2ndMay

2ndMay

2ndMay

 

January 01,1970

ร้องบริษัทดังสร้างบ้านไร้คุณภาพ ‘มหา’ลัย-เจ้าของปั๊มใหญ่’ก็จ้าง ยืนยันไม่โกงและยินดีรับผิดชอบ

เจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา และช่าง บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมโคราช หลังเชื่อบริษัทรับสร้างบ้านเพราะเห็นโปรไฟล์ดี สังกัดหลายองค์กร แต่กลับสร้างบ้านมีปัญหาร้าว รั่ว ไม่เว้นแม้แต่มหาวิทยาลัยและเจ้าของปั๊มน้ำมันใหญ่ที่ผลงานล่าช้า ไม่ได้มาตรฐาน บางรายต้องยกเลิกสัญญา เจ้าของบริษัทแจงอาจเป็นงานที่อดีตสามีไปทำสัญญาในนามบุคคล แต่ถ้ารับงานเองไม่มีปัญหา และยินดีรับผิดชอบ ยืนยันไม่คิดโกงใคร ไม่เอาชื่อเสียงที่สร้างมาสิบกว่าปีไปทำไม่ดี ล่าสุดเปลี่ยนชื่อบริษัทแล้ว

ตามที่มีเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมาช่วง ช่าง และคู่ค้า ของบริษัทรับสร้างบ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งที่อยู่ในย่านโคกกรวด เมืองนครราชสีมา ออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊กและสื่อสังคมออนไลน์และระบุชื่อย่อ ช.ส.ว่า ไม่มีการรับประกันผลงานการสร้างบ้าน ค้างค่าจ้างงาน ค้างค่าแรง ค้างค่าวัสดุก่อสร้าง และทิ้งงาน เป็นต้น และจะมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมฯ รวมทั้งองค์กรเอกชนที่เจ้าของบริษัทดังกล่าวเป็นกรรมการด้วย ต่อมามีหนังสือจากบริษัทดังกล่าวไปโพสต์ในกลุ่มรวมช่างผู้รับเหมาโคราช โดยระบุว่า ได้ดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่โพสต์และทำให้บริษัทเสียหายแล้ว พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียดความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นกับงานก่อสร้างดังกล่าว และระบุว่า บริษัทมีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ บริษัทมีที่ตั้งชัดเจน มีระบบจ่ายเงินตามมาตรฐานสากลในใบสั่งจ้างทุกครั้งก่อนเริ่มงาน

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่า กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายและได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทดังกล่าว จะมีการรวมตัวพูดคุยเพื่อหารือแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากบริษัทดังกล่าวซึ่งมีทั้งเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมาช่วง และช่าง ได้รวมตัวพูดคุยหารือกันเพื่อหาแนวทางการดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาที่ว่าจ้างบริษัทดังกล่าวให้สร้างและปรับปรุงอาคารเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย โดยนัดกันที่บ้านแห่งหนึ่งและมีการนำผู้สื่อข่าวเข้าไปดูจุดที่สร้างแล้วมีปัญหาบ้านร้าว ผนังรั่ว ร้าว และไฟฟ้ารั่วด้วย

 


ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ

ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. กลุ่มผู้ที่อ้างตัวว่าได้รับผลกระทบและความเสียหายจากการก่อสร้างบ้านของบริษัทดังกล่าวได้นำเอกสารมารวมตัวกันหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา นำโดยนางสาวกาญจนา เจตนาดี เจ้าของโรงสีพระบึง อำเภอปักธงชัย, นายสุทัศน์ สาธุ-นางสาววัชรีภรณ์ โปลิศ ซึ่งสองรายนี้ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว รวมทั้งมีผู้รับเหมาช่วง และช่าง รวมทั้งตัวแทนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นางสาวกาญจนา เจตนาดี เปิดเผยกับสื่อมวลชนในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายว่า วันนี้จะมาร้องเรียนบริษัทชาญ-สุฯ เนื่องจากเราและผู้เสียหายหลายคนได้ว่าจ้างบริษัทฯ โดยมีคุณชาญชัยและภริยาเป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง ซึ่งในส่วนตัวจ้างทำบ้าน ครัวไทย และโรงจอดรถ การก่อสร้างไม่เป็นไปตาม BOQ วัสดุไม่ได้คุณภาพ เมื่อตามให้มาแก้ไขก็ล่วงเลยมาเป็นปีก็ไม่มา ผลงานไม่ได้คุณภาพ ไม่เป็นไปตามสเปก ซึ่งในส่วนของตนจ้างให้สร้างโรงจอดรถตามสัญญาคือ ๑.๖ ล้านบาทและจ่ายเงินหมดแล้ว บ้านสองชั้น ๖.๕ ล้านบาท ครัวไทย ๑.๗ ล้านบาท รวมแล้วเกือบ ๑๐ ล้าน ส่วนที่เป็นปัญหาคือโรงจอดรถทรุด ผนังร้าว ซึ่งตาม BOQ ต้องมีเข็ม แต่กลับไม่ใส่ ตนมาเช็คทีหลังว่า ทำไมอาคารจึงทรุด ผนังร้าว จึงมาตรวจเช็คและไล่ตาม BOQ หลายอย่างไม่เป็นไปตาม BOQ มีการตามให้มาแก้ไขหลังจากเจอปัญหา ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๕ ก็ผัดผ่อนมาตลอดและไม่มาทำให้ ในส่วนของตัวบ้านก็มีปัญหา ไม่ได้คุณภาพ ฝ้าพอง รอบบ้านร้าวแตกทั้งบ้านและครัวไทย ซึ่งในส่วนของตัวบ้านยังทำไม่เสร็จยังเหลืองวดงานอยู่ก็ไม่มาทำ งานล่าช้าไปหมด ต้องปิดสัญญาแล้วให้รายอื่นเข้ามาทำแทน ไม่เช่นนั้นก็เข้าไปอยู่ไม่ได้ แต่ที่มีปัญหามากที่สุดคือโรงจอดรถ เพราะตามแบบต้องจอดให้ได้ ๘ คัน แต่ยังไม่ได้เข้าไปใช้งานกลับทรุดและร้าวแล้ว รถเราตั้ง ๘ คันมูลค่าจำนวนมาก ถ้าพังขึ้นมาเพราะไม่มีเสาเข็มจะเสียหายหนักกว่าเดิม ถ้าเราหรือคนครอบครัวขับรถขึ้นไปจอดแล้วพังลงมาก็จะเสียหายหนักประเมินค่าไม่ได้เลย

“สำหรับความเสียหายตรงนั้นจากนั้นก็มาค้นหาทีหลังว่าเมื่อเราโดนแบบนี้แล้วมีคนอื่นโดนแบบเราไหม จึงรู้ว่าหลายๆ หลังก็โดนแบบเรา เมื่อไปค้นพบว่ามีคนอื่นที่จ้างบริษัทนี้สร้างให้ด้วยก็มีการพูดคุยกับช่าง จึงได้รู้ว่าบ้านหลังอื่นก็เป็นเหมือนกัน และเจอกับบ้านของนายสุทัศน์ก็เช่นกัน สร้างบ้านไม่มีคุณภาพตามให้มาซ่อมก็ไม่มาเช่นกัน เมื่อเราได้คุยกับบรรดาช่างก็ปรากฏว่าไปทำงานให้ก็ไม่ได้เงิน บ้านหลายๆ หลังก็เป็น และงานช้ามาก เมื่อเจ้าของบ้านทนไม่ไหวก็ต้องยกเลิกสัญญา เจ้าของบ้านก็ต้องมาแบกรับความเสียหายต่อเองเพื่อให้คนอื่นเข้ามาทำ และผลงานกับเงินที่เบิกไปไม่สอดคล้องกัน

หาเงินมาทั้งชีวิตเพื่อสร้างบ้าน
นางสาวกาญจนา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่มาร้องเพราะว่า ด้วยความที่พวกเราดูจากโปรไฟล์ของฝ่ายภริยา เป็นกรรมการองค์กรใหญ่ๆ ในโคราช เรามั่นใจว่าบริษัทชาญ-สุมีความน่าเชื่อถือ เพราะบ้านเรามูลค่าเกือบสิบล้านบาท ก่อนจะสร้างเราก็ดูประวัติบริษัท เพราะเห็นเขาเป็นกรรมการของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นหน่วยงานดังๆ ในโคราช เราจึงมั่นใจว่าบริษัทนี้มีความน่าเชื่อถือ เห็นว่าสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ ราคา ๑๐ ล้าน ๒๐ ล้าน เข้าสมาคมต่างๆ เราก็มั่นใจแล้วว่า บริษัทนี้ เป็นเหมือนบริษัทชั้นนำของโคราช จึงให้สร้างและไม่น่าจะทำกับเราเพราะบ้านเราก็ไม่ได้มีมูลค่าน้อยๆ เราเชื่อในโปรไฟล์ของเขาที่เผยแพร่ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งหน่วยงานที่เขาสังกัดก็เป็นหน่วยงานใหญ่ๆ ในโคราช ก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับเราแบบนี้ ไม่อยากให้คนอื่นมาเจอแบบเรา เพราะจากที่พูดคุยกับคนอื่นแม้มูลค่าบ้านไม่มากแต่เป็นเงินที่เขาหามาทั้งชีวิตเพื่อมาสร้างแต่กลับอยู่ไม่ได้ หลังคารั่วบ้าง หลายๆ หลังสร้างไม่จบ บางคนร้องไห้ เพราะบ้านราคา ๑.๙ ล้าน เก็บเงินมาทั้งชีวิตเพื่อสร้างแต่อยู่ไม่ได้ ก็ไม่อยากให้เขาไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่นที่คิดจะสร้างบ้าน ให้เขาสงสารเพราะหาเงินมาทั้งชีวิต อย่างตนกว่าจะหาเงินมาสร้างบ้านได้ก็เหน็ดเหนื่อย จึงไม่อยากให้คนอื่นโดนแบบเรา อยากให้หน่วยราชการช่วย เพราะเราเชื่อในโปรไฟล์ของเขาที่เผยแพร่ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งหน่วยงานที่เขาสังกัดก็เป็นหน่วยงานใหญ่ๆ ในโคราช ก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับเราแบบนี้

