December 31,2021
คุมเข้มชายแดนสกัดแอบเข้าเมือง ป้องกันเหตุร้ายและโควิด-๑๙
ผู้ช่วย ผบ.ตร. บินด่วน ประชุมทุกหน่วยบูรณาการร่วมสกัดต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง วางมาตรการป้องกันโควิด-๑๙ ชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๖.๐๐ น. ที่ห้องประชุมศูนย์ประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา ใกล้กับประตูด่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติการสกัดกั้น และสืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าว ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และของผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง และฝ่ายปกครอง เพื่อวางมาตรการป้องกัน รวมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ โดยมีหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จัดหางานเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร ร่วมประชุม
พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช กล่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงานของกำลังพลจากทุกเหล่าทัพและตำรวจ ที่ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมและสนับสนุนรัฐบาลในการเปิดประเทศที่ผ่านมา และขณะเดียวกัน ผบ.ตร.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงตั้งคณะทำงานสกัดกั้น และสืบสวนปราบปรามขยายผลเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าว ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ซึ่งสั่งการให้พื้นที่เข้มงวดในเรื่องจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันกลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมืองและการค้ามนุษย์ รวมถึงยาเสพติด และของผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม ซึ่งภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปของหน่วยต่างๆ แล้ว จึงได้เชิญหน่วยต่างๆ มาประชุมเพื่อบูรณาการร่วมกันในวันนี้ เพื่อเน้นย้ำไปยังพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญตามนโยบายที่ ผบ.ตร.เน้นย้ำ เพราะเป็นด่านแรกที่ต้อง บูรณาการร่วมกันระหว่างทหารกับตำรวจ สำหรับพื้นที่ส่วนในเน้นย้ำเรื่องการบูรณาการ ระหว่างแรงงานจังหวัดกับตำรวจ ในการตรวจพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้ให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าว เพื่อกดดันไม่ให้กลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมือง แอบลักลอบเข้ามาทำงานได้ ตามมาตรการของรัฐบาล ขอให้ทุกทหารเหล่าทัพและตำรวจ ยังคงความต่อเนื่องกวดขันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นในอย่างเข้มข้น ห้ามประมาทเด็ดขาด โดยให้สอบสวนขยายผลนายทุน นายจ้าง และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือการค้าแรงงานเถื่อน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงการค้ามนุษย์มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ยังให้เฝ้าระวังและคุมเข้มมาตรการคัดกรองควบคุมโรคตามแนวชายแดนไปด้วยกัน”
“ผบ.ตร.มีความห่วงใย เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ และข้าราชการหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนั้นยังให้ผมลงพื้นที่มาให้กำลังใจกับข้าราชการตำรวจ ๕ สถานีที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดน และให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวัง ไม่ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้ามา ซึ่งพื้นที่ภาคอีสาน จากสถิติการจับกุมของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีชาวต่างชาติ เป็นชาวกัมพูชาและลาวจำนวนน้อยกว่าชาวพม่า ซึ่งในพื้นที่ภาคอีสานไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่เป็นห่วงในเรื่องภาคอุตสาหกรรม ที่ยกเลิกหรือปิดตัวลง กลุ่มแรงงานต่างๆ เหล่านี้ต้องหาทางเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งตำรวจได้กำหนดมาตรการรองรับไว้แล้วในพื้นที่ จ.สุรินทร์ จะเป็นการบูรณาการในการทำงานร่วมกัน นำข้อมูลมาเปิดเผยกัน จึงต้องกำหนดมาตรการขึ้นมาเพื่อกำหนดวิธีการ นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ โดยมีเป้าหมายเดียวกัน ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และมีวิธีการเหมือนกัน มีข้อมูลอะไรให้นำมาเปิดเผยซึ่งกันและกัน ผมคิดว่า การบูรณาการร่วมกันในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด คิดว่า ๕ มาตรการที่ร่วมกันประชุมในวันนี้คงจะเดินหน้าไปได้ดี” พล.ต.ท.สราวุฒิ กล่าว
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๐๙ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ - วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๕
103 1,713