11thOctober

11thOctober

11thOctober

 

November 21,2023

นักธุรกิจโคราชถูกหลอกลงทุนสูญเงิน ๑.๗ ล้าน ฝากถึง รมต.‘กระทรวงดีอี’ถูกมิจฉาชีพคุกคามแล้ว

 

 

 

วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น. นางแก้วใจ รุ่งสันเทียะ อายุ ๔๖ ปี และนายไพฑูลย์ รุ่งสันเทียะ อายุ ๕๑ ปี สามี-ภริยานักธุรกิจค้าส่งผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่อำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา นำเอกสารสำเนาการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เสิงสาง เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินลงทุนทำให้สูญเงิน ๑.๗ ล้านบาท มาเพื่อร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งเปิดเผยกับ “โคราชคนอีสาน” ถึงรายละเอียดต่างๆ

นางแก้วใจ รุ่งสันเทียะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เป็นวันเกิดลูกสะใภ้ ตนก็โพสต์อวยพรในเฟซบุ๊ก จากนั้นมิจฉาชีพมาขอเป็นเพื่อน พอรับเป็นเพื่อน เขาก็ทักมาทางช่องข้อความ (แชต) อวยพรวันเกิดให้ลูก แล้วก็ขอไลน์ ก็มีการพูดกันพอสมควร มีการหว่านล้อมให้เราหลงเชื่อ บอกว่า ‘พี่ลองเข้าไปลงทุนตรงนี้มั้ย ได้กำไรดีนะ’ เป็นธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  ซึ่งข้อความการชักชวนร่วมลงทุนของเขา ตอนนี้ตนก็ลบไปหมดแล้ว ตอนนั้นเขาส่งลิงก์มาให้เราแล้วให้เราเข้าไปซื้อขายแลกเปลี่ยน รอบแรกวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ลงไป ๒ แสนบาท ได้กำไรมา ๓ หมื่น เงินก็กลับมาที่เรา ๒.๓ แสนบาท ภายในเวลาประมาณ ๔-๕ ชั่วโมงก็ได้กลับมา จากนั้นวันที่ ๑๔ พฤศจิกายนเราก็เล่นต่อไปอีก โดยโอนครั้งแรก ๖ แสน และภายใน ๑ นาทีก็โอนไปอีก ๖ แสน จากนั้นประมาณ ๑๕.๓๐ น.ก็โอนไปอีก ๔ แสน ต่อมาในเวลาประมาณ ๑ ทุ่มเขาก็จะให้เราเข้าไปทำในระบบเหมือนเดิมเหมือนเป็นการเทรดหุ้น แล้วเขาก็บอกว่า ตอนนี้เงินเรามีอยู่ ๑.๕ ล้านบาท เป็นลูกค้าวีไอพีแล้ว จากนั้นให้เรากดไปเป็นลูกค้าวีไอพี แต่เขาบอกว่าเงินยังเอาออกไม่ได้ ให้เราไปจองโบนัส เป็นลูกค้าวีไอพีแล้วจะมีเงินกำไรปันผลมาให้อีก ๕๘๘,๘๐๐ บาท เราก็เข้าไปเลือกเอาโบนัส พอเข้าไป เขาก็บอกว่าเงินยังถอนไม่ได้ ให้เอาเงินเข้าไปอีก ๓ ล้าน ภายใน ๕ วัน ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายนโอนไปอีก ๑ แสนเพื่อที่จะไปเอาโบนัส แล้วบอกเขาว่าไม่มีเงินแล้ว เขาก็บอกว่า ‘เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมช่วยพี่ ๒.๗ ล้าน แล้วพี่หามาอีก ๓ แสน จะได้ครบ ๓ ล้านจะได้เอาเงินโบนัสออกมา’ ถึงจุดนี้เริ่มรู้แล้วว่าโดนหลอก จึงไม่ได้โอนเข้าไปอีก รวมทั้งหมดที่โอนเป็นเงิน ๑.๗ ล้านบาท

“เมื่อเริ่มรู้ว่าโดนหลอกก็บอกสามี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกเลย เพราะถือว่าเป็นเงินส่วนตัว เนื่องจากเราไม่ได้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน ตอนนั้นยอมรับว่าทั้งหลงและโลภ ไม่ทันเกมพวกนี้ ยอมรับว่าโง่ หลง โลภ ทั้งที่มีการเตือนกันบ่อยๆ แต่เราไม่เคยเจอแบบนี้ ซึ่งเงินนั้นได้มาจากการทำธุรกิจขายส่งขนาดใหญ่ มีทั้งขายส่งหอมใหญ่ กระเทียม พริกแห้ง ส่วนสามีจะขายส่งผัก เงินหมุนเวียนทั้งสองคนปีละหลายร้อยล้านบาท” นางแก้วใจ กล่าว

นางแก้วใจ กล่าวอีกว่า “ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะช่องทางไหนที่ทำให้เขาเข้ามาหลอก อาจจะเข้าไปดูโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก เห็นเราแต่งตัวดี ใส่ทองเส้นใหญ่ เพราะเราใส่เยอะ น้ำหนัก ๑๐-๑๕ บาท เห็นโปรไฟล์ดีก็คงจะทักเข้ามาขอเป็นเพื่อน ซึ่งก็ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เสิงสางในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖”