 

ฟ้องดำเนินคดีแล้ว
“ในความเสียหายที่เกิดขึ้น มีบางคนรวมทั้งตนมีการดำเนินการทางคดีในชั้นศาลบ้างแล้ว แต่ก็ต้องการมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือด้วย ไม่อยากให้เรื่องเงียบหายไป” นางสาวกาญจนา กล่าว
ทางด้านนายสุทัศน์ สาธุ-นางสาววัชรีภรณ์ โปลิศ ผู้ว่าจ้างให้สร้างบ้านพักอาศัย ๓ ชั้นตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ระบุว่า การก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด ไม่เป็นไปตามสัญญา ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน น้ำรั่ว ตัวอาคารเกิดรอยร้าวมีน้ำรั่วซึมเข้าอาคารหลายจุด ระบบไฟฟ้ารั่วหลายจุดเป็นอันตรายกับผู้พักอาศัย ทำให้ต้องย้ายไปอยู่บ้านอื่น แจ้งให้มาแก้ไขก็ประวิงเวลาและไม่มาแก้ไข จนต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดตามกฎหมาย

ต้องยกเลิกสัญญา
ในขณะที่ผู้ว่าจ้างให้ก่อสร้างอีกราย (ขอสงวนนาม) เปิดเผยว่า ได้ว่าจ้างให้สร้างบ้านพักอาศัยสองชั้นตั้งอยู่ในตำบลสุรนารี เมืองนครราชสีมา โดยมีการเสนอราคามาในนามบริษัทชาญ-สุฯ ประมาณ ๕ ล้านบาท มีพิธีลงเสาเอกเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๖๖ แต่เจ้าของบ้านต้องขอยกเลิกสัญญาไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ ขณะที่ก่อสร้างได้แค่เทพื้นชั้น ๒ ซึ่งมีการจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างไปแล้วประมาณ ๑.๘ ล้านบาท เหตุที่ยกเลิกสัญญาเนื่องจากไม่ทำตามสัญญา ไม่มีวิศวกรควบคุมงาน ช่างไม่มีความรู้ วัสดุอุปกรณ์ไม่เหมาะสม โดยในระยะเวลาการก่อสร้างมีการแจ้งด้วยวาจาและทำหนังสือเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรสองครั้ง แต่งานไม่ดีขึ้น จึงต้องขอยกเลิกสัญญา

บุรีรัมย์ก็มีปัญหา
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าของบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์อีก ๒ รายที่ว่าจ้างให้สร้างบ้านพักอาศัย โดยรายหนึ่งระบุในเอกสารการร้องเรียนว่า ให้สร้างบ้านสองชั้น ทำสัญญาเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มูลค่าก่อสร้าง ๑๖.๗ ล้านบาทแต่เกิดความเสียหายเพราะความสูงของชั้น ๑ และชั้น ๒ ผู้รับเหมาออกแบบให้ความสูงต่ำเกินไป ไม่สามารถสร้างบันไดวนได้ตามที่ต้องการและบ้านที่ออกแบบมาให้นั้น ฟังก์ชั่นต่างๆ ไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่ผู้ว่าจ้างได้บรีฟไว้ ในขณะที่อีกรายให้สร้างบ้านสองชั้นทำสัญญาเมื่อวันที่ ๑๒ธันวาคม ๒๕๖๖ ซึ่งเมื่อมีการส่งมอบงานและเบิกค่างวดล่วงหน้าและผู้ว่าจ้างจ่ายไปกลับพบว่างานไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรม ซึ่งผู้รับจ้างยินดีที่จะแก้ไขแต่เป็นไปด้วยความล่าช้า จึงต้องขอยกเลิกสัญญา โดยเจ้าของบ้านชำระเงินค่างวดงานรวมที่เบิกล่วงหน้าในงวดที่ ๒ รวมจำนวนกว่า ๕ ล้านบาท


