29thMarch

29thMarch

29thMarch

 

September 30,2022

ธอส.สำรวจที่อยู่อาศัยอีสาน คอนโด‘เขาใหญ่-เมือง’ฟื้นตัว บ้านเดี่ยวขายดีกว่าบ้านแฝด

 

สำรวจตลาดที่อยู่อาศัย ๕ จังหวัดภาคอีสาน ครึ่งปีมีโครงการเข้าสู่ตลาด ๑๓,๑๗๙ หน่วย มูลค่า ๔๖,๘๑๒ ล้าน บ้านจัดสรรมากที่สุด ๑๐,๖๕๔ หน่วย ๓๘,๖๕๗ ล้าน สร้างบ้านแฝดมากขึ้นแต่บ้านเดี่ยวขายดีกว่า ขณะที่ “โคราช-ขอนแก่น” ปรับตัวสู่สภาวะที่ดีขึ้น คอนโดย่านเขาใหญ่ เมืองโคราช และบึงแก่นนครยอดฮิต    


เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๕ ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕ จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และมหาสารคาม พบว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย ณ ครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ ในด้านอุปทานพร้อมขายต้นงวด หรือ Total Supply มีจำนวนโครงการลดลง เป็นการลดลงของจำนวนหน่วย แต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากครึ่งแรกปี ๒๕๖๔ (YoY) โดยในครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ มีโครงการเปิดขายใหม่ (New Supply) เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการ จำนวนหน่วย และมูลค่า โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี แม้ว่าจะเป็นจังหวัดที่มีขนาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดรองลงมาจากจังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น แต่ในครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ นี้มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นของจำนวนหน่วยและมูลค่าโครงการเปิดขายใหม่มากที่สุด

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ พบว่ามีจำนวน ๑๓,๑๗๙ หน่วย มูลค่า ๔๖,๘๑๒ ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด ๒,๕๒๕ หน่วย มูลค่า ๘,๑๕๕ ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร ๑๐,๖๕๔ หน่วย มูลค่า ๓๘,๖๕๗ ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด ๒,๐๗๖ หน่วย มูลค่า ๖,๑๗๔ ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน ๒,๖๗๔ หน่วย มูลค่า ๑๑,๖๔๒ ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย  ๑๐,๕๐๕ หน่วย มูลค่า ๓๕,๑๗๐ ล้านบาท

 

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC)

 

โคราช-ขอนแก่น’ปรับสู่สภาวะดีขึ้น

“ภาพรวมผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕ จังหวัด ณ ครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ พบว่าสถานการณ์ด้านการขายในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา ปรับสู่สภาวะที่ดีขึ้น จังหวัดอุบลราชธานี และมหาสารคาม เริ่มเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัว แต่ยังคงมีความน่าเป็นห่วงจากการที่โครงการสร้างเสร็จรอการขายในจังหวัดอุบลราชธานีเริ่มใช้เวลาในการขายนานขึ้น ขณะที่อุดรธานียังคงทรงตัว เนื่องจากกำลังซื้อในพื้นที่ถดถอยตามสภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องให้ความสำคัญกับการเติมสินค้าใหม่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะในส่วนของโครงการบ้านแฝดซึ่งเพิ่มเข้ามาในตลาดในสัดส่วนที่สูง แม้จะได้รับกระแสตอบรับที่ดี แต่อัตราการขายบ้านเดี่ยวก็ยังคงสูงกว่า” ดร.วิชัย กล่าว

ในช่วงครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมดลดลงจากช่วงครึ่งแรกปี ๒๕๖๔ โดยลดลงทั้งจำนวนหน่วย และมูลค่า ทั้งนี้จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -๓.๗ มูลค่าลดลงร้อยละ -๐.๓ เมื่อเทียบกับจำนวนหน่วยเสนอขายทั้งหมด ณ ครึ่งแรกปี ๒๕๖๔ ขณะที่หน่วยเสนอขายเพิ่มขึ้นโดยมีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน ๒,๐๗๖ หน่วย มูลค่า ๖,๑๗๔ ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกปี ๒๕๖๔ ร้อยละ ๓๑.๑ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๗.๐ โดยเป็นโครงการอาคารชุดเพียง ๒๒๐ หน่วย มูลค่า ๑๙๗ ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร ๑,๘๕๖ หน่วย มูลค่า ๕,๙๗๗ ล้านบาท

