31stMarch

31stMarch

31stMarch

 

February 20,2025

‘ยลดา’บ้านใหญ่ชนะอีกสมัย ‘มารุต’ขอบคุณแสนแปด ลุ้นร้องเรียนโอนงบ ๒๓ ล.

สนามเลือกตั้งอบจ.โคราชเข้มข้น “มาดามหน่อย” บ้านใหญ่โรงแป้งชนะอีกสมัย แต่ต้องลุ้นเรื่องร้องเรียนประชุมสภาขออนุมัติโอนงบ ๒๓ ล้านบาท อยู่ในห้วง ๙๐ วันก่อนลาออก พร้อมส.จ.ที่ยกมือ กกต.ยอมรับมีมูล ส่งเรื่องให้ฝ่ายสืบสวนแล้ว เรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา ด้าน ‘มารุต’ ขอบคุณ ๑.๘ แสนคะแนน ในเขตอำเภอเมืองชนะยลดา ๕ เขต ส่วน ส.จ. ๘ เขตเมือง ‘ชาติพัฒนา’ รักษาไว้ได้ ๖ เขต ‘พรรคประชาชน’ เบียดได้ ๒ เขต


ตามที่การดำรงตำแหน่งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.นครราชสีมา) หมดวาระในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเลือกตั้งพร้อมกันในวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ ๒๓-๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ ทั้งนี้มีนายก อบจ.ในหลายจังหวัดลาออกก่อนหมดวาระ จึงมีการเลือกตั้งไปก่อน ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมานั้น นางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือ “มาดามหน่อย” นายก อบจ.นครราชสีมา ซึ่งถือเป็นบ้านใหญ่โรงแป้ง ได้ยื่นหนังสือลาออกก่อนหมดวาระเพียง ๗ วัน คือในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ พร้อมด้วย ส.อบจ.อีก ๑๕ เขต โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะลงสมัครอิสระในนามกลุ่มโคราชโฉมใหม่เหมือนสมัยที่แล้ว แต่ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๗ มีการเปิดตัวลงสมัครในสังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้งลูกสาวคือนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มาร่วม ท่ามกลางอดีตส.อบจ.และว่าที่ผู้สมัครส.อบจ.นครราชสีมา ที่มาร่วมให้กำลังใจ ทั้งนี้ไม่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนางยลดากล่าวบนเวทีว่า “ยินดีที่ได้เข้าสู่พรรคเพื่อไทย เพราะลูกๆ ก็เข้าไปหมดแล้ว สมาชิกทุกคนก็เข้าหมดแล้ว ฉะนั้นเราต้องช่วยกันพัฒนาโคราช ทำอย่างไรจะสร้างคน สร้างเศรษฐกิจ สร้างเมืองโคราชอย่างยั่งยืน”

สมัครนายก อบจ. ๔ คน
การรับสมัครนายก อบจ.และส.อบจ.นครราช สีมา วันแรกคือในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ ณ อาคารชาติชายฮอลล์ สนามกีฬา ๘๐ พรรษาฯ นครราชสีมา มีผู้สมัครและกองเชียร์ไปให้กำลังใจจำนวนมาก ในส่วนของผู้สมัครนายก อบจ.ฯ นั้น นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือ “กอล์ฟ คลาสคาเฟ่” เดินทางมาถึงเป็นคนแรก ตามมาด้วยนางยลดาฯ และนายทักษิณ เขื่อนโคกสูง อดีตผู้สมัคร ส.ส. แต่นายมารุตมีการเปลี่ยนภาพถ่าย นางยลดาและนายทักษิณจึงตกลงกัน โดยนางยลดาได้เบอร์ ๒ ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกับลงสมัครในสมัยแรก ส่วนนายทักษิณได้เบอร์ ๑ และนายมารุตได้เบอร์ ๓ ทั้งนี้ ในวันสุดท้ายมีผู้มาสมัครนายก อบจ.เพิ่ม ๑ คนคือ ร.ต.อ.นิติรักษ์ ฟักกระโทก ข้าราชการบำนาญ เคยดำรงตำแหน่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ. เมืองนครราชสีมา และเคยลงสมัคร ส.ส.พรรคประชากรไทย เมื่อปี ๒๕๓๔