 
งานมหาวิทยาลัยล่าช้า
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในส่วนการก่อสร้างอาคารมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมานั้นทราบว่า เป็นการดำเนินงานใน ๒ งานคือ ปรับปรุงอาคารคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งหมดสัญญาไปแล้ว แต่งานยังไม่เรียบร้อย และก่อสร้างอาคารเรียน ๒ ชั้น มูลค่าประมาณ ๑๙ ล้าน  ถ้าตามสัญญาก็ดำเนินการมางวดที่ ๕-๖ แล้วแต่ยังเบิกได้แค่งวดเดียว ถ้าไม่เสร็จตามสัญญาจะต้องถูกพับงบฯ ที่สำคัญคือการทำงานไม่เสร็จตามสัญญายังกระทบกับนักศึกษาโดยตรง เพราะไม่มีอาคารเรียน ไม่เสร็จตามแผน และตอบไม่ได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

ต้องพิจารณาสัญญาให้ดี
หลังจากนั้น คณะผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างฯ ได้เดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายอาทิตย์ ชามขุนทด ผู้อำนวยการศูนย์ฯ และนายปริญญา แจ้งหมื่นไวย เจ้าหน้าที่ สคบ.เขต ๙ จังหวัดนครราชสีมา ร่วมรับฟังและให้คำปรึกษา พร้อมให้ผู้เดือดร้อนแต่ละรายเขียนคำร้องทุกข์ ส่วนผู้ที่ได้ยื่นฟ้องบริษัทฯ ดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีทางศาลนั้นไม่ต้องเขียนคำร้อง แต่ให้เป็นอำนาจของศาลในการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป โดยนายอาทิตย์ ชามขุนทด กล่าวว่า กรณีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับสัญญาการรับสร้างบ้านนั้น ก็จะใช้กลไกของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดฯ ในการเชิญคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย ส่วนอีกกรณีคือผู้รับเหมาช่วงจะให้ศูนย์ดำรงธรรมแต่ละอำเภอเชิญคู่กรณีมา และอยากให้ข้อคิดว่าในการทำงานนั้นจะต้องดูสัญญาให้ดีด้วย

 

ขอชี้แจง
ต่อมาในช่วงค่ำวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ มีผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับกรรมการบริษัทฯ ดังกล่าวติดต่อมายังทีมข่าวว่าผู้บริหารชายขอชี้แจง โดยทางทีมข่าวได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และให้โทรมาในเวลา ๒๐.๓๐ น. แต่ไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด

ไม่รู้เรื่องเพราะเลิกกับสามี
กระทั่งวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ “โคราชคนอีสาน” ได้ติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือของบริษัทดังกล่าว ๒ ครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย กระทั่งมีการติดต่อกลับมาในภายหลัง เป็นนางสาวสุรีวัลย์ หรือฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์ ผู้มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทชาญ-สุ คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยชี้แจงว่า “หากตนเป็นคนทำแล้วทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย ก็พร้อมจะรับผิดชอบ ซึ่งเดิมตนมีสามีคือคุณต่อ-ชาญชัย แล้วแยกทางกัน แล้วคุณชาญชัยทำสัญญากับลูกค้า ซึ่งเคยเป็นสามีภริยากันมีลูกร่วมกัน อาจจะมีความผิดพลาดหรือเข้าใจผิดกันในการทำงาน ทำให้เกิดเป็นประเด็นการร้องเรียน สัญญางานเป็นสัญญาระหว่างคุณต่อกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่รู้ว่าเราเลิกกัน และเพิ่งทราบว่ามีประเด็นเหล่านี้ หากเป็นตนทำงานให้ลูกค้าไม่ดีก็สามารถแจ้งมาได้ รวมทั้งใครที่ไม่ได้เงินตนก็พร้อมจะยินดีรับผิดชอบให้หากตนเป็นคนผิดจริงๆ ซึ่งตนทำบริษัทรับเหมามากับคุณต่อ และตนก็มีบริษัทที่ดูแลหลายบริษัท ซึ่งบางทีลูกน้องอาจจะมีหลุด หรือโฟร์แมนไม่ได้ส่งเบิกมา ก็สามารถมาติดต่อที่ออฟฟิศแล้วส่งเบิกได้เลย ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปคดโกงใคร ไม่ยอมเอาชื่อเสียงที่สร้างไว้สิบกว่าปีมาแลกกับเงินไม่กี่บาท ตนไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น จึงไปถามคุณต่อว่ามีลูกค้าที่มีปัญหาหรือเปล่า ด้วยความที่เลิกกันไปแล้ว จึงต่างคนต่างทำธุรกิจ และเพิ่งมีคนเอาข่าวมาให้ดู จึงเพิ่งทราบ ส่วนลูกค้าที่บอกว่าไม่ได้เงินก็เรียนเชิญที่บริษัทได้เลย เพราะตลอดเวลาที่ทำธุรกิจมีความซื่อสัตย์และรับผิดชอบ ตนดูแลลูกน้อง ๖๐-๗๐ คน ค่าแรงเคลื่อนแม้แต่งวดเดียวก็ไม่เคยมีปัญหา”

