19thApril

19thApril

19thApril

 

March 04,2022

เส้นทางความสำเร็จด้านกีฬา ของ “วัชรพล โตมรศักดิ์” บุคคลดีเด่นแห่งปี ๒๕๖๔ (Person of The Year 2021) สมาคมสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมา

“วันสื่อมวลชน ครั้งที่ ๓๒” จัดโดย “สมาคม สมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมา” ในค่ำคืนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ณ โรงแรมดิ อิมพีเรียลโฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-๑๙ ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมงานและร่วมแสดงความยินดีกับ “วัชรพล โตมรศักดิ์” ประธานสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้ได้รับ โล่เกียรติยศ “บุคคลดีเด่นแห่งปี ๒๕๖๔” หรือ “Person Of The Year 2021” จากสมาคมสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมา ในฐานะผู้สร้างชื่อเสียงด้านการกีฬาให้กับจังหวัดนครราชสีมา เป็นที่ประจักษ์ในระดับประเทศ และระดับเอเชีย

ภายหลังรับโล่เกียรติยศ“วัชรพล โตมรศักดิ์”  หรือ “พี่โต” เปิดใจร่วม ๑๕ นาทีว่า 

“กราบเรียนพลโทสวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ ๒, รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ท่านสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์, ท่านประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา, ท่านสายัณห์ โกลาตี นายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญนครราชสีมา และบุคคลที่อุตส่าห์ตีรถมาเพื่อแสดงความยินดีกับผมในวันนี้ อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พี่สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย, นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา กำนันศักดิ์ชัย ชาติพุดซา พร้อมด้วยคณะกำนันที่เป็นตัวแทน, ท่านประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอเมืองนครราชสีมา ท่านสุทิน ชาติพุดซา, ผู้แทนท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงาน องค์กรต่างๆ, บุคคลดีเด่นที่เคยได้รับรางวัลดีเด่นที่ผ่านมา ตลอดจนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ครอบครัวสวาทแคท ครอบครัวแคทเดวิล ที่เคยทุกข์เคยสุขด้วยกันมา” 

“ผมไม่คาดคิดเลยว่า คืนนี้ผมจะมีโอกาสขึ้นมายืนบนเวทีแห่งนี้ ท่ามกลางผู้มีเกียรติที่ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่เคารพและเป็นที่รักของชาวจังหวัดนครราชสีมา นับ ๑๐ ครั้งของการจัดงานวันสื่อมวลชน ตลอดระยะเวลา ๓๒ ปี ผมมีโอกาสได้เดินทางกับคณะท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หรือร่วมเดินทางมากับ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และนายประเสริฐ บุญชัยสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ผมได้แต่นั่งมองว่า ‘บุคคลทั้ง ๓๑ คนที่เป็น Person of The Year ทุกๆ ปีที่ผ่านมา ล้วนแต่เป็นคนที่มีความเหมาะสม’ ที่สมาคมสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมา ซึ่งก่อตั้งมา ๓๒ ปี ผมไม่คิดเลยว่าปีนี้จะเป็นโอกาสของผม ผมต้องขอขอบคุณนายกสมาคมฯ คุณฉัตรสุรางค์ กองภา ขอขอบคุณประธานที่ปรึกษาสมาคมฯ ‘อาเปี๊ยก’ ท่านสุนทร จันทร์รังสี ขอบคุณพี่กำปั่น บ้านแท่น และขอบคุณคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ทุกคน ที่กรุณาให้เกียรติผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ผมเป็นบุคคลดีเด่นแห่งปี”

• ชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ
“ชีวิตผมเกิดมาไม่เคยโรยด้วยดอกกุหลาบคุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ผมอายุ ๑๖ ปี ผมก็ไม่คาดคิดว่าพี่น้อง ๗ คนกับความรักที่เราอยากจะเดินทางทางการเมือง ผมมีโอกาสได้ลงสมัคร ส.จ.ในปี ๒๕๓๓ นับย้อนกลับไปเท่ากับอายุของวันสื่อมวลชน คือ ๓๒ ปี ผมเป็น ส.จ.ตัวสำรอง  ที่ไม่รู้ว่ากลุ่มจะเลือกผมลงหรือไม่ แต่ก็โชคดีที่ได้เป็น ส.จ. และได้รู้จักท่าน ส.จ.เสนอจิตร (จิตรโคกกรวด) ซึ่งวันนี้ท่านเสียชีวิตแล้ว และได้รู้จัก ส.จ.ประเสริฐ บุญชัยสุข พี่เสริฐของผมที่ทำให้ผมได้ไปอยู่กับพรรคชาติพัฒนา “ชีวิตคือการต่อสู้ เรารักสิ่งใดก็ให้เดินไปตามทางที่เรารัก เราก็จะประสบความสำเร็จ” 
ผมมีโอกาสได้มาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และพรรคชาติพัฒนา ได้จัดสรรให้ผมลงสมัครเป็นผู้แทนฯ โชคดีอย่างยิ่งในปี ๒๕๕๐ มีการเลือกตั้งแบบพวง (เขตใหญ่เรียงเบอร์) เขตเลือกตั้งหนึ่งมีผู้สมัคร ๓ คน ผมก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน นับจากวันนั้นถึงวันนี้กับการเมืองในชีวิตของผม ๓๐ กว่าปี”

