2ndMay

2ndMay

2ndMay

 

January 01,1970

ยืนยันจะเอาคนผิดเข้าคุก เอื้อตั้งโรงงานรุกที่หลวง ‘๓ ผู้ว่าฯ โคราช’มีเอี่ยว?

 

 

มั่นใจหลักฐานชัดเจน เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อนายทุนตั้งโรงงานรุกที่สาธารณะ “กุดปืน” ในนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ เชื่อมั่น ‘อดีต ๓ ผู้ว่าฯ โคราช’ มีเอี่ยว? ร้องเรียนไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทำงานล่าช้า แต่ยืนยันจะเอาคนผิดเข้าคุกให้ได้ วอนรัฐเห็นใจให้ความเป็นธรรมกับประชาชน


ตามที่ “โคราชคนอีสาน” เสนอข่าวกรณีนายสมบุญ เต็งผักแว่น เป็นตัวแทนชาวตำบลนากลาง อำเภอสูงเนิน จ.นครราชสีมา พร้อมทนายความเข้าไปร้องเรียนกองปราบปรามเพื่อแจ้งเอาผิด อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กับพวกรวม ๔ คน ในความผิดตามมาตรา ๑๕๗ หลังเชื่อว่ามีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนยึดที่ดินและลำน้ำสาธารณะกว่า ๑๐ ไร่ ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลนากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โดยระบุว่า กลุ่มชาวบ้านได้รับผลกระทบ หลังบริษัทเอกชนชื่อดังจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวก่อสร้างโรงงานรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ “กุดปืน” ลำน้ำสาธารณะที่ใช้อุปโภคบริโภค รวมถึงทำการเกษตร รวมไปเป็นแนวป้องกันภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มชาวบ้านเคยร้องเรียนไปแล้วหลายหน่วยงาน เช่น ศูนย์ดำรงธรรมฯ นั้น

ต่อมาสํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ นม ๐๐๒๓.๕/๒๒๔๑๖ ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๖ แจ้งให้สํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสูงเนิน ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมฯ และของบริษัท ค. มีที่สาธารณประโยชน์ใดอยู่ในพื้นที่บ้าง มีการบุกรุกอย่างไร และในผังการขออนุญาตจัดสรรที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมฯ มีที่สาธารณประโยชน์อยู่หรือไม่ มีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินทับที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ อย่างไร ในส่วนประเด็นกรณีร้องเรียนการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ “กุดปืน” และลํารางสาธารณประโยชน์ อยู่ระหว่างจังหวัดนครราชสีมา ออกคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว ในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐ น. และแต่งตั้งให้นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น

 

นายสมบุญ เต็งผักแว่น

ล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ นายสมบุญ เต็งผักแว่น ผู้ร้องเรียนเรื่องนี้เดินทางมาที่สำนักงานหนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมเปิดเผยว่า “ในเรื่องนี้ หน่วยงานของรัฐดำเนินการล่าช้าแบบนี้ ทำให้ไม่เป็นธรรมกับสังคม”

โดยนายสมบุญเปิดเผยถึงที่มาของการร้องเรียนในเรื่องนี้ว่า เมื่อปี ๒๕๖๕ ตนเคยไปร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา แต่ก็มีการดำเนินการล่าช้าเหมือนไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนที่ถูกรังแกจากอำนาจรัฐ ไม่ว่าที่ไหนเป็นแบบนี้ ทำไมจึงไปเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ทั้งที่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ไม่มีใครสามารถเข้าไปทำอะไรได้ มีไว้ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่กลับนำไปเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน เมื่อตนไปสอบถามศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสูงเนิน ได้รับคำตอบว่า ตอนนี้ได้ออกโฉนดไปแล้ว แต่เมื่อตนไปถามเจ้าหน้าที่ที่ดินก็ได้คำตอบว่า เคยประเมิน และเอกชนขอเช่า แต่ไม่ได้ให้เช่าเพราะตามระเบียบให้เช่าไม่ได้ แต่อยู่ๆ กลับมีการออกโฉนด ทำได้อย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นตนต่อสู้ให้กับประชาชนที่ไม่มีอำนาจต่อรองจากรัฐ ไปช่วยทุกที่ที่เดือดร้อน ปัญหามีมากมายแต่เจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยดูแลประชาชนโดยแท้จริงเลย

นายสมบุญ เปิดเผยอีกว่า สำหรับในเรื่องที่สาธารณประโยชน์นี้ ตนยังไม่ทราบว่ามีความคืบหน้าในการตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างไร ทั้งที่ตนเป็นเจ้าของเรื่อง และเป็นผู้ร้อง รวมทั้งเป็นตัวแทนเจ้าของชาวบ้าน จะเอาเรื่องนี้เป็นเคสตัวอย่าง จะแจ้งจับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพราะเรื่องนี้ไปแจ้งไว้ที่ตำรวจสอบสวนกลางแล้ว ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่และมีการสอบถามความคืบหน้าโดยตลอด