 

คอนโด ๕ ทำเลเด่น

เมื่อพิจารณาภาพโดยรวมจะพบว่าโครงการอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ มีเพียง ๑ ทำเลคือ นิคมลำตะคอง ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรกระจายอยู่ในหลายทำเล เช่น ทำเลขามใหญ่ ทำเลจอหอ และทำเลบ้านทุ่ม โดย ๕ ทำเล ที่มีโครงการเสนอขายมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ อันดับ ๑ ทำเลจอหอ จำนวน ๑,๙๗๘ หน่วย มูลค่าโครงการ ๖,๒๖๔ ล้านบาท อันดับ ๒ ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน ๑,๒๒๑ หน่วย มูลค่าโครงการ ๓,๙๐๕ ล้านบาท อันดับ ๓ ทำเลมหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน ๑,๐๙๒ หน่วย มูลค่าโครงการ ๒,๒๙๑ ล้านบาท อันดับ ๔ ทำเลหัวทะเล จำนวน ๙๓๖ หน่วย มูลค่าโครงการ ๓,๓๒๒ ล้านบาท และอันดับ ๕ ทำเลในเมืองนครราชสีมา จำนวน ๘๕๔ หน่วย มูลค่าโครงการ ๒,๖๘๗ ล้านบาท

บ้านเหลือขาย ๘,๕๑๕ หน่วย

สำหรับสถานการณ์หน่วยเหลือขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ มีจำนวน ๑๐,๕๐๕ หน่วย ลดลงจากครึ่งแรกปี ๒๕๖๔ ร้อยละ -๙.๐ มูลค่า ๓๕,๑๗๐ ล้านบาท ลดลงร้อยละ -๑๓.๑ เป็นโครงการอาคารชุด ๑,๙๙๐ หน่วย มูลค่า ๔,๖๕๒ ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มีอาคารชุดเหลือขายมากยังคงเป็นสูงสุด ๓ อันดับแรก คือ อันดับ ๑ โซนมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ๘๔๗ หน่วย มูลค่าโครงการ ๑,๕๑๙ ล้านบาท อันดับ ๒ โซนบ้านใหม่-โคกกรวด ๓๖๕ หน่วย มูลค่าโครงการ ๕๘๔ ล้านบาท อันดับ ๓ โซนนิคมลำตะคอง ๑๘๗ หน่วย มูลค่าโครงการ ๑๖๗ ล้านบาท ในส่วนของโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายรวม ๘,๕๑๕ หน่วย มูลค่า ๓๐,๕๑๘ ล้าน อันดับ ๑ โซนจอหอ ๑,๕๔๖ หน่วย มูลค่าโครงการ  ๔,๙๒๑ ล้านบาท อันดับ ๒ โซนหัวทะเล จำนวน ๗๐๗ หน่วย มูลค่าโครงการ ๒,๖๐๙ ล้านบาท อันดับ ๓ โซนบ้านใหม่-โคกกรวด ๗๐๑ หน่วย มูลค่าโครงการ ๒,๕๗๔ ล้านบาท ซึ่งจะสังเกตได้ว่าหน่วยที่เหลือขายส่วนใหญ่จะเป็นประเภทบ้านเดี่ยว

 