ยินดีรับผิดชอบ
“หลังจากมีปัญหากับสามี เมื่อประมาณปลายปี ๒๕๖๕ ก็แยกกัน แต่ก่อนหน้านั้นก็พอรู้บ้างว่าเขาไปรับงานในนามบุคคล ซึ่งจริงๆ แล้วในการทำงานตนก็ไม่ได้ไปสัมผัสหรือลงลึกในหน้างานว่าเกิดอะไรขึ้น ตนไม่รู้รายละเอียด แต่ถ้าในกรณีที่ตนเป็นคนทำหรือรับสัญญาจ้างก็ยินดีรับผิดชอบ คือสิ่งที่เรารับผิดชอบมาตลอด ด้วยความที่ในส่วนของการก่อสร้างตนจะไม่ได้เข้าไปดู เพราะจะดูอีกบริษัทหนึ่ง ไม่ได้ไปดูงานก่อสร้างตรงๆ แต่จะเป็นคุณต่อดูแล พอเกิดปัญหาขึ้นถ้าตนรู้เรื่องก็จะเข้าไปซัพพอร์ต” นางสาวฐิติพรรณ กล่าว

ค่าแรงช่างก็ยินดีจ่าย
“โคราชคนอีสาน” ถามว่า มีหลายกรณีมากที่ไปร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมฯ ไม่เฉพาะเรื่องก่อสร้าง แต่ยังมีเรื่องค่าแรงช่างด้วย นางสาวฐิติพรรณ กล่าวว่า เท่าที่ตนถามคุณต่อน่าจะมีประมาณ ๓ หลังที่มีปัญหา ส่วนค่าแรงช่างกำลังให้เจ้าหน้าที่ดูข้อมูล แต่ต้องดูว่าค่าแรงช่างในส่วนไหน ถ้าตนเป็นคนรับผิดชอบงานนั้นก็มาแจ้งได้เลย ซึ่งตามระบบงานที่เราวางไว้คือผู้รับเหมาจะต้องส่งเบิกมาทางโฟร์แมน เมื่อโฟร์แมนตรวจงานก็ส่งเบิกมาที่บัญชี และบัญชีก็เบิกยอดตามยอด หากหลุดจากนี้เพราะเขาไม่ได้ส่งงานหรือโฟร์แมนมีปัญหา เขาก็สามารถติดต่อโดยตรงที่สำนักงานของบริษัทได้เลย เพราะมีหลายหน้างาน ตนไม่ได้ลงไปดูยิบย่อยทุกอย่าง แต่โดยเจตนาตนไม่เคยคิดจะไปโกงใคร

