล “ชัยศรี” ครองทั้ง ๒ เขต แต่สมัยนี้เหลือเพียง ๑ เขต โดยนายพิเชฏฐ์ ชัยศรี ลงสมัคร แต่ได้เพียง ๑๔,๓๑๔ คะแนน แพ้ผู้สมัครหน้าใหม่อย่างนายพิทักษ์พงษ์ ศิริศักดิ์ กำนันตำบลด่านช้าง ที่ได้ถึง ๑๘,๐๙๓ คะแนน ส่วน “อำเภอห้วยแถลง” นางอรอนงค์ ธนสุนทรสุทธิ์ อดีตส.จ.หลายสมัยและคาดว่าจะได้รับชัยชนะอีก กลับได้เพียง ๑๒,๗๒๓ คะแนน พ่ายแพ้ผู้สมัครหน้าใหม่ นายสมศักดิ์ ไตรศักดิ์ ที่ได้ ๑๗,๖๖๕ คะแนน ในขณะที่ “อำเภอหนองบุญมาก” นายศุภชัย ไพบูลย์วงศ์ อดีตส.จ.ได้แค่ ๘,๗๒๘ คะแนน แพ้นายสมบัติ ศรีจันทร์รัตน์ ที่ได้ ๑๔,๔๗๔ คะแนน, “อำเภอเทพารักษ์” นายชาญชัย ศรีวิพัฒน์ ได้ ๕,๘๔๔ คะแนน แพ้นายเสกสรร วิวัฒน์สกุลรัตน์ ที่ได้ ๖,๐๗๔ คะแนน, “อำเภอคง” อดีตส.จ. “นายไกรวัจน์ จุลศิริวัฒนกุล” ได้ ๑๓,๑๒๑ คะแนน แพ้ผู้สมัครหน้าใหม่วัย ๒๘ ปี นายนพวิทย์ ควรขุนทด ที่ได้ถึง ๑๖,๙๐๔ คะแนน, “อำเภอปักธงชัย” เขต ๑ นายภานุ ยนต์สุข อดีตส.จ.ได้ ๕,๒๔๙ คะแนน พ่ายแพ้ให้กับนายทรงกรช พันธุ์เกษม น้องชายนายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเพิ่งลงสมัครครั้งแรก และได้ ๑๓,๕๖๒ คะแนน ส่วนเขต ๒ เดิมเป็นพื้นที่ของนายภูกิจ พันธุ์เกษม แต่สมัยนี้ไม่ลงสมัคร ทางกลุ่มโคราชโฉมใหม่ส่งนายพรเทพ ศิริโรจนกุล หลานชายนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ (สามีนางยลดา) ลงสมัครและได้รับชัยชนะ คะแนนทิ้งห่างรายอื่น ๒๒,๙๗๔ คะแนน และ “อำเภอเสิงสาง” ซึ่งนางจินตนา จันทเมนชัย อดีตส.จ.ได้เพียง ๑๑,๐๖๘ คะแนน แพ้ให้กับผู้สมัครหน้าใหม่อย่างนายสมชาย แพทย์เมืองจันทร์ ที่ได้ถึง ๑๖,๖๒๒ คะแนน 

‘เลิศด้วยลาภ’หวังคุมปากช่อง

สำหรับ “อำเภอปากช่อง” ซึ่งเดิมมี ๓ เขต แต่สมัยนี้ประชากรเพิ่มขึ้นจึงมีการแบ่งเขตใหม่เป็น ๔ เขต มีตระกูล “เลิศด้วยลาภ” เครือญาติของนายศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ ส.ส.ปากช่อง พรรคเพื่อไทย ลงสมัคร ๓ เขต แต่ได้รับเลือกตั้งเพียง ๒ เขตคือเขต ๓ ซึ่งเป็นอดีตส.จ.อยู่แล้วคือนายสมพงษ์ เลิศด้วยลาภ ได้ ๘,๖๓๒ คะแนน และเขต ๒ ซึ่งนายสมยศ คุณเวียง อดีตส.จ.ได้แค่ ๒๖๓ คะแนน แพ้น.ส.นงนุช เลิศด้วยลาภ ที่ได้ถึง ๑๓,๙๐๒ คะแนน ในขณะที่เขต ๔ ผู้ได้คะแนนสูงสุดคือนางณภัทร์ศรัญญ์ เพศประเสริฐ ได้ ๙,๘๖๔ คะแนน ส่วนเขต ๑ ยังเป็นของส.จเก่าคือนายณัฏฐพัชร์ อนิวัตกูลชัย ได้ ๘,๑๒๔  คะแนน