ในขณะที่ผู้สมัคร ส.อบจ.นครราชสีมา ทั้ง ๔๘ เขตใน ๓๒ อำเภอมีผู้สมัครจำนวนมาก รวม ๑๕๓ คน แต่ภายหลัง กกต.ประกาศตัดสิทธิ์ไม่รับสมัคร ๓ คนเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเทศบาล ได้แก่ นายวิวัฒนชัย ธนบูลย์จิรัฐ ผู้สมัคร ส.อบจ.อำเภอสีคิ้ว เขต ๒, นางสาวรวิกานต์ ฝ้ายตระกูล ผู้สมัคร ส.อบจ.อำเภอจักราช และนางสาวเกวลิน อึ้งสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.อบจ.อำเภอชุมพวง ซึ่งลงสมัครแทนมารดา (นางนารดา อึ้งสวัสดิ์) และหวังจะให้สืบทอดเก้าอี้แทน ต่อมา กกต.มีการเพิกถอนชื่อผู้สมัคร ส.อบจ.อีก ๒ คน ได้แก่ นายกมลภพ อ้วยมะเดื่อ ผู้สมัคร ส.อบจ.อำเภอพิมาย เขต ๑ และนายวรพจน์ บุ่นจันทึก ผู้สมัคร ส.อบจ.อำเภอสีคิ้ว เขต ๒ เนื่องจากมี คุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา ๕๐ (๑๐) ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ คงเหลือผู้สมัคร ๑๔๘ คน

เบอร์ ๒ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล พรรคเพื่อไทย

เดินหน้าหาเสียง
ทั้งนี้ หลังจากที่ กกต.ประกาศรับสมัครแล้ว ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมาที่มีการหาเสียงอย่างเข้มข้นคือ เบอร์ ๒ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล พรรคเพื่อไทย และเบอร์ ๓ นายมารุต ชุ่มขุนทด โดยเบอร์ ๒ นางยลดาเน้นการเปิดเวทีปราศรัยไปตามจุดใหญ่ๆ ของแต่ละเขตที่มีผู้สมัครส.อบจ.ของพรรคเพื่อไทยและอดีตส.อบจ.ที่ให้การสนับสนุน รวมทั้งมีรถแห่ไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั้ง ๓๒ อำเภอด้วย ในขณะที่นายมารุต เบอร์ ๓ มีการลงพื้นที่ไปตามอำเภอต่างๆ เพื่อพบปะประชาชน และมีการติดตั้งป้ายหาเสียงแต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมทั้งไม่มีรถแห่

สำหรับนโยบายการหาเสียงครั้งนี้ “มาดามหน่อย” เบอร์ ๒ นำเสนอ “โอกาสโคราช” โดยระบุว่า ผลักดันและเชื่อมโยงส่วนกลาง เพื่อมาพัฒนาในทุกๆ มิติ มาเปลี่ยนโคราชโฉมใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่วนผู้ท้าชิงเบอร์ ๓ “กอล์ฟ-มารุต ชุ่มขุนทด” ผู้สมัครอิสระ นำเสนอ “เปลี่ยนมือ เปลี่ยนคน เปลี่ยนโคราช” กับนโยบาย “๓ เปลี่ยน” คือ “โคราชเปลี่ยน เศรษฐกิจเปลี่ยน อนาคตเปลี่ยน”

เบอร์ ๓ นายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้สมัครอิสระ

ร้องเรียน กกต.
ต่อมาเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา นายสุนทร แพงไพรี ชาวเมืองนครราชสีมา เดินทางเข้าพบนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา เพื่อยื่นหนังสือร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำอันอาจจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งของนางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ ๒ พรรคเพื่อไทย และพวก จำนวน ๓๕ คน ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.นครราชสีมา