• อยากเห็นโคราชยิ่งใหญ่ด้านกีฬา
ที่ผมกราบเรียนมาก็เพื่อจะบอกว่า เราทำให้ดีที่สุดคือ “เวลาที่เราคิดถึงโคราช เราจะบอกว่าโคราชคือจังหวัดใหญ่ที่สุด ถ้าไม่นับกรุงเทพฯ โคราชคือจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุด มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด แต่สิ่งหนึ่งบนความภูมิใจที่ผมอยากจะเห็นของคนโคราช คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้การกีฬาของจังหวัดนครราชสีมาของเรานั้น ใหญ่เหมือนจังหวัดของเรา หากย้อนกลับไปเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ท่านอาจารย์ประสิทธิ์ (เทศสูงเนิน) ก็จะพูดกับผมเสมอว่า ทำไมเวลาเราดูฟุตบอลเราจะต้องไปชลบุรี ต้องไปสุพรรณฯ ต้องไปกรุงเทพฯ ต้องไปตามที่ต่างๆ ทั้งๆ ที่โคราชควรจะมีทีมฟุตบอลเป็นของตัวเอง ผมโชคดี โชคดีที่มีอยู่วันหนึ่ง ท่านพลพีร์ สุวรรณฉวี บุตรของท่านไพโรจน์ สุวรรณฉวี (เสียชีวิต) ตอนนั้นท่านอยู่พรรคชาติพัฒนา ท่านได้มาปรึกษากับท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ บอกว่า คุณพ่อเสียชีวิต ท่านมีทีมฟุตบอลอยู่ทีมหนึ่ง คือทีมสวาทแคท ที่อยากให้ท่านสุวัจน์ฟูมฟักและทำให้ทีมนี้ไปโลดแล่นในไทยแลนด์ลีกให้ได้ ผมจึงถูกเรียกไปพบ 

• คนบ้า ทำในสิ่งที่รักก็จะสำเร็จ
ท่านสุวัจน์ก็บอกว่า ‘โต...คุณเป็นคนรักกีฬา’ เพราะตอนที่ผมเป็น ส.จ. ตอนที่ผมเป็นรองนายก อบจ. และประธานสภา อบจ. ผมเคยจัดการแข่งขันฟุตซอลที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน แข่งทั้งหมด ๒ พันกว่าทีม โดยใช้สนามหน้าศาลากลางแบ่งเป็นสนามแข่งขันจำนวน ๖ สนาม ทั้งที่สมัยนั้นแทบจะไม่มีคนรู้จักกีฬาฟุตซอล แต่กลายเป็นกึฬายอดนิยมในลำดับต่อมา

นับจากวันนั้นที่ผมได้มีโอกาสไปทำฟุตบอล ผมบอกท่านสุวัจน์คำหนึ่งว่า ผมไม่มีความรู้ด้านฟุตบอล ผมไม่มีความรู้เลยที่จะทำทีมฟุตบอลนี้ไปสู่ความสำเร็จได้ ท่านพูดกับผมอยู่คำหนึ่งว่า ‘โต...คุณเป็นคนบ้า คุณเป็นคนที่ทำอะไรหากเป็นสิ่งที่คุณรัก คุณจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ’

โชคดีครับ ในปี ๒๕๕๔ กลายเป็นจุดกำเนิดของทีมสวาทแคทที่ผมไปรับผิดชอบ หนึ่งปีในการอยู่ใน Division 2 แข่งขันในรอบคัดเลือกในภาคอีสาน แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละ ๕ ทีม เราเป็นแชมป์กลุ่ม ไปเจอกับทีมราชบุรี และเราก็เข้าไปสู่ Division 1 ในปีเดียวที่ผมทำ 