‘ด่านกุล’แพ้ยับเยิน

“อำเภอด่านขุนทด” มี ๒ เขต ซึ่งตระกูลด่านกุลลงสมัครด้วยและประกาศสนับสนุน “หมอแหยง” เป็นนายก อบจ. กลับแพ้ทั้ง ๒ เขต โดยเขต ๑ ผู้ชนะคือนายเจษฎา พิทยาภรณ์ ลูกชายนายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ ๑๖,๕๙๙ คะแนน อันดับ ๒ นายไกรฤกษ์ เสียนขุนทด ได้ถึง ๑๐,๔๗๗ คะแนน ในขณะที่นางวรรณศิริ (บี) ศิริพูล ลูกสาวนายรักษ์ ด่านกุล ได้เพียง ๓,๒๗๔ คะแนน เขต ๒ นายธวัฒน์ ศิริปริญญานันต์ อดีตส.จ.รักษาที่นั่งไว้แบบสบายๆ ได้ ๒๓,๐๖๖ คะแนน ส่วนนายอภิรักษ์ ด่านกุล ได้เพียง ๓,๖๗๐ คะแนน

อดีตส.จ.ชิงชัย

สำหรับการเลือกตั้งที่ อดีตส.อบจ.กลับมาชิงชัยกันนั้น ประกอบด้วย “อำเภอพิมาย” เขต ๑ เป็นการแข่งขันกันระหว่างอดีตส.จ. ๒ คนคือ นายสาทิช บวชสันเทียะ วัย ๕๖ ปี กับนายสมบูรณ์ นิยมไร่ วัย ๗๐ ปี ผลปรากฏว่า นายสมบูรณ์ชนะด้วยคะแนน ๑๒,๒๔๑ ส่วนนายสาทิชได้ ๑๐,๖๘๑ คะแนน สำหรับเขต ๒ ยังเป็นของนายพงษ์พันธุ์ พันธุ์ศรีนคร ได้ ๑๘,๘๒๖ คะแนน เช่นเดียวกับ “อำเภอประทาย” ที่เป็นการแข่งขันของ ๒ อดีตส.จ.คือนายราเมศ เรืองธนานุรักษ์ กับนายบัวพันธ์ จันทร์คำวงษ์ ซึ่งนายราเมศกลับมาทวงเก้าอี้คืนได้ด้วยคะแนน ๑๗,๗๑๘ ส่วนนายบัวพันธ์ได้ ๑๑,๗๘๘ คะแนน

ส.จ.เก่ายังเหนียว

ส่วนอำเภอที่ส.อบจ.ยังรักษาที่นั่งไว้ได้คือ “อำเภอสีคิ้ว” เขต ๑ นายศิริพงษ์ มกรพงศ์ ได้ ๑๔,๘๗๘ คะแนน เขต ๒ นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ได้ ๑๐,๖๒๑ คะแนน “อำเภอครบุรี” เขต ๑ นายชยุต พงศ์ธนทรัพย์ ได้ ๑๐,๖๑๔ คะแนน เขต ๒ นายสุขชัพ ชีระชลสุข ได้ ๗,๔๖๒ คะแนน “อำเภอโนนสูง” เขต ๑ นายสถาพร โชติกลาง ได้ ๑๒,๒๖๔ คะแนน เขต ๒ ดาวสภาอย่างนายสมพร จินตนามณีรัตน์ ได้ ๑๑,๘๕๓ คะแนน ส่วนลูกชายคือนายพงษ์สุระ จินตนามณีรัตน์ ได้เพียง ๖,๗๔๑ คะแนน 