นายสุนทรเปิดเผยว่า ในฐานะประชาชนชาวโคราชซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.ในพื้นที่ มาร้องเรียนขอให้ กกต.จังหวัดฯ ตรวจสอบคุณสมบัติของนางยลดาขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ฯ โดยเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ ในการประชุมสภา อบจ.ฯ สมัยสามัญที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ได้ยื่นญัตติขออนุมัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ ไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ โดยมี ส.อบจ.เข้าร่วมประชุม ๓๙ คน ยกมือเห็นชอบตามที่ นายก อบจ.นครราชสีมา เสนอญัตติ จำนวน ๓๖ คน (รวมนายก อบจ.) และงดออกเสียง ๓ คน การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๖๒ (และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๖ รวมทั้งสิ้น ๑๒ โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๓,๘๗๓,๙๑๘ บาท เนื่องจากในห้วงระยะเวลาดังกล่าวไม่มีภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติแต่อย่างใด ซึ่งต่อมาในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ นางยลดาขอลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมกับ ส.อบจ.ในกลุ่มอีก ๑๕ คน ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.อีกสมัย การกระทำของนางยลดาและ ส.อบจ.เกี่ยวกับการอนุมัติโครงการดังกล่าว อาจเป็นการกระทำฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๖๒ (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบันที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๖ มาตรา ๖๕ ซึ่งมีโทษตาม ๑๒๖ แห่งกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากหากพบว่ากระทำผิดจริงก็อาจถึงขั้นโดนใบแดงได้ จึงมาร้องขอให้ กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา เร่งดำเนินการตรวจสอบ เพราะจะมีผลกระทบต่อความไม่สุจริตในการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.นครราชสีมา ที่จะมีขึ้นในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

กกต.ยอมรับเรื่องร้องเรียน‘ยลดา’ มีมูล
จากนั้นในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘ ที่ห้องประชุมโรงแรมเซ็นทาราโคราช มีการประชุมสัมมนาโครงการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน “สร้างผู้ปฏิบัติงานการเลือกตั้งมืออาชีพ” โดยมีเครือข่ายพลเมืองซึ่งเป็นผู้แทนระดับอำเภอในพื้นที่ จ.นครราชสีมา รวมทั้งสิ้น ๑,๒๘๐ คน ร่วมกิจกรรม มีนายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายไพฑูรย์ ถนัดหมอ รองผอ.กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ร่วมสร้างการรับรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและเป็นผู้ช่วยเหลือปฏิบัติงานในการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย เกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกและส.อบจ.นครราชสีมา ในวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

นายไพฑูรย์ ถนัดหมอ รอง ผอ.กกต.จ.นคร ราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้ยื่นหนังสือต่อ กกต.นครราชสีมา ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือ “มาดามหน่อย” ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ ๒ บ้านใหญ่โรงแป้งที่สมัครในสังกัดพรรคเพื่อไทย โดยในขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา ซึ่งมีการประชุมสภาสมัยสามัญที่ ๒ ครั้งที่ ๓ วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ ญัตติ เรื่อง ขออนุมัติโอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ เป็นการโอนตั้งจ่ายรายการใหม่ อ้างครุภัณฑ์เดิมชำรุดและครุภัณฑ์ไม่เพียงพอกับการปฏิบัติงาน จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อน มีรายการโอน ๑๒ รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๓,๘๗๓,๙๑๘ บาท องค์ประชุมมีสมาชิกสภา อบจ.นครราชสีมา เข้าร่วมประชุม ๓๙ คน เห็นชอบ ๓๖ คน งดออกเสียง ๓ คน การกระทำดังกล่าวอยู่ในห้วงเวลา ๙๐ วัน ก่อนนางยลดาจะยื่นหนังสือลาออกในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ (ครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗)

นายไพฑูรย์ ถนัดหมอ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าพยานหลักฐานมีมูล จึงได้รับเรื่องไว้พิจารณาตามกระบวนการเหตุอันสงสัยนางยลดา และพวกที่เป็น ส.อบจ.จำนวน ๓๖ คน กระทำการขัดต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๖๒ (และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๖ มาตรา ๖๕ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ซึ่งมีโทษตามมาตรา ๑๒๖ แห่งกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมอนุมัติโครงการหรือกิจกรรมใหม่ ซึ่งมีลักษณะเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จัดทำให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใด เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสืบสวนไต่สวน ส่วน ส.อบจ.ที่ยกมือเห็นชอบ ต้องดำเนินการไต่สวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง สนับสนุนส่งเสริมหรือไม่ อย่างไร ต้องพิจารณาแยกเป็นแต่ละกรณี ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาต่อไป