นายไพฑูลย์ รุ่งสันเทียะ สามี ซึ่งอีกสถานะหนึ่งดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกอบต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พอไปถึงโรงพักแล้วกระบวนการช้ามาก ต้องเอาเอกสารนั่นนี่ ความจริงควรจะมีระบบ Non Stop ที่โรงพัก ขนาดตนเป็น VVIP ระดับอำเภอ ตำรวจยังบอกว่า ‘ยากมาก’ แล้วถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ จะดูแลได้มั้ย  

 

“ไม่คาดหวังว่าจะได้เงินคืน แต่อยากให้เป็นบทเรียนว่าเงินไม่ได้มาง่ายๆ ตนบอกกับภริยาเสมอว่า ไม่มีอะไรตอบแทนเกินต้นทุนหรอก ผมลงทุนซื้อหอมกระเทียมรถหนึ่งประมาณ ๕ แสนบาท ได้กำไรไม่เกิน ๗ พันบาทเท่านั้นเอง และขอฝากถึงท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง (รมว.กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม) ว่า ผมเคยเป็นฐานเสียงให้ท่าน ให้เข้ามาดูแลด้วย อย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดที่โคราชบ้านท่านเองอีก และให้เข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ให้เป็นรูปธรรม ตอนนี้มิจฉาชีพก้าวไปแล้ว ๕ ก้าวแต่ทีมงานที่ดูแลเรื่องนี้เดินยังไม่ถึงครึ่งก้าว ซึ่งการเสียเงิน ๑.๗ ล้านบาทครั้งนี้ เป็นบทเรียนสอนให้เรารู้เลยว่า คนโกงมาในทุกรูปแบบ น่ากลัวมาก และตำรวจโซเชียลหรือตำรวจไซเบอร์มีแต่เพจปลอมทั้งนั้น ส่วนหมายเลข ๑๔๔๑ โทรไปก็ไม่ได้ผล ไม่รู้ว่าจะโทรไปติดต่อใคร เบอร์ ๑๖๖๙ ติดต่อง่ายกว่า ๑๔๔๑ ด้วยซ้ำไป อีกทั้งการที่มายื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ ในวันนี้ เพราะต้องการให้สังคมรับรู้ว่า ระบบการช่วยเหลือต่างๆ ของภาครัฐต้องรวดเร็วกว่านี้ แต่ทุกวันนี้ช้ากว่ามิจฉาชีพมาก ชาวบ้านไม่รู้จะโดนกันอีกเท่าไหร่ แม้แต่พระก็ยังโดน จึงต้องการสะท้อนเรื่องราวไปถึงรัฐมนตรี หน่วยงาน ตำรวจโซเชียล เผื่อว่าจะทำงานให้ฉับไวมากขึ้น และหวังว่าประชาชนจะได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงจังจากรัฐมนตรี” นายไพฑูลย์ กล่าว

ภายหลังจากการยื่นเอกสารร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ นายมานะ เสงี่ยมโคกกรวด นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ศูนย์ดำรงธรรมฯ เปิดเผยว่า จะมีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีประชุมทุกเช้าวันจันทร์ พุธ ศุกร์ โดยผู้ว่าฯ เป็นประธาน และแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ด้วย การช่วยเหลือก็ต้องอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ขอตักเตือนและแนะนำว่า อยากให้ตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะโอนเงินให้ใคร ดูที่มาที่ไป ไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้ามาหรือเป็นผ่านแอปต่างๆ ต้องศึกษาให้ดี หรือสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานหรือบริษัทนั้นๆ ก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก่อนที่จะมีการโอนเงินให้ใครหรือจ่ายเงินให้ใคร”

ในขณะที่นายไพฑูลย์ รุ่งสันเทียะ สามีผู้เสียหาย กล่าวย้ำในท้ายสุดว่า “ถือว่าเป็นวิบากกรรมเก่าของผม มาร้องเรียนก็รู้ว่าไม่ได้อะไรคืน แต่อยากสื่อไปถึงรัฐมนตรีให้รู้ว่า กระทรวงของท่านกำลังโดนคุกคามโดยมิจฉาชีพ”

อนึ่ง ในการโอนเงินให้มิจฉาชีพจำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาทนี้ นางแก้วใจ รุ่งสันเทียะ โอนเข้าไปยังบัญชีธนาคาร ๓ บัญชี ดังนี้ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ โอนเงินจำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชีนายนาริณ สมศรี เลขที่บัญชี ๖๒๘๑๔๐๑๒๕๗ และโอนอีก ๔๐๐,๐๐๐ บาทเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี น.ส.ธนิดา ดีนวนพะเนา เลขที่บัญชี ๔๖๔๑๓๑๗๔๖๙ และในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ โอนอีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายสำราญ ปริญาณ เลขที่บัญชี ๑๗๑๑๖๓๖๒๕๗ ซึ่งล้วนเป็นบัญชีม้าทั้งสิ้น

 


238 1,601