“อำเภอเฉลิมพระเกียรติ” สมัครคนเดียวคือนายชาคริต ทิศกลาง อดีตส.จ. ได้ ๑๑,๐๑๘ คะแนน “อำเภอขามทะเลสอ” นางสุพัตรา มากเมือง รักษาเก้าอี้ไว้ได้ด้วยคะแนน ๑๒,๖๓๙ “อำเภอขามสะแกแสง” เก้าอี้ยังเป็นของ “เสี่ยหมง” นายชวาล พัฒนกำชัย ได้ ๑๓,๕๗๙ คะแนน “อำเภอจักราช” นายวิสูตร เจริญสันธ์ ก็รักษาแชมป์ไว้ได้เช่นกัน ได้ ๑๙,๔๘๗ คะแนน “อำเภอบัวลาย” น.ส.จุฑาสัณห์ ตั้งตรีวีระกุล รักษาแชมป์ไว้ได้ ด้วยคะแนน ๘,๒๖๘ เช่นเดียวกับ “อำเภอบ้านเหลื่อม” ซึ่งนายโกวิทย์ เลาวัณย์ศิริ ได้ ๕,๘๓๗ คะแนน

“อำเภอพระทองคำ” นายไพฑูรย์ เพ็ญจันทร์ รักษาเก้าอี้ไว้ได้ ด้วยคะแนน ๑๑,๗๘๑ “อำเภอเมืองยาง” นายประเวทย์ ชุมสงฆ์ ได้ ๖,๙๙๙ คะแนน “อำเภอวังน้ำเขียว” นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ได้ ๑๓,๓๗๔ คะแนน “อำเภอสูงเนิน” นายรักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ ได้ ๑๙,๐๖๖ คะแนน 

ส่งทายาทสืบทอดเก้าอี้

นอกจากนี้ ยังมีอดีตส.จ.ที่ส่งผู้แทนหรือทายาทลงสมัครนามสนามนี้ ได้แก่ “อำเภอชุมพวง” นายกลวัชร์ อึ้งสวัสดิ์ ส่งภริยา นางนารดา อึ้งสวัสดิ์ ลงสมัครและได้รับชัยชนะด้วยคะแนน ๒๑,๔๕๙ และ “อำเภอลำทะเมนชัย” นายชยกฤต ยินดีสุข อดีตส.จ.ส่งลูกสาวคือ ปิยะนุช ยินดีสุข ลงแข่งขัน และสามารถคว้าชัยชนะไว้ได้ ด้วย ๘,๙๑๖ คะแนน

หน้าใหม่คว้าชัย

ส่วน “อำเภอแก้งสนามนาง” ผู้สมัครหน้าใหม่ นางพัชราวรรณ นรากิจพงศ์ วัย ๔๖ ปีได้รับชัยชนะ ด้วยคะแนน ๑๐,๐๘๒ “อำเภอโชคชัย” หลังจากนายบุญดี วงศ์ไตรรัตน์ อดีตส.จ.เสียชีวิต (น้องชายนายบุญจง อดีตส.ส.) ครั้งนี้นายซ้าย ผลกระโทก ลงสมัครแบบสบายใจหายห่วง ด้วยคะแนนสูงลิ่วถึง ๒๗,๔๒๙ คะแนน “อำเภอโนนแดง” นางพีระดา บูรณะบัญญัติ” ลงสนามนี้ครั้งแรกและได้รับชัยชนะ ด้วยคะแนน ๕,๘๔๑ ส่วน “อำเภอโนนไทย” หลังจากนายมนัส ศรีบงกช ลาออกไปสมัครส.ส.และทำงานกับพรรคภูมิใจไทย ในครั้งนี้นายสุรศักดิ์ ตันติสวัสดิ์ ซึ่งเคยชิงชัยกัน เท่ากับไม่มีคู่แข่งที่น่ากลัว จึงชนะด้วยคะแนน ๑๖,๙๗๗ ในขณะที่นายแชน ธัญญานนท์ ได้คะแนนตามมาติดๆ คือ ๑๔,๙๒๑ คะแนน และ “อำเภอสีดา” นายศิริพิพัฒน์ ประจิต ได้คะแนนมาเป็นอันดับ ๑ คือ ๓,๒๖๙ คะแนน 