ร้องเรียนต่อเนื่อง
ต่อมาวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ ที่โคราชฮอลล์ เซ็นทรัลโคราช นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน กิจกรรมหลักการมีส่วนร่วมส่งเสริมการเลือกตั้งนายกและส.อบจ.นครราชสีมา) โดยมีภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อน ประกอบด้วย ศส.ปชต. และเครือข่ายประชาธิปไตย ลูกเสืออาสา กกต. เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย นักศึกษา วิชาทหาร (รด.จิตอาสา) อสม. กรรมการหมู่บ้าน และอื่นๆ รวมทั้งสิ้น ๑,๖๐๐ คน รับฟังนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผอ.กกต.จ.นครราชสีมา และทีมวิทยากร สร้างความรับรู้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอบรมให้ ศส.ปชต. และเครือข่ายสังเกตการณ์การเลือกตั้ง อบจ.ในวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ เปิดเผยว่า ล่าสุด กกต.ได้รับเรื่องร้องกล่าวหาผู้สมัครทำผิดกฎหมายรวม ๕ เรื่อง ประกอบด้วยผู้สมัครนายก อบจ., สมาชิกสภา อบจ.นครราชสีมา เขต อ.ขามทะเลสอ อ.บัวใหญ่ อ.ประทาย และ อ.แก้งสนามนาง ส่วนใหญ่เป็นประเด็นการซื้อเสียง และผู้ที่รับเงินได้นำมาลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่เกิดเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานนำมาพิจารณาเบื้องต้นว่าจะสามารถประกอบสำนวนร้องทุกข์กล่าวโทษได้หรือไม่

‘หน่อย’หาเสียง ยังไม่ว่างตอบสื่อ
จากนั้นในวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๘ ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดครราชสีมา นายสุนทร แพงไพรี ชาวเมืองโคราช ได้เดินทางมา สอบถามความคืบหน้ากับนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ  ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา กรณีที่เคยยื่นหนังสือเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ ให้ตรวจสอบคุณสมบัตินางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือ “มาดามหน่อย” ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ. เบอร์ ๒ ในขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา

นายสุนทร แพงไพรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ครบ ๗ วัน หลังยื่นคำร้อง จึงมาทวงถามความคืบหน้าการดำเนินการเป็นเช่นไร ซึ่งได้รับคำตอบกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน กกต.มีมติรับคำร้องอยู่ระหว่างไต่สวนเรียกเอกสารการประชุมสภามาตรวจสอบตามกระบวนการกล่าวหาว่าเป็นไปตามคำร้องหรือไม่ ขั้นตอนต่อไปก็เป็นหน้าที่ กกต.ดำเนินการตามกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งนี้การร้องครั้งนี้เป็นโมเดล ๗๗ จังหวัด ภาคประชาชนต้องเข้มแข็งและตรวจสอบนักการเมืองที่อาสาทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่อยากให้นักการเมืองมาทำธุรกิจการเมืองและต้องรู้หน้าที่รู้บทบาทของตัวเอง เพราะเงินเดือนและงบประมาณได้มาจากเงินภาษีจากประชาชน

ทั้งนี้ สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา มีหนังสือลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๘ ลงนามโดยนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผอ.กกต.ฯ ตอบนายสุนทรฯ ในเรื่องที่ขอทราบผลการร้องเรียนการทุจริตของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยระบุว่า กรณีดังกล่าว ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาได้มีคำสั่งรับเรื่องไว้ดำเนินการไต่สวนแล้ว โดยมอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจำจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการไต่สวนและสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.๒๕๖๑ แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๖๖ ข้อ ๕๒ และข้อ ๕๙ หากผลเป็นประการใดจักแจ้งให้ทราบต่อไป