ยืนยันไม่มีปัญหาถ้าดูแลเอง
เมื่อถามว่าผู้ร้องส่วนใหญ่ระบุว่าการก่อสร้างไม่มีมาตรฐาน ร้าว รั่ว เป็นต้น แม้แต่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งหรือบ้านของเจ้าของปั๊มน้ำมันชื่อดังก็ยังมีปัญหาในการก่อสร้างที่ล่าช้าและไม่ได้มาตรฐาน นางสาวฐิติพรรณ กล่าวว่า หลังจากที่ตนแยกกับสามีแล้วงานพวกนี้ตนเอามาดูแลเองหมด ทุกอย่างไม่มีปัญหา เข้าสู่ระบบปกติแล้ว งานของมหาวิทยาลัยก็ไม่มีปัญหา งานทุกอย่างเดินตามปกติ แล้วก็สร้างตามแบบลูกค้าทุกขั้นตอน จะมีคนตรวจรับงานคือ Owner ซึ่งในแต่ละโปรเซสเราทำแล้วงานไม่ผ่านงานไม่ดี Owner ก็จะแจ้งให้แก้ พอแก้เสร็จลูกค้าจึงจ่ายเงินเรา นี่คือระบบก่อสร้าง ซึ่งในระหว่างก่อสร้างอาจจะมีบางจุดที่ไม่เรียบร้อย เพราะยังไม่ ๑๐๐% งานไฟนอลคืองานที่ส่งมอบลูกค้า ซึ่งในการส่งมอบถ้างานไม่ดีหรือมีปัญหา ลูกค้าก็จะมีคนตรวจแล้วแจ้งให้เราแก้ จนลูกค้าโอเค จึงส่งมอบงานงวดสุดท้าย เราจึงทำเรื่องเบิกเงิน ถ้างานไม่ดีลูกค้ามีสิทธิไม่จ่ายเงิน เวลาทำงานมีงวดงาน หากลูกค้าตรวจงานแล้วผ่านจึงจะจ่ายเงินในแต่ละงวดงาน ถ้างานไม่มีมาตรฐานเราอยู่ไม่ได้มาถึง ๑๖ ปี

“ในส่วนของบริษัทชาญ-สุฯ ตอนนี้ตนเป็นคนดูแลเองทั้งหมดหลังจากเลิกกับสามี ไม่ว่าจะเป็นงานของเจ้าของปั๊มน้ำมันก็ไม่มีปัญหา โทรคุยกับเจ้าของได้เลย งานของมหาวิทยาลัยทางอธิการบดีหรือรองอธิการบดีไม่มีปัญหา ตอนนี้เรากำลังมีการเร่งรัดส่งมอบงานให้ และงานทุกอย่างเดินตามแผนที่ส่งกับมหาวิทยาลัย เพราะถ้าเราทำไม่ดีอย่างที่เขาบอก มหาวิทยาลัยยกเลิกสัญญาไปแล้ว ส่วนความล่าช้าของการก่อสร้างนั้น ในการรับเหมาเช่นงานราชการถ้าทำแบบมาถูกต้อง ก็สามารถก่อสร้างได้เลย แต่ถ้าเป็นงานปรับปรุงแล้วแบบทำมาไม่ถูกต้อง ก่อนที่จะทำก็ต้องมีการปรับแบบและต้องเซ็นยินยอมทั้งสองฝ่าย หลังเซ็นแล้วและผู้ว่าจ้างอนุมัติเราจึงสามารถทำตามแบบได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายของทางราชการ เวลาทำงานก็มีอุปสรรคในการทำงาน แต่สุดท้ายแล้วคือความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง ถ้าเราไม่สามารถทำงานให้ผ่านแต่ละงวดให้คณะกรรมการตรวจรับได้ แน่นอนเราไม่ได้เงิน คณะกรรมการตรวจรับงานมีแต่ระดับอาจารย์วิศวกรรมโยธา สถาปัตย์ เพราะฉะนั้น ถ้างานเราไม่ได้มาตรฐานเขาไม่ปล่อยให้เบิกเงินภาครัฐอยู่แล้ว” นางสาวฐิติพรรณ กล่าว

ไม่มีเจตนาโกงใคร
นางสาวฐิติพรรณ กล่าวย้ำว่า ถ้างานที่ตนดูแลเองหากมีปัญหาเรื่องการก่อสร้างหรือเรื่องค่าแรงก็โทรหาตนคุยได้เลยและเบิกกับตนได้เลย ไม่มีปัญหา ในเรื่องของการเงินนั้น ด้วยความที่ตนมีบริษัทก่อสร้างและบริษัทอสังหาฯ ซึ่งในเรื่องการเงินเราไม่ได้มีเจตนาที่จะไปโกงใคร เราพร้อม มีหมุนเวียนในการจ่าย แต่ถ้าค่าใช้จ่ายบางอย่างที่มาไม่ถึงเราและเราไม่ทราบ สามารถโทรตรงเข้าบริษัทได้ บริษัทมีเบอร์โทร มีสำนักงานที่ตั้งชัดเจน เรามีศักยภาพในการจ่าย แต่ถ้าตนไม่ได้รับสัญญาเองก็เกินกำลังที่จะเข้าไปคุมให้ได้ และงานที่ตนทำอยู่ในส่วนที่รับงานเองในตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหา งานที่เรารับมาต่อให้ผู้รับเหมาช่วงทิ้งงานเราก็ไม่เคยทิ้งลูกค้า สามารถเช็คประวัติก่อนหน้านี้ได้ ไม่เคยมีเคสที่ว่าเบิกเงินลูกค้าแล้วทิ้งงาน และตอนนี้มั่นใจว่างานไม่มีปัญหา ส่วนที่ไปร้องเรียนนั้นมีกรณีไหนบ้างก็ต้องดูเป็นกรณีๆ ไป