• คนชมสวาทแคทแน่นสนาม ๘๐ พรรษา
ต่อจากนั้นในปี ๒๕๕๖ เราก็เริ่มต้นในการดำเนินการแข่งขันใน Division 1 (ปัจจุบัน T2) ถ้าสามารถเลื่อนจาก Division 1 ขึ้นสู่ไทยแลนด์ลีก นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ท้าทายชีวิตผมมาก ท่านสุวัจน์พูดคำหนึ่งว่า ‘โต...คุณต้องทำให้ทีมสวาทแคท เลื่อนขึ้นสู่ไทยแลนด์ลีกให้ได้ภายใน ๓ ปี’ ตอนที่ผมทำตอนนั้นแม้ว่างบประมาณจะไม่มี แต่ผมโชคดีที่ผมมีทีมที่เรารักกัน คนที่มาทำงานกับผมทุกคนไม่หวังสิ่งตอบแทน ทุกคนที่มาทำงานกับผมคือคนโคราชที่อยากเห็นทีมของคนโคราชมีผู้ชมในสนาม ๘๐ พรรษามีผู้ชมมากถึง ๒ หมื่นคน ผมทำ Division 1 มีคนด่าผมว่า บ้าหรือเปล่า นำทีมฟุตบอลสวาทแคทไปแข่งที่สนาม ๘๐ พรรษา ซึ่งมีที่นั่งถึง ๒ หมื่นที่นั่ง แต่ขณะเดียวกันในการแข่งทุกครั้งของ Division 1 ตอนที่เริ่มต้นใหม่ๆ มีผู้ชมเพียง ๒-๓ ร้อยคน หากเคยไปสนาม ๘๐ พรรษา ลองนึกถึงเวลา ๔ โมงเย็น อัฒจันทร์ที่มีคนนั่งดูฟุตบอล ๒๐๐ กว่าคน กับสนามที่จุได้ ๒ หมื่นกว่าคน อีกฟากหนึ่งตรงข้ามไม่มีคนดูเลย มีแต่สุนัขนอนอยู่ตามพื้นอัฒจันทร์

แต่สิ่งที่ผมฝันคืออะไรรู้มั้ยครับ ผมฝันว่าทำอย่างไรให้สนามแห่งนั้น จะคลาคล่ำไปด้วยพี่น้องชาวโคราชจำนวน ๒ หมื่นคนให้ได้ และนั่นคือความสำเร็จที่ผมทำได้ จากนับหนึ่งในปีแรกเราอยู่ในลำดับที่ ๘ ของ Division 1 จากนั้นในปีที่สองเราอยู่ในทีมลำดับที่ ๕ ของ Division 1 และสุดท้ายในปีที่ ๓ เรามีคนดูทุกนัดในแต่ละนัดน้อยที่สุดในวันธรรมดา ๑.๕-๑.๖ หมื่นคน และนัดที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องพูดอะไร ตั๋วแน่นคือ ๒ หมื่นกว่าที่นั่ง จนกระทั่งถูกปรับถึง ๒ แสนกว่าบาท 

• ขอล้างมือในอ่างทองคำอำลาสวาทแคท
เราสามารถก้าวขึ้นสู่ไทยแลนด์ลีกในปีสุดท้ายอย่างที่เราหวัง ก่อนนัดสุดท้าย และเรามาฉลองแชมป์ Division 1 เพื่อเลื่อนกลุ่มขึ้นสู่ไทยแลนด์ลีก นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกว่า ความสำเร็จของทีมฟุตบอลสวาทแคทไม่ใช่ของผม อยู่ที่ผู้ใหญ่เมตตาให้ผมได้ทำ อยู่ที่คนที่ร่วมมือกับผม ทุกคนมาโดยที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน เรายอมเหน็ดเหนื่อยที่จะควักเงินส่วนตัว เรายอมทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้วันหนึ่ง โคราชเป็นเมืองกีฬา โคราชจะต้องเด่นดังในเรื่องฟุตบอลที่เราเรียกว่า ‘สวาทแคท’ ให้ได้

สุดท้ายในความสำเร็จที่ผมทำได้ ผมกราบเรียนท่านสุวัจน์กับทุกคนกับเพื่อนๆ ที่ทำสวาทแคทร่วมกันว่า “ผมขอล้างมือในอ่างทองคำกับฟุตบอล” ผมทำหน้าที่ผมได้สำเร็จ ในการนำทีมสวาทแคทจาก Division 2 เลื่อนขึ้นสู่ไทยแลนด์ลีก”

• หวนคืนสู่สนามวอลเลย์บอล
และผมก็วกกลับมาทำทีมวอลเลย์บอลที่สร้างไว้ เพราะสิ่งนั้นคือความฝันของผม ผมอยากจะเห็นโคราชเป็นเมืองกีฬา และเป็นกีฬาอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีวอลเลย์บอล จะต้องมีตะกร้อ จะต้องมีกีฬาประเภทอื่นๆ อีกเยอะแยะที่เราต้องร่วมมือกันทำ