ต่อมาวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๐.๔๕ น. “โคราชคนอีสาน” ได้ติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือของนางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ ๒ เพื่อสอบถามรายละเอียดกรณีที่มีคนไปร้อง กกต. แต่มีผู้หญิงรับสายและระบุว่าเป็นเลขาฯ แต่ไม่บอกชื่อ โดยทีมข่าวพยายามถามแล้ว ได้รับข้อมูลว่า ขณะนี้นางยลดาลงพื้นที่ปราศรัย วันนี้ลงพื้นที่ปราศรัย ๑๐ จุด ยังไม่สะดวก และก็ไม่ได้ติดต่อยาก แต่ลงพื้นที่ปราศรัย เมื่อถามว่า ลงพื้นที่ปราศรัย มือถือไม่ได้นำลงพื้นที่ไปด้วยหรืออย่างไร? ได้รับคำตอบว่า ลงพื้นที่ปราศรัย ผู้ติดตามถือมือถือ แล้วย้อนถามทีมข่าวว่า “คุณเข้าใจไหม” ทีมข่าวจึงถามว่า “เข้าใจ แต่จะไม่ว่างสักนิดหรืออย่างไร” ได้รับคำตอบว่า “ไม่ว่าง ตอนนี้ลงพื้นปราศรัยที่ขามสะแกแสง” ทีมข่าวจึงถามอีกว่า “แล้วจะไม่ว่างสัก ๑ นาทีหรือ ๕ นาทีหรืออย่างไร?” ได้รับคำตอบจากผู้ที่ระบุว่าเป็นเลขาฯ ว่า “เดี๋ยวถ้าสะดวกจะติดต่อกลับไป”  ซึ่ง “โคราชคนอีสาน” ไม่ได้รับการติดต่อกลับมากระทั่งการเลือกตั้งเสร็จสิ้น

ส่งเรื่องให้ฝ่ายสืบสวน
ต่อมาในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๘ “โคราชคนอีสาน” ได้สอบถามนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผอ.กกต.จังหวัดนครราชสีมา ถึงการเลือกตั้งอบจ.นครราชสีมาว่ามีการร้องเรียนกี่เรื่อง รวมทั้งการร้องเรียนกรณีนางยลดาว่า มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง นายสุรพงษ์ฯ ตอบว่า “การร้องเรียนยังมีเข้ามาเรื่อยๆ ประมาณสิบกว่าเรื่อง ส่วนการร้องเรียนผู้สมัครนายก อบจ.ฯ เบอร์ ๒ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่มีการส่งเรื่องให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กกต.จังหวัดฯ พิจารณาดำเนินการแล้ว จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฝ่ายสืบสวนและไต่สวน กกต.จังหวัดฯ”  

เชิญรับทราบข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ.นครราชสีมาครั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการฝ่ายสืบสวนและไต่สวน กกต.จังหวัดฯ ทำหนังสือเชิญผู้สมัครส.อบจ.นครราชสีมาหลายรายไปรับทราบข้อกล่าวหา ตามที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่ส่วนได้ทำการไต่สวน กรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๖๕ (๒) แห่งพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๖๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๖ เพื่อให้โอกาสในการให้ถ้อยคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตามมาตรา ๔๓ แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.๒๕๖๐ และข้อ ๕๔ ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๖๖

โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
สำหรับการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง อบจ.นครราชสีมา ผู้สมัครโหมหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยนายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ ๓ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๗.๐๐-๑๙.๐๐ น. ณ ลานอนุสรณ์สถานวีรกรรมท้าวสุรนารี ใกล้กับอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ถึงนโยบายและแสดงวิสัยทัศน์ กับบทสรุปการเดินทาง ๑ แสนกิโลเมตร ๓๒ อำเภอ ๒๘๙ ตำบล ในขณะที่นางยลดา หวังศุภกิจโกศล เบอร์ ๒ ลงพื้นที่ปราศรัยตามพื้นที่อำเภอต่างๆ และในช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้สมัครทั้งสองรายนี้ไปเดินแนะนำตัวและหาเสียงในงานตรุษจีนถนนจอมพลโคราชด้วย

‘๑ กุมภา’วันเลือกตั้ง
บรรยากาศในวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง อบจ.นครราชสีมา เวลาเปิดหีบ ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งทยอยออกไปใช้สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดย กกต.คาดการณ์ว่าจะมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ ๖๒% ค้านกับประชาชนหลายคนที่ไม่สะดวกเดินทางมาเลือกตั้งในวันเสาร์เพราะต้องทำงาน กระทั่งเวลาถึงเวลาปิดหีบและเริ่มนับคะแนนตามหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งในหลายหน่วยผู้สมัครนายก อบจ.เบอร์ ๓ นายมารุตมีคะแนนนำ แต่ในเขตอำเภอรอบนอกนางยลดา เบอร์ ๒ มีคะแนนนำเกือบทุกกระดาน ในขณะที่ในเขตเมืองหลายหน่วย นายทักษิณ เบอร์ ๑ มีคะแนนนำทั้งเบอร์ ๒-๓ สร้างความแปลกใจให้กับประชาชนส่วนใหญ่อย่างมาก เนื่องจากแทบไม่พบว่ามีการหาเสียง