คอนโดฯเขตเมือง-โซนท่องเที่ยวฟื้นตัว

ทั้งนี้ พบว่าในช่วงครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ ๒,๖๗๔ หน่วย มูลค่า ๑๑,๖๔๒ ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๖๔ จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๑ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๐.๒ แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดเพียง ๕๓๕ หน่วย มูลค่า ๓,๕๐๓ ล้านบาท ซึ่งทำเลที่มียอดอาคารชุดขายได้ใหม่สูงสุด ๓ อันดับแรกคือ อันดับ ๑ โซนเขาใหญ่ ๒๐๑ หน่วย มูลค่า ๒,๖๗๙ ล้านบาท อันดับ ๒ โซนในเมืองนครราชสีมา ๑๑๑ หน่วย มูลค่า ๒๒๓ ล้านบาท ๓ โซนบึงแก่นนคร ๕๒ หน่วย มูลค่า ๒๒๗ ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายได้ใหม่ของโครงการบ้านจัดสรร ๒,๑๓๙ หน่วย มูลค่า ๘,๑๓๙ ล้านบาท โดยทำเลที่มีการขายบ้านจัดสรรสูงสุด ๓ อันดับแรกคือ อันดับ ๑ โซนจอหอ ๔๓๒ หน่วย มูลค่า ๑,๓๔๓ ล้านบาท อันดับ ๒ โซนหัวทะเล ๒๒๙ หน่วย มูลค่า ๗๑๓ ล้านบาท อันดับ ๓ โซนบ้านเป็ด จำนวน ๑๖๑ หน่วย มูลค่า ๕๘๐ ล้านบาท

จากการสำรวจพบว่ามีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น โดยมีจำนวนเพียง ๒๒๐ หน่วย ที่อยู่ในทำเลนิคมลำตะคองและมีการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรกระจายทั้ง ๕ จังหวัด แสดงให้เห็นว่าโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนบราบมีการฟื้นตัวมากกว่าโครงการอาคารชุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัตราดูดซับแยกตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่าในช่วงครึ่งแรกปี ๒๕๖๕ อัตราดูดซับรวมทุกประเภทอยู่ที่ร้อยละ ๓.๔ และประเภทที่มีอัตราดูดซับดีที่สุดอยู่ในกลุ่มของบ้านเดี่ยว โดยอัตราดูดซับอยู่ที่ร้อยละ ๓.๘ ขณะที่อัตราดูดซับอาคารชุดมาอยู่ที่ร้อยละ ๓.๕

โดยทำเลที่มีอัตราดูดซับสูงสุด ๕ อันดับแรกประเภทโครงการอาคารชุด อันดับที่ ๑ ทำเลบึงแก่นนคร อัตราดูดซับร้อยละ ๑๔.๗ อันดับ ๒ ทำเลเขาใหญ่ อัตราดูดซับร้อยละ ๑๐.๗ อันดับ ๓ ทำเลเซ็นทรัล อุบลราชธานี อัตราดูดซับร้อยละ ๙.๑ อันดับ ๔ ทำเลในเมืองนครราชสีมา อัตราดูดซับร้อยละ ๖.๓ และอันดับ ๕ ทำเลกลางดง อัตราดูดซับร้อยละ ๓.๓

คาดเปิดตัวใหม่ต่อเนื่อง

ดร.วิชัย กล่าวท้ายสุดว่า สำหรับปี ๒๕๖๕ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันเฉียงเหนือ โดยคาดการณ์ว่าจะมีโครงการเปิดตัวใหม่จำนวน ๓,๙๒๘ หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖๐.๓ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๖๔ ซึ่งมีจำนวน ๒,๔๕๐ หน่วย โดยมีมูลค่าการเปิดตัวใหม่จำนวน ๑๑,๕๕๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๙.๐ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งมีมูลค่า ๗,๗๕๗ หน่วย  มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ ๔,๒๐๖ หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๙ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๖๔ ซึ่งมีจำนวน ๓,๙๗๓ หน่วย มูลค่าขายได้ใหม่ ๑๓,๕๖๐ ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๘ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีมูลค่า ๑๒,๙๔๕ ล้านบาท และคาดว่าจะมีหน่วยเหลือขาย ๑๔,๙๖๒ หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๓.๓ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๖๔ ซึ่งมีจำนวน ๑๐,๔๓๙ หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขาย ๕๐,๗๘๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๐.๗ โดยเพิ่มจาก ๓๖,๐๙๕ ล้านบาท ในขณะที่อัตราดูดซับในกลุ่มโครงการแนวราบลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ ๒.๐ และอาคารชุดอัตราดูดซับจะปรับลดลงจากร้อยละ ๒.๘ ในปี ๒๕๖๔ เป็นร้อยละ ๒.๓ ในปี ๒๕๖๕

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๒๗๔๕ วันพุธที่ ๒๘ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

 


998 1610