สำหรับประเด็นที่มีเจ้าของบ้านบางรายยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทนั้น นางสาวฐิติพรรณ กล่าวว่า “เท่าที่ตนทราบเห็นว่ามีการฟ้อง แต่ก็ได้เอาเอกสารให้ทนายดู สัญญาเป็นในนามบุคคลคือคุณอัครวรรษ วงศ์ษา หรือนายชาญชัย วงศ์ษา หรือต่อ หากเกิดความเสียหายก็ฟ้องร้องคุณอัครวรรษได้ตามปกติแล้วไปต่อสู้กันในชั้นศาล ซึ่งคุณอัครวรรษก็อาจจะมีหลักฐานตรงนั้น แต่งานก่อสร้างเป็นงานที่ถูกต้องตามสัญญาแต่อาจจะไม่ถูกใจลูกค้าก็เป็นปัญหากันได้ แต่สรุปแล้วทุกอย่างก็ต้องมีการคุยกัน”

“ตนยังไม่เคยไปฟ้องใคร ถ้าคุยกันได้ก็คุย คือถ้าไม่ถึงที่สุดหรือไม่เสียหายสุดๆ ตนจะไม่ทำอะไรใคร คนอื่นจะรู้นิสัยตนดีมาก ถ้าจะทำก็เพื่อปกป้องตัวเอง เราไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจเราผิดว่าเป็นคนไม่ดี ตนดูแลวัดหลายวัด การที่จะไปโกงคนก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับตัวเอง สร้างบริษัทมาก็ไม่ใช้เพื่อไปโกงคนอื่น” นางสาวฐิติพรรณ กล่าวย้ำ

นอกจากนี้ นางสาวฐิติพรรณยังเปิดเผยอีกว่า “บางคนก็อาจจะคิดว่าตนกับแฟนคือคนๆ เดียวกัน แต่เป็นคนละคน คนละความคิด ซึ่งคุณต่อก็ออกจากบริษัทไปน่าจะประมาณต้นปี ๒๕๖๖ ซึ่งในสายงานก่อสร้างตนทำมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ เพราะคุณพ่อเป็นข้าราชการแล้วทำงานก่อสร้าง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตระหนักตั้งแต่รุ่นคุณพ่อก็คือความรับผิดชอบต่อลูกค้า ไม่เคยทิ้งงาน ถ้าเห็นว่าตนทำไม่ดีก็บอกได้ แต่ต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง ต้องยึดสัญญาและ BOQ ก็จะไม่เกิดปัญหา แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็มีลูกค้าของคุณต่อที่มีปัญหา ส่วนบ้านของลูกค้าที่อยู่แถวตะวันแดงนั้นด้วยความที่งวดสุดท้ายก็ยังไม่เห็นชำระเข้ามา และก็หมดสัญญาไปแล้ว หากมีงานเพิ่มหลังจากหมดสัญญาก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ส่วนงานที่ตนรับจะไม่มีปัญหาทั้งของมหาวิทยาลัยหรือบ้านของเจ้าของปั๊มน้ำมัน ไม่มีปัญหา งานเดินไปตามแผนทุกอย่าง”

ในกรณีบ้านของเจ้าของปั๊มน้ำมันชื่อดังเคยออกหนังสือให้เข้าไปแก้ไขที่ดาดฟ้าหลังคารั่ว น้ำฝนรั่วซึมเข้าบ้าน ผนังร้าวทั้งบ้าน รอยเดินท่อประปา/ไฟฟ้าไม่เรียบร้อย รวมทั้งหลังคาโรงจอดรถมีปัญหานั้น รายละเอียดเป็นอย่างไร เหตุใดการก่อสร้างจึงออกมามีปัญหา นางสาวฐิติพรรณยืนยันว่า “ไม่มีปัญหา เป็นการแจ้งให้แก้ไขหลังเราส่งงวดงาน ไม่มีอะไร งานบ้านก็เดินตามโฟลว์ปกติ ทุกสัญญาที่ตนรับไม่มีงานไหนที่มีปัญหา”