‘ยลดา’ ชนะอีกสมัย
ทั้งนี้ เมื่อการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเสร็จ ปรากฏว่า ผู้สมัคร เบอร์ ๑ นายทักษิณ เขื่อนโคกสูง ได้ ๑๒๙,๘๕๗ คะแนน เบอร์ ๒ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล ได้ ๖๒๑,๘๒๒ คะแนน เบอร์ ๓ นายมารุต ชุ่มขุนทด ได้ ๑๘๑,๘๕๖ คะแนน และ ร.ต.อ.นิติรักษ์ ฟักกระโทก ได้ ๓๙,๓๖๗ คะแนน โดยในส่วนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา จำนวน ๒,๑๙๗,๙๒๗ คน ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ๑,๑๕๕,๑๔๒ คน (ร้อยละ ๕๒.๕๖) บัตรที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน ๑๑๐,๙๓๔ ใบ (ร้อยละ ๙.๖๐) บัตรดี ๙๒๗,๙๐๒ ใบ (ร้อยละ ๘๔.๒๒) และบัตรเสีย ๗๑,๓๐๖ ใบ (ร้อยละ ๖.๑๗)

ต่อมาในแฟนเพจเฟซบุ๊ก “หน่อย-ยลดา หวังศุภกิจโกศล” ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ขอขอบพระคุณ ๖๒๑,๘๒๒ คะแนนที่มอบให้ หน่อย ยลดา หวังศุภกิจโกศล จะตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องชาวโคราชค่ะ” ในขณะที่นายมารุต ชุ่มขุนทด เบอร์ ๒ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “มารุต กอล์ฟ ชุ่มขุนทด” ว่า “ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวโคราช ที่ได้ลงคะแนนเลือกผม มารุต ชุ่มขุนทด ทั้ง ๑๘๑,๖๒๔ คะแนน อาจจะไม่เพียงพอสำหรับชัยชนะในวันนี้ แต่มากพอที่จะจุดประกายความหวัง ไปสู่ความเปลี่ยนแปลง … เรามาเดินไปข้างหน้าด้วยกันครับ”

‘มารุต’ได้ ๑.๘ แสน
พร้อมกันนี้ นายมารุต ชุ่มขุนทด ยังเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “ผลรวมคะแนน ๑.๘ แสน เกินความคาดหวังมาก เพราะเน้นหาเสียงออนไลน์ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.เมือง สามารถชนะ ๕ เขต จากจำนวนทั้งหมด ๘ เขตเลือกตั้ง ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจากเป็นย่านเศรษฐกิจและบ้านจัดสรร ผมลงแข่งครั้งแรกโดยไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมืองก็ตอบรับเป็นอย่างดี ต้องนำคะแนนมาวิเคราะห์กัน เพื่อกำหนดทิศทางที่จะเดินต่อไป การเดินทางหาเสียงกว่า ๑ แสนกิโลเมตร ครบเป้าหมาย ๒๘๙ ตำบล ได้เห็นได้รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับข้อมูลของโคราชมากขึ้น จึงนำไปสู่การเข้าใจถึงปัญหาการเปลี่ยนเป็นนโยบาย หลายพื้นที่ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียและการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภค พบเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม เนื่องจากมีพื้นที่ห่างไกลกัน โครงสร้างพื้นฐานไม่ทั่วถึงสถานพยาบาลสถานที่ราชการไม่ครอบคลุมอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ขอแสดงความยินดีกับ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ ในเรื่องของนโยบายต่างๆ ของผม หากเห็นความน่าสนใจและตรงกับทิศทางการบริหารยินดีให้นำไปใช้เพื่อพัฒนาเมืองโคราชของเราต่อไป”

