March 22,2023
MBAC โคราชโต้ไม่เคยคิดปิดวิทยาลัยเพราะงบรัฐหนุนน้อย ยันเดินหน้าพัฒนาการศึกษาสู่สากล เปิดรับนศ.หลากหลาย
วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ หรือ MBAC โคราชออกโรงโต้เดือดสื่อเสนอข้อมูลบิดเบือน ไม่เคยคิดปิดสถานศึกษาเหตุเพราะนักศึกษาน้อย พร้อมเดินหน้าพัฒนาโรงเรียนให้ทุกยอมรับ ล่าสุดส่งนักศึกษาโกอินเตอร์ญี่ปุ่นแล้ว 30 คน ยืนยันเดินหน้า พัฒนาการศึกษาสู่สากล
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว "วิกฤตโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ ขาดงบประมาณ จ่อปิดตัว ลงหลายแห่ง" ผ่านสื่อมวลชนช่องหนึ่งโดยใช้ภาพของทางวิทยาลัยฯ ประกอบข่าวและนำเสนอคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงของวิทยาลัยฯ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของวิทยาลัยฯ นั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 มีนาคม 2566) ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ หรือ MBAC ตั้งอยู่บริเวณชุมชนบ้านพักรถไฟ อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ นำโดย ดร.สมยศ ชิณโคตร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ชินโคตร รอง ผอ.ฝ่ายแผนงานและความร่วมมือฯ และนายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีต ผอ.สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(ผอ.สช.) ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า "วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ หรือ MBAC ยังคงมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีผลประกอบการและงบประมาณที่เพียงพอ สามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยได้รับงบประมาณ เพื่อจัดการศึกษา จากภาครัฐ และ จากค่าเทอมของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียน นักศึกษาทั้งในระดับ ปวช. และ ปวส. จำนวนเกือบ 1,000 คน ซึ่งเพียงพอในการบริหารจัดการวิทยาลัยฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.สมยศ ชิณโคตร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า ภาพรวมสถานศึกษาเอกชนมีนักเรียนลดลงตนคิดว่าน่าจะเกิดจากเด็กเยาวชนมีอัตราการเกิดลดลงก็คือเด็กเกิดน้อย แต่ว่าโรงเรียนเอกชนทุกโรงก็พยายามที่จะพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพ อย่างวิทยาลัยฯ ของเราก็ลดลงแต่ไม่มาก เรายังยืนยันว่าเราเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพ เพราะเราเองได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทาน 3 ปีต่อเนื่องและรางวัลโล่พระราชทาน และยังเป็นสถานศึกษาคุณธรรมต้นแบบจากศูนย์คุณธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจ.นครราชสีมาอันนี้ถือเป็นการยืนยันว่าสถานศึกษาของเรามีคุณภาพ โดยใช้คุณธรรม จริยธรรมพัฒนานักเรียนลูกๆของเราที่เป็นเสมือนบุคคลในครอบครัวให้เป็นคนดี คนเก่งและพร้อมที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เราเปิดมาอย่างเข้าปีที่ 25 แล้วผลิตนักศึกษาไปแล้วกว่า 5,000 คนหรือ 23 รุ่น โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมรวมทั้งครู อาจารย์ บุคลากร และผู้ปกครองทุกคนมีส่วนร่วม โดยในปีนี้คาดว่าจะมีนักศึกษามาเรียนเพิ่มอีกกว่า 600 คน ส่วนกรณีที่เปิดข่าวนั้น ทางวิทยาลัยฯ ได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่เราจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองและเด็กๆ
"โดยเราแสดงให้เห็นว่าสถานศึกษาของเราไม่เคยคิดจะหยุดการเรียนการสอน ไม่เคยคิดที่จะถอย เพราะเราจัดการการศึกษาตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งวิทยาลัยฯ ซึ่งขณะนี้มีนักศึกษาเรียนอยู่รวม 822 คน ลดลงจากปีที่แล้วไม่ถึง 20 คน และครู บุคลากรรวม 52 คน ที่นี่ครู อาจารย์ทุกคนมีคุณภาพ มีการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาครู อาจารย์ พัฒนาอาคารสถานที่ ซึ่งเราได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลต่อปีกว่า 10 ล้านบาทซึ่งเพียงพอต่อการบริหารจัดการและพัฒนา เราพอใจในส่วนนี้ ขอยืนยันกับผู้ปกครองและนักเรียนนักศึกษาว่าวิทยาลัยฯของเราเดินหน้าจัดการศึกษาที่มีคุณภาพต่อไป ปีนี้จัดโควต้าให้กับนักเรียนนักศึกษาลูกๆของเราพร้อมจัดส่วนลดให้ อาทิ ปวช.ค่าเรียน 5,371 บาทเราให้ส่วนลดจ่ายแค่ 3,000 บาทเท่านั้นจนจบ ปวช. ส่วน ปวส.เทอมแรก 1,900 บาท เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง และเป้าหมายการส่งเสริมพัฒนาให้นักศึกษาทุกคนมีทักษะฝีมือและจบแล้วมีงานทำ เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องวิชาชีพให้กับพวกลูกๆ ของเรา" ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีฯ กล่าว
ด้านนายสมเกียรติ ชินโคตร รองผู้ำนวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือวิทยาลัยฯ กล่าวว่า หลักสูตรการเรียนการสอนของวิทยาลัยฯ จะเน้นให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยนำนวัตกรร ทางการศึกษาสมัยใหม่ ตลอดจนเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะความชำนาญในวิชาชีพ รองรับโลกยุคใหม่ในอนาคต โดยเป้าหมายสำคัญที่กำลังจะดำเนินการคือ การพัฒนาทักษะใ นักเรียน นักศึกษา สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ 100% เพื่อรองรับการทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบัน วิทยาลัยฯ ได้ลงนาม MOU กับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นเซน จ.อุดรธานี รับนักเรียน นักศึกษา ที่จบการศึกษาไปทํางานที่ประเทศญี่ปุ่นทุกปีการศึกษา และยังมีความต้องการนักเรียน นักศึกษาของเราอีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยฯ และอดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า วิทยาลัยฯ มีเป้าหมายส่งผู้สำเร็จการศึกษาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นทุกปีการศึกษา โดยเฉพาะทางด้านอาหารและภาคการเกษตร จึงได้ลงนามความร่วมมือผลิตนักวิชาชีพกับทางวิทยาลัยฯ แห่งนี้ โดยหากนักเรียนผ่านคุณสม การประเมินทักษะวิชาชีพจากทางบริษัทฯ แล้ว ก็จะรับเข้าทำงานทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษา นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในอีกหลายๆ แห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกสถานประกอบการที่ตนเองสนใจเข้าทำงาน
818 1,672