๑๗ ปีกับวอลเลย์บอล ผมได้สร้างชื่อเสียง ในการนำทีมชาย ได้แชมป์ไทยแลนด์ลีกมากที่สุดถึง ๑๐ สมัย ผมได้สร้างชื่อเสียงในการนำทีมหญิงได้แชมป์มากสุดถึง ๘ สมัย เราเคยพาทีมเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งชิงแชมป์สโมสรเอเชียไปหลายประเทศ และในเดือนมีนาคมนี้ จะเดินทางไปแข่งขันเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งที่ประเทศอิหร่านในการดำเนินงานเป็นประธานสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา ผมไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรมากมาย แต่คนที่มีส่วนสำคัญที่สุดคือ จังหวัดนครราชสีมา โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด โดยท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกภาคส่วนที่ช่วย โดยกองทัพภาคที่ ๒ ทุกท่านแม่ทัพ แม้กระทั่งท่านปัจจุบัน ที่ผมพานักกีฬาเข้าไปกราบท่าน เพราะนักกีฬาของเรา ทีมชายมาจากทีมขามหรือโรงเรียนขามทะเลสอ เราสร้างอะคาเดมี่ ส่วนนักกีฬาทีมหญิงมาจากโรงเรียนสุรนารีวิทยา ซึ่งผลสำเร็จในปีนี้ คือ นักกีฬาทั้งทีมชายและหญิงเป็นแชมป์ประเทศไทยรุ่น ๑๖ ปี 

• ประกาศนำแชมป์สมัย ๓ มาครอง
สิ่งที่ผมพูดมา นอกจากที่มีคนคอยดูแล และส่วนราชการต่างๆ แล้ว คนที่ไม่ได้มาวันนี้ที่ผมต้องกล่าวถึงท่าน คือ แม่ปทุม พรรณพิสุทธิ์ เป็นเสมือนกระเป๋าตังค์ของสโมสร คอยควักเงินคอยจ่ายเงินปีหนึ่งต้องใช้เงินเป็นสิบๆ ล้าน กับการที่เราต้องดำเนินการในการแข่งขัน ในอาทิตย์หน้าจะเป็นรอบ Final 4 ทีมชายผมได้แชมป์มาสองปีติด ในอาทิตย์หน้าผมจะพยายามทำความฝันของคนโคราชให้สำเร็จผมจะทำแชมป์ ๓ สมัยสำหรับทีมชายให้กับคนโคราช (เสียงปรบมือลั่นห้อง) 

• รางวัลอันทรงคุณค่า
กราบเรียนท่านประธานและผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมไม่สามารถบรรยายได้หมด สำหรับชีวิตที่ผมทำงานด้านกีฬา ที่ท่านให้รางวัลผม ผมขอบคุณในน้ำใจของสมาคมสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมาของเรา วันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งในชีวิตของผมที่จะตราตรึงสำหรับรางวัลที่ผมได้รับ ผมเคยได้รางวัลหลายอย่าง ก่อนหน้านี้ผมเคยได้รับรางวัลที่ผมภูมิใจที่สุด คือ รางวัล ส.ส.ยอดเยี่ยม ในสมัยท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมไม่เคยขาดประชุม และผมก็ทำหน้าที่ของผมอย่างดีที่สุด วันนี้เป็นการฉลองจะครบรอบ ๖๐ ปีของผม และสมาคมสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมาก็ก่อตั้งมา ๓๐ กว่าปีเท่าๆ กับชีวิตการเมืองของผม จึงเป็นรางวัลที่ทรงคุณค่าสำหรับตัวผม ผมขอบคุณที่มีโอกาสขึ้นมายืนบนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ 

ผมจะรักษาความดีที่ท่านให้ เพื่อทำหน้าที่เป็นส่วนเล็กๆ ของคนโคราชที่จะพัฒนาเมืองโคราชของเราไปด้วยกัน วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาหลายด้าน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการเมือง เรื่องความแตกแยก อยากจะวิงวอนทุกท่านได้ช่วยกัน ผมคนเดียวทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นพวกเราทุกคนได้ร่วมมือกัน 

• สัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“ท้ายที่สุดนี้ ผมต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้ง ที่ได้ให้โอกาสผม ขอบคุณท่านผู้มีเกียรติ ผมขอให้สมาคมสมาพันธ์สื่อมวลชนพันธมิตรนครราชสีมา เป็นสื่อที่มีคุณภาพ เป็นสมาคมที่มีคุณภาพ ที่จะเป็นกระจกสะท้อนความจริงให้กับพี่น้องประชาชน ในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่าง ข่าวสาร สิ่งต่างๆ นั้น คือเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ผมขอเป็นกำลังใจให้สมาคมฯ และสัญญาว่าผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดตราบที่ผมจะทำได้ ขอบคุณครับ”

สิ้นสุดเสียงของ “วัชรพล โตมรศักดิ์” เสียงปรบมือก็ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๗ ฉบับที่ ๒๗๑๗ วันพุธที่ ๒ - วันอังคารที่ ๘ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕


1019 1412