โดยในช่วงเย็นวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ นายมารุตได้ขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนในเขตเมืองที่สนับสนุนลงคะแนนให้ รวม ๘ เขตอำเภอเมืองได้คะแนนรวม ๖๐,๘๙๘ คะแนน ซึ่งเอาชนะนางยลดาได้ใน ๕ เขต ได้แก่ เขต ๑, ๒, ๔, ๖, ๘ รวมทั้งอำเภอพระทองคำที่ได้ ๗,๒๓๗ คะแนน ในขณะที่เขตอำเภอเมือง นางยลดาได้คะแนนรวม ๖๔,๒๙๑ คะแนน ส่วนอำเภอพระทองคำนางยลดาได้ ๗,๑๑๓ คะแนน พร้อมทั้งเดินสายขอบคุณประชาชนในอำเภอบัวใหญ่ โนนสูง และขามสะแกแสง เป็นต้น

‘โคราชชาติพัฒนา’ได้ ๖ ที่นั่ง
ทางด้านผลการแข่งขันของสมาชิกสภา อบจ.นครราชสีมาทั้ง ๔๘ เขตนั้น ในพื้นที่อำเภอเมือง ๘ เขต ซึ่งสมัยที่ผ่านมา ทีมโคราชชาติพัฒนารักษาเก้าอี้ไว้ได้ ๖ เขต อีก ๒ เขตคือเขต ๒ เป็นของนายอดุลย์ อยู่ยืน ส.อบจ.หลายสมัย และส.อบจ.หน้าใหม่ในเขต ๗ อย่าง น.ส.ธัญญารัตน์ กาญจนวัฒนา รัตนชินกร (นก) โดยในสมัยนี้มีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ด้วย และมีผู้สมัครจาก ๓ ทีม ได้แก่ โคราชชาติพัฒนา, พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ซึ่งในเขต ๑ มีผู้สมัคร ๖ คน โดยนายองอาจ พฤกษ์พนาเวศ (โจ้) ทีมโคราชชาติพัฒนา อดีตส.อบจ.เขต ๓ ย้ายมาลงสมัคร เจอกับนายธนาคม วิมลวัตรเวที อดีตประธานสภาเทศบาลนครฯ พรรคประชาชน และนายอัคคชา พรหมสูตร พรรคเพื่อไทย โดยนายองอาจคว้าชัยชนะ ได้ ๗,๗๖๙ คะแนน

เขต ๒ อำเภอเมือง อดีตส.อบจ.หลายสมัย นายอดุลย์ อยู่ยืน พรรคเพื่อไทย เจอของแข็ง เมื่อทีมโคราชชาติพัฒนาส่งนางวันเพ็ญ สุวัฒโนดม รองนายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล และลูกสะใภ้โรงแรมโกลเด้นแลนด์มาลงสมัคร เอาชนะได้ ๙,๗๕๙ คะแนน ส่วนนายอดุลย์ได้ ๘,๖๕๗ คะแนน
เขต ๓ อำเภอเมือง ล้วนเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ และทีมโคราชชาติพัฒนาได้เปรียบ เมื่อส่งนายเกริกฤทธิ์ โชติธาพิพัฒน์ ส.ท.นครฯ เขต ๓ และทนายความของนายประเสริฐ บุญชัยสุข มาลงสมัคร และยังมีนายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง คนเคยอยู่ในสำนักงานสุวัจน์ฯ เป็นผู้ช่วยหาเสียงอีกด้วย และได้รับชัยชนะ ได้ ๗,๗๑๑ คะแนน เอาชนะผู้สมัครอีก ๒ คน คือ นายอาทิตย์ จุฑาจินดาเขต พรรคประชาชน และนายอำพร มณีกรรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง ซึ่งป.ป.ช.ชี้มูลหลายคดีแต่คดียังไม่ถึงที่สุดจึงมาลงสมัครได้