เข้าถึงทุกด้าน ทั้งรัฐและเอกชน

ดร.เมตต์ เมตต์การุณ์จิต คณบดีคณะศิลปศาสตร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันห์ และอดีตนายอำเภอหลายพื้นที่ แสดงทัศนะเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้สมัครนายก อบจ.ที่ได้ชัยชนะว่า “ประกอบด้วยหลายปัจจัย ดังนี้ ๑.เข้าหาประชาชน ซึ่งมี ๒ ลักษณะ คือ เรียกประชุมกลุ่มและการพบปะทุกอำเภอ โดยเฉพาะในตลาด ทำให้พ่อค้าแม่ค้าช่วยประชาสัมพันธ์ ๒.กว้างขวาง รู้จักนักธุรกิจ สามารถเข้าถึงได้ทุกวงการทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นจุดหนึ่งที่หลายคนไม่ทราบ ผู้สมัครหลายคนไม่มีคุณสมบัตินี้ บางคนให้เพียงส.อบจ.เข้าหา ๓.มี ส.อบจ.สนับสนุนทุกอำเภอ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ซึ่งปกติ ส.อบจ.จะแย่งแข่งขันกัน แต่ในครั้งนี้ ส.อบจ.หลายคนร่วมสนับสนุนเบอร์ ๒ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน และพรรคการเมืองทุกพรรคร่วมกันสนับสนุน ทั้งพรรคชาติพัฒนาก็นำคณะมาช่วยเดินหาเสียง หรือคนจากพรรคเพื่อไทยก็มาช่วยสนับสนุนเช่นกัน”

เบอร์ ๒ พร้อมทุกด้าน

ดร.เมตต์ กล่าวอีกว่า “เมื่อทราบว่า นางยลดา หวังศุภกิจโกศล จะลงสมัคร ถือว่าชนะขาด เพราะมีความพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม เงินก็พร้อม ซึ่งหลายคนอาจจะขาดในบางประการ แต่เบอร์ ๒ พร้อมทุกด้าน อีกทั้งมีกระแสของการอยากเปลี่ยนคนใหม่ ที่ใครพูดเมื่อไหร่ เจ๊งทุกราย เหตุเพราะเบื่อคนเก่า เพราะอยู่แล้วไม่ทำอะไร พอจะเลือกก็ทำนู้นทำนี้ ซึ่งคนที่มีความรู้และอยู่ในเขตเมืองมองว่า เบอร์ ๒ ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจ เมื่อมาบริหารอบจ.โคราชก็จะประสบความสำเร็จ ถือเป็นอีกกระแสที่ทำให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจ”

เชื่อมรัฐบาลกลางได้

“เมื่อหลายคนมองว่าเขาจะชนะก็มาร่วมเป็นพันธมิตร และเบอร์ ๒ สามารถเชื่อมกับรัฐบาลได้ เนื่องจากสามีอยู่พรรคภูมิใจไทย ฝั่งรัฐบาลที่คอยหนุนหลัง หากเขาจะคิดการณ์ใหญ่ด้วยทีมที่แข็งแกร่ง โคราชจะเปลี่ยนแปลง อีกทั้งการเข้าหากำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่มีอิทธิพลต่อประชาชน มวลชนอื่นหรือ อสม. ก็ต้องเกรงใจ ฉะนั้นต้องเข้าหาผู้มีอำนาจ จะไปหาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่คะแนนในครั้งนี้ห่างกันมาก ครั้งที่แล้วหมอแหยงห่างจากที่ ๑ ไม่กี่หมื่น แต่ครั้งนี้ห่างกันหลายหมื่น ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในโคราช” ดร.เมตต์ กล่าว