เมื่อ “โคราชคนอีสาน” ถามว่า กรณีงานของมหาวิทยาลัยเป็นการรับงานในนามบริษัทเหตุใดจึงมีความล่าช้า แล้วงานจะแล้วเสร็จเมื่อใด? นางสาวฐิติพรรณ กล่าวว่า “ตนไม่แน่ใจในสัญญา แต่งานหนึ่งก็เดินไป ๗๐-๘๐% แล้ว ส่วนงานที่หมดสัญญาก็ต้องมีค่าปรับอยู่แล้ว และจะมีกำหนดเสร็จเมื่อไหร่ เรื่องนี้ต้องขอไปดูแผนงานก่อน เพราะจะมีโปรเจ็กต์ไซต์เป็นคนดูแล แต่ที่สุดแล้วเราก็ต้องส่งมอบและทำให้ดีที่สุด”

เปลี่ยนชื่อบริษัท
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มผู้ได้รับความเสียหายไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมฯ นั้น เป็นวันเดียวที่มีหลักฐานว่า มีการเปลี่ยนชื่อบริษัท ชาญ-สุ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นบริษัท มาย่า 42 คอนสตรัคชั่น จำกัด และมีชื่อนางสาวฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์ เป็นกรรมการเพียงคนเดียว ในประเด็นนี้ นางสาวฐิติวรรณชี้แจงว่า “เนื่องจากตนมีหลวงลุงที่ดูแลเรื่องศาสตร์ เพราะเคยเปลี่ยนชื่อจากสุรีวัลย์เป็นฐิติพรรณ เรามีความเชื่อเรื่องศาสตร์ ใช้พลังงานตัวเลขในการเปิดชื่อบริษัท ตนได้วันเปลี่ยนในวันพุธ ใช้ศาสตร์ความเชื่อของตนในการเปลี่ยน”

ถ้าผิดก็พร้อมรับผิดชอบ
ท้ายสุดนางสาวฐิติพรรณกล่าวย้ำว่า “ต้องขอความเห็นใจว่า ความผิดพลาดนั้น ตนไม่รู้ว่าเกิดผิดพลาดตรงไหน แต่ถ้าตนผิดหรือบกพร่องที่ไม่ได้ดูแลเรื่องค่าแรงหรือหลุดการจ่ายค่าแรงก็ยินดีรับผิดชอบในส่วนที่ตนรับจริงๆ และไม่เคยมีเจตนาที่จะไปทำไม่ดีกับงานลูกค้า เราทำมาหากินและยืนอยู่บนธุรกิจนี้หลายปี อยากทำสิ่งดีๆ ที่สุดให้ลูกค้า แต่งานก่อสร้างไม่ใช่งานง่าย ระหว่างทางอาจจะมีงานเก็บงานแก้ ที่ลูกค้าจะต้องให้เราเก็บอยู่แล้ว งวดสุดท้ายสำคัญมากเพราะเป็นการเก็บงาน ถ้าลูกค้ามีการแจ้งให้แก้ไข เราก็ยินดีแก้ไขและเก็บงานให้อยู่แล้ว ระบบที่ตนวางไว้ก็เป็นระบบที่บริษัทใหญ่ๆ เขาทำกัน หากงานที่ตนเป็นคนรับเองแล้วเกิดผิดพลาดก็ต้องกราบขออภัยอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปโกงใคร และในการยืนบนเส้นทางธุรกิจก่อสร้าง ถึงตนจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่สู้ชีวิตมากับงานก่อสร้าง เจตนาของตนนั้นไม่เคยที่จะไปทำไม่ดีกับลูกค้า ลูกค้าคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ ถ้าไม่เรียบร้อยก็ขอให้ติดต่อมาที่บริษัท ตนยินดีที่จะรับผิดชอบและดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่”

ลาออกจากกรรมการหอการค้า
อนึ่ง ในส่วนของนางสาวฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์ หรือกิม ได้ทำหนังสือขอลาออกจากกรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ปีบริหาร ๒๕๖๖-๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ โดยให้เหตุผลว่ามีภารกิจเร่งด่วนต้องเข้าบริหาร ๔ บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ศุภพฤกษา จำกัด, บริษัท สถาปนิก ดีเอ็นเอ จำกัด, บริษัท บุญรวี จำกัด และบริษัท ชาญ-สุ คอนสตรัคชั่น จำกัด เพราะมีโครงการใหญ่ที่ต้องไปทำให้สำเร็จตามเป้าหมายแบบเร็วที่สุด จึงทำให้ไม่สะดวกเข้าประชุม ไม่มีเวลาทำจิตอาสาได้ดี มีประสิทธิภาพตามเป้าหมายขององค์กร

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ หรือผู้บริหารบริษัท รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับผลกระทบ มีความประสงค์จะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม “โคราชคนอีสาน” จะนำเสนอต่อไป


นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๙ ฉบับที่ ๒๗๕๕ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม - วันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖


1023 1,518