“ต้องการให้สื่อช่วยตีแผ่ในเรื่องนี้เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ในฤดูแล้งไม่มีน้ำใช้โดยเฉพาะน้ำเพื่อการเลี้ยงสัตว์ ยิ่งถ้าในฤดูฝนก็จะปล่อยน้ำให้ไปท่วมนาข้าวของชาวบ้าน โดยไม่สนใจว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อน ไม่มีการเยียวยาประชาชน ตนไม่ได้ต่อต้านโรงงานอุตสาหกรรม แต่โรงงานก็ต้องดูแลประชาชนรอบข้างด้วย ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยแบบนี้” นายสมบุญ กล่าว

นายสมบุญ กล่าวอีกว่า หลังจากตนไปร้องเรียนที่กองปราบฯ จะมีการตรวจสอบ หากมีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะส่งให้ป.ป.ช.ภายใน ๓๐ วัน แต่เรื่องยังเงียบอยู่ อยู่ที่ว่าป.ป.ช.จะเอาอย่างไรในเมื่อความผิดเกิดขึ้นแล้ว เพราะแผนผังที่ดินก็ไม่ตรงกัน ทุกวันนี้ก็มีการกั้นแนวเขต ไม่สามารถเข้าไปได้ หากเข้าไปเจอข้อหาบุกรุกแน่ นอกจากนี้ ต้องการเร่งรัดให้ป.ป.ช.รีบดำเนินการ และประชาชนทั้งประเทศก็รอดูว่าป.ป.ช.จะเอาอย่างไร หากป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว จะแจ้งความดำเนินคดีกับใครบ้าง และไม่รู้ว่าเมื่อนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งข้าราชการ หากทำดีก็ส่งเสริม แต่ถ้าทำไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษ ในเรื่องนี้หากเจ้าหน้าที่จะดำเนินการก็ไม่ยาก แต่หากไม่ดำเนินการเป็นเรื่องยากแน่นอน เพราะเรื่องที่ยากกว่านี้ยังจับได้เลย ถ้าทำก็จบ หากไม่ทำก็ไม่จบ ซึ่งการที่ตนออกมาช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมกับประชาชน

“ฝากให้สื่อมวลชนช่วยเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนด้วยว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจริงๆ แต่เขาออกมาพูดไม่ได้ กลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน เพราะเรื่องนี้มีการร้องเรียนมากี่ยุคกี่สมัยแล้วแต่ไม่เป็นผล ซึ่งเรื่องนี้ตนต้องการให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องนี้ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเกี่ยวข้องนายทุนทำไม่ได้แน่นอน ที่บริเวณนี้เป็น นสล. ในแผนที่ทหารปรากฏชัดเจน และฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดและที่ดินอำเภออย่ามองว่า ประชาชนไม่รู้ และช่วยดำเนินการให้มีความเป็นธรรมกับประชาชนด้วย แต่จะอย่างไรก็ตาม ผมจะต้องเอาคนผิดเข้าคุกให้ได้ และรู้ด้วยว่าอดีต ๓ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นใครบ้าง ต้องมีความเกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งตนไม่เคยกลัวผู้มีอิทธิพลหรืออำนาจรัฐเพราะเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง” นายสมบุญ กล่าวท้ายสุด

อนึ่ง สำหรับเรื่องดังกล่าวนั้น มีรายงานข่าวว่า สํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาตรวจสอบกรณีดังกล่าวและมีการรายงานข้อมูลต่อกรมที่ดิน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑. บริเวณตําแหน่งที่ดินที่มีการร้องเรียนได้มีการเดินสํารวจหมายเขตที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดิน เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๑ โดยเจ้าของที่ดินได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าว ให้กับ บริษัท น. ต่อมาบริษัทฯ ได้ขอรวมโฉนดที่ดินและขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอําเภอสูงเนิน โดยแบ่งออกเป็น ๓ เฟส ดังนี้
เฟสที่ ๑ บริษัท น. ได้ขออนุญาตจัดสรรที่ดิน โฉนดที่ดิน เลขที่ ๓๒๓๗๒ (บางส่วน) ตําบลนากลาง อําเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ตามใบอนุญาตให้ทําการจัดสรรที่ดิน เลขที่ ๑๔/๒๕๔๘ ออกให้ ณ วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ ทําการรังวัด แบ่งแยก จํานวน ๗๔ แปลง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (ขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา

เฟสที่ ๒ บริษัท น. ได้ขอรวมโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๓๓๒, ๑๓๙๑, ๑๓๙๒, ๒๒๐๔๐, ๒๙๖๑๕, ๒๙๖๕๐ และ ๓๖๗๙๗ (บางส่วน) ตําบลนากลาง อําเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา และขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามใบอนุญาตให้ทําการจัดสรรที่ดินเลขที่ ๒๒/๒๕๕๓ ออกให้ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ทําการรังวัดแบ่งแยกจํานวน ๒๓ แปลง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (ขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา

เฟส ๓ บริษัท น. ได้ขอรวมโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๓๖๙, ๑๓๙๘, ๒๓๒๖๙, ๒๗๗๓๐, ๓๕๒๔๒, ๔๒๔๘๔ และ ๔๒๔๙๒ (บางส่วน) ตําบลนากลาง อําเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา และขออนุญาตจัดสรรที่ดิน ตามใบอนุญาตให้ทําการจัดสรรที่ดินเลขที่ ๕๒/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ทําการรังวัดแบ่งแยกจํานวน ๒๓ แปลง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (ขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา

ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๕๓ บริษัท น. ได้ยื่นคําขออนุญาตใช้ที่ดินของรัฐ ตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แปลงที่สาธารณประโยชน์ “กุดปืน” ซึ่งที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตําบลนากลาง อําเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ ๖-๒-๙๗ ไร่ เพื่อนําที่ดินไปพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและส่งเสริมด้านการลงทุนต่อสํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสูงเนิน โดยได้ส่งเรื่องมาให้จังหวัดนครราชสีมาพิจารณาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๕๔๓ จังหวัดนครราชสีมาจึงได้มีหนังสือสอบถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามระเบียบแล้ว โดยคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวการขออนุญาต ตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประจําจังหวัดได้ประชุมพิจารณา ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ มีมติเห็นชอบให้บริษัท น. ใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ “กุดปืน” และกรมที่ดินได้มีหนังสือ ที่ มท ๐๕๑๑.๓/๓๙๔๖ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕ แจ้งว่า กรมที่ดินได้นําเรื่องเสนอกระทรวงมหาดไทย เพื่อนําเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาอนุมัติแล้ว กระทรวงมหาดไทยมีความเห็นว่าการให้รัฐวิสาหกิจหรือบริษัทใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐนั้น น่าจะขออนุมัติหลักการให้เข้มงวดมากขึ้น กรมที่ดินจึงได้มีหนังสือ ที่ มท ๐๕๑๓.๓/๓๐๗๑๔ ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ ขอให้จังหวัดนครราชสีมานําเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวการขออนุญาตตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ประจําจังหวัดนครราชสีมา เพื่อประชุมพิจารณาและให้ความเห็นอีกครั้งหนึ่ง หากบริษัทฯ มีความจําเป็นต้องใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงดังกล่าว อาจพิจารณาให้ส่วนราชการซึ่งมีสถานะเป็นทบวงการเมืองตามประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นผู้ ดําเนินการขอจัดหาผลประโยชน์โดยการถอนสภาพที่ดินบริเวณดังกล่าวตามมาตรา ๘ วรรคสอง (๑) และนําไปจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา ๑๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนสภาพ การจัดขึ้นทะเบียนและการจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวการขออนุญาต ตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จังหวัดนครราชสีมาได้ประชุมพิจารณาครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ มีมติไม่อนุญาตให้ บริษัท น. ขอใช้ที่ดินของรัฐ ตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงนี้ก็ให้ประสานกับท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นพิจารณาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป ปัจจุบันยังไม่มีการยื่นเรื่องการถอนสภาพที่ดินตามมาตรา ๘ วรรคสอง (๓) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และนําไปจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา ๓๓ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มายังที่จังหวัดนครราชสีมาแต่อย่างใด

ในส่วนประเด็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับลํารางสาธารณประโยชน์และที่สาธารณประโยชน์กุดปืน ซึ่งนายสมบุญ เต็งผักแว่น ได้ร้องเรียนต่อศูนย์ดํารงธรรมอําเภอสูงเนินว่า บริษัท ข. ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลําน้ำสาธารณะและปิดกั้นขวางทางน้ำเป็นเหตุให้ชาวบ้านตําบลนากลางได้รับความเดือดร้อน โดยศูนย์ดํารงธรรมฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตําบลนากลาง และกํานันตําบลนากลาง ปรากฏว่า บริเวณดังกล่าว เดิมเป็นที่ทําเลกุลปืน มีเนื้อที่ดิน ๖-๒-๙๗ ไร่ ต่อมาได้มีการเลิกใช้ประโยชน์เมื่อประมาณ ๔๐ ปีที่แล้ว เป็นเหตุให้โฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวมีที่สาธารณประโยชน์ตั้งอยู่ตรงกลาง ปัจจุบันมีสภาพตื้นเขิน และไม่มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับที่ดินสาธารณะหรือลําน้ำสาธารณะ อีกทั้ง บริษัทฯ มิได้มีพฤติการณ์หวงห้ามการใช้ประโยชน์จากที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมที่ดินดังกล่าวพบว่ามีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเกี่ยวข้อง ๓ คน

หากมีความคืบหน้า “โคราชคนอีสาน” จะนำเสนอต่อไป


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๙ ฉบับที่ ๒๗๕๕ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม - วันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖


1013 2,194