ซื้อเสียงห้ามไม่ได้  

ดร.เมตต์ กล่าวต่อไปว่า “มาถึงเรื่องกระแสที่ต้องการจะเปลี่ยนนายกฯ คนใหม่ ซึ่งผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่หากมองตามปรากฏการณ์ทางรัฐศาสตร์ คือ การใช้วิธีการหาเสียงแบบเดิมอยู่ การโจมตีรายวัน ซึ่งผมไม่เห็นด้วย การหาเสียงควรจะสร้างสรรค์ เป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลัง เพราะการโจมตีนั้น มีประวัติศาสตร์ว่า นายสมัคร สุนทรเวช โดนฝ่ายตรงข้ามโจมตี แต่ไม่ได้โต้ตอบ ทำให้ได้รับคะแนนสงสาร ซึ่งคนที่โจมตีคนอื่นนั้นก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ลดคุณค่าตนเอง ยิ่งสร้างกระแสเรื่องการซื้อเสียง หรือบางกรณีที่ไปแถลงเอง แต่ กกต.ไม่ได้เป็นผู้แถลง เป็นเหมือนละครน้ำเน่า ควรนำเวลานั้นไปหาเสียง ไปพูด ไปสร้างสรรค์ เพื่อเด็กรุ่นใหม่ดีกว่า ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการซื้อเสียง แต่หากคิดในแง่ของสังคมวิทยา เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ต้องให้ กกต.ใช้อำนาจจัดการ”

อย่าลืมคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน

“ต่อจากนี้ไป ก็ต้องติดตามว่า ผู้ชนะเลือกตั้งจะทำตามสัญญาประชาคม จะสร้างโคราชโฉมใหม่อย่างไร ประชาชนจะคอยดูเช่นกัน อย่าลืมคำพูด และหลายคนบอกว่า คุณจะทำงานอย่างโปร่งใส จะให้ผู้สื่อข่าวและคนภายนอกเข้าร่วมประชุม ก็อย่าลืมคำพูดนี้” ดร.เมตต์ กล่าวย้ำ

คาดโคราชเปลี่ยนโฉม ๗๐%

เมื่อถามว่า “ประชาชนจะคาดหวังกับว่าที่นายก อบจ.คนนี้ได้เพียงใด” ดร.เมตต์ ตอบว่า “ผมมองว่า กายพร้อม ใจพร้อม งบประมาณพร้อม และทีมงานพร้อม ซึ่งจากกระบวนการทำงานที่ทำเป็นทีมใหญ่ ซึ่งผู้สมัครบางคนไม่มีทีม หรือสามารถสร้างทีมได้ ผมเชื่อว่า โคราชจะเปลี่ยนโฉมใหม่ประมาณ ๗๐% แต่เท่าที่ดูโครงสร้างการหาเสียงแล้วนั้น เขาทำงานเป็นระบบ แม้ไม่มีประสบการณ์ด้านการเมือง อย่าลืมว่าเขาทำงานเป็นทีม ภายในทีมมีผู้มีประสบการณ์ มีคนเก่า และ ส.อบจ.ที่เคยถูกกรณีเงินทอนก็ยังได้รับเลือก นั่นแสดงว่าประชาชนไว้ใจ เพราะเป็นคนในพื้นที่ แล้วประชาชนจะไม่เลือกได้อย่างไร ฉะนั้น จะแก้ปัญหาสภาผู้รับเหมาต้องดูที่สภาเป็นหลักว่า จะจัดสรรอย่างไร ใครเป็นผู้รับเหมา โปร่งใสหรือไม่ ต้องมองที่ตรงนี้ ไม่ใช่ไปด่ากัน สร้างให้คนกลัวในการเลือก ส.อบจ. เข้าไปทำงาน”     

 


983 1625