เขต ๔ อำเภอเมือง เขตนี้ส.อบจ.เก่าอย่างนายประพจน์ ธรรมประทีป ไม่ลงสมัคร  โดยโคราชชาติพัฒนาส่งนายสุมิตร คเชนทร์ชาติ ปราบจะบก เจ้าพนักงานศาลปกครองและทีมกฎหมายของนายประเสริฐ บุญชัยสุข ลงประชันกับนายกฤษฏวัฒน์ อินทรักษา หรือ “บิ๊ก” ลูกชายของร.ต.อ.สุปชัย (หลี) อินทรักษา อดีตนายกเทศมนตรีปรุใหญ่ และนางฉมามาศ อินทรักษา นายกเทศมนตรีปรุใหญ่ ซึ่งร.ต.อ.สุปชัยยอมรับว่าหนักใจเมื่อลูกชายต้องเจอกับนายสุมิตรซึ่งเอาชนะได้ ๘,๘๙๐ คะแนน ส่วนนายกฤษฏวัฒน์ได้ ๘,๕๐๕ คะแนน

พรรคประชาชนเบียดได้ ๒ เขต
เขต ๕ อำเภอเมือง มีอดีตส.อบจ.มาเจอกัน ๒ คนและเคยอยู่ทีมโคราชชาติพัฒนาด้วยกัน คือ นายก้องเกียรติ วงศ์นิยม ที่ลงสมัครในสังกัดพรรคเพื่อไทย และนางสาวรัชฎา ใจกล้า (นก) ในสังกัดโคราชชาติพัฒนา โดยมีคู่แข่งคือนายเฮียหยูกฤตภาส เกศศรีชัย พรรคประชาชน นักธุรกิจโลงศพและรับจัดงานศพ และนายเฮียหยูกฤตภาสเอาชนะได้ ๑๑,๑๐๘ คะแนน ส่วนนางสาวรัชฎาได้ ๙,๕๙๔ คะแนน นายก้องเกียรติได้เพียง ๑,๒๐๕ คะแนน

เขต ๖ อำเภอเมือง เจ้าของพื้นที่เดิมคือ “ส.จ.ปลื้ม” นายธีรวีร์ มิตรสูงเนิน ทีมโคราชชาติพัฒนา รักษาเก้าอี้ไว้ได้ด้วย ๙,๘๗๓ คะแนน

เขต ๗ อำเภอเมือง มีผู้สมัคร ๕ คน โดยน.ส.ธนัชพรรณ พัฒน์จินากูล ทีมโคราชชาติพัฒนา แพ้น.ส.นางสาวพศวีร์ ภูนพมาศพงษ์ จากพรรคประชาชน ที่ได้ ๘,๖๔๒ คะแนน

เขต ๘ อำเภอเมือง สมัคร ๔ คน แต่ “ส.จ.บอส” นายสรรชัย กาญจนวัฒนา ทีมโคราชชาติพัฒนา รักษาเก้าอี้ไว้ได้ ๙,๓๑๗ คะแนน

ต่างอำเภอส.จ.ใหม่ล้มแชมป์เก่าหลายราย
สำหรับผลการเลือกตั้งส.อบจ.ในต่างอำเภอ ๔๐ เขต มีผู้สมัครหน้าใหม่ที่ได้รับเลือกตั้งและล้มแชมป์เก่าได้แก่ อำเภอโนนสูง เขต ๑ นายประสงค์ แจนดอน พรรคเพื่อไทย ล้มแชมป์เก่าหลายสมัยนายสถาพร โชติกลาง, อำเภอด่านขุนทด เขต ๑ นายอภิรักษ์ ด่านกุล พรรคเพื่อไทย หลานชายนายรชตะ ด่านกุล ส.ส.นครราชสีมา เขต ๑๕ พรรคเพื่อไทย ชนะ “ทนายต้น” นายเจษฎา พิทยาภรณ์ แชมป์เก่า, อำเภอขามสะแกแสง นางสาวกนกอร รวมกลาง อดีตนายก อบต.หนองหัวฟาน ล้มทายาทแชมป์เก่า, อำเภอสีดา นายธนัท  ศิริศักดิ์ ชนะส.จ.เก่าอย่างนายศิริพิพัฒน์ ประจิตร พรรคเพื่อไทย, อำเภอประทาย นายอัครวัฒน์ กุลเฉลิมพัฒน์ ชนะส.จ.เก่าอย่างนายราเมศ เรืองธนานุรักษ์ และอำเภอพระทองคำ นายบัณฑิต ชูชื่น อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.พรรคก้าวไกล ซึ่งสมัยนี้ลