28thMarch

28thMarch

28thMarch

 

February 20,2022

ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน แก๊งเงินกู้โหดใช้หินปากระจกบ้านลูกหนี้

จากกรณีที่เจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น และชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง ร่วมทำการจับกุมตัว นายณัฐวุธหรือมอส สุขสม อายุ ๒๙ ปี อยู่บ้านเลขที่  ๑๐ ม.๑๔ ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายเสกสิทธิ์หรือหนึ่ง พุทธรักษา อายุ ๔๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๘/๑ ม.๗ ต.ปากน้ำ แหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาในคดี”ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน, ทำให้เสียทรัพย์, ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด,ทวงถามหนี้โดยใช้ความรุนแรง (พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ พ.ศ.๒๕๕๘ มาตรา ๑๑), ประกอบสินเชื่อธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้ผู้อื่นตกใจหรือกลัวโดยการขู่เข็ญ ภายหลังหลังจากที่ น.ส.สุภัสสร อาษาสนา อายุ๕๔ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๔๕๙/๒ ม.๑ ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง ว่าได้ยืมเงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ ๕,๐๐๐ บาท ผ่อนจ่ายดอกเบี้ยวันละ ๑๐๐ บาท แต่มีช่วงขาดจ่ายอยู่ ๔ วัน กลุ่มนายทุนเงินกู้ จึงบุกมามาทวงถามเอาเงินที่บ้านในคืนวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์แล้วทุบ ทำลายบ้าน จนกระจกแตก ๔ บาน จึงแจ้งความขอให้ตำรวจทำการจับกุม คนที่ทำลายบ้าน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตำรวจชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนก่อเหตุ และสามารถควบคุมตัว นายณัฐวุธหรือมอส สุขสม อายุ ๒๙ ปี และนายเสกสิทธิ์หรือหนึ่ง พุทธรักษา อายุ ๔๑ ปี  เอาตัวมาสอบสวนขยายผล ที่สภ.น้ำพอง และแจ้งข้อหาดังกล่าว ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าคนก่อเหตุทุบบ้านลูกหนี้ในคืนดังกล่าว มี ๓ คน คือนายมอส นายพาน อายุ ๑๘ ปี ชาวจ.ขอนแก่น และนายเวฟ อายุ ๑๙ ปี ชาวจ.กาญจนบุรี  ส่วนนายหนึ่งเป็นนายทุนเงินกู้ แต่ไม่ได้ร่วมลงมือก่อเหตุ ส่วนนายพานและนายเวฟ ยังคนหลบหนี ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา ๑๓ ๓๐ น.วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สภ.น้ำพอง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนนายณัฐวุธ และนายเสกสิทธิ์ เพิ่มเติมแล้ว ทราบว่า คนที่ก่อเหตุทำลายบ้านลูกหนี้ในคืนวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์นั้น มี ๓ คน คือนายมอส นายพาน และนายเวฟ แต่จับได้เพียงนายณัฐวุธซึ่งเป็นคนขับรถ ส่วนนายพานและนายเวฟนั้น ทราบชื่อจริงและที่อยู่หมดแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลจังหวัดขอนแก่น จับกุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันคือ ข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน, ทำให้เสียทรัพย์, ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด,ทวงถามหนี้โดยใช้ความรุนแรง (พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ พ.ศ.๒๕๕๘ มาตรา ๑๑),ประกอบสินเชื่อธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้ผู้อื่นตกใจหรือกลัวโดยการขู่เข็ญ

“ขณะนี้อยู่ระหว่างที่พนักงานสอบสวนเตรียมส่งตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้ต้องหาทั้ง ๒ คนแล้ว พร้อมคัดค้านการประกันตัว ซึ่งผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องต่อศาลในการประกันตัวได้ตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากถึงประชาชนกรณีดังกล่าว ให้คิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำการกู้ยืมเงินกู้นอกระบบ เพราะไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี และไม่มีอะไรที่จะไม่มีค่าตอบแทน  เมื่อพลาดไปแล้วก็จะมีปัญหาอื่นตามมามากมาย  จึงขอให้คิดอย่างรอบคอบ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว  ส่วนการกวาดล้างจับกุม กลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบนั้น ขอยืนยันว่าถ้ามีข้อมูลและหลักฐานจะจับกุมตัวมาดำนินคดีตามกฎหมายทุกราย”

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน ยืนยันว่าไม่ได้ทำเรื่องดังกล่าว โดยนายหนึ่งเป็นนายทุนเงิน ไม่มีบริษัทไม่ได้จดทะเบียน ตั้งชื่อขึ้นมาและเดินแจกนามบัตร ไม่มีการโปรย ส่วนมอสเป็นคนขับในวันนั้น แต่อีก ๒ ที่ไปด้วยคือ นายพาน และ นายเวฟ ก็ไม่ทราบว่าทำอะไรกัน ส่วนลูกหนี้รายนี้กู้ไป ๕,๐๐๐ บาท ส่งดอกได้แค่ ๓-๔ วัน ก็เงียบหายไปพร้อมทั้งบล็อกเบอร์ ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอตัวสักครั้ง และไม่เคยมีพฤติกรรมข่มขู่ วันล่าสุดก่อนมามอบตัวเจอเพียงลูกชาย ซึ่งลูกชายพาไปหาที่ไร่ แต่ก็ไม่ได้เจอเจอแต่สามีของลูกหนี้ และได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเงิน ๕,๐๐๐ บาทที่กู้ไป จึงขอแค่จ่ายดอกให้วันละ ๑๐๐ บาท ก็พอ แต่ทางสามีลูกหนี้บอกว่าวันนี้ยังไม่มี จะขอเคลียร์ให้พรุ่งนี้ ตนเองก็เดินทางกลับ กระทั่งลูกหนี้รายนี้โทรศัพท์มาหา บอกจะไปกดเงินมาให้ซึ่งตนเองก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอมาถึงก็ไม่พบตัวลูกหนี้เช่นเดิม จึงเฝ้าอยู่ในรถส่วนลูกน้องลงไปดูที่บ้าน แต่ก็ไม่ทราบว่าทำอะไร แต่ตนเองไม่ได้ทำอะไร กระทั่งรู้ว่ามีการแจ้งความจึงเข้ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และลูกหนี้รายนี้ตนเองเพิ่งมาทราบประวัติหลังจากเป็นเรื่องว่าไปกู้หลายเจ้าเป็นสิบๆ เจ้า และมีพฤติกรรมตั้งใจจะโกงโดยการสร้างเรื่องราวให้มีเรื่องกับนายทุนแต่ละคนแล้วไปแจ้งความ เพื่อตนเองจะไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งถ้าตนเองรู้ว่ามีประวัติแบบนี้ก็คงไม่ให้กู้แต่ด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากจ่ายดอกเบี้ยเพียงวันละ ๑๐๐ บาท จึงให้ไปโดยไม่ตรวจสอบประวัติ ยอมรับว่าเก็บดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนดแต่ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่หรือมีพฤติกรรมโหดร้ายตามที่เป็นข่าว แต่ตนเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ ก็ขอว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๑๕ ประจำวันพุธที่ ๑๖ - วันอังคารที่  ๒๒  เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช  ๒๕๖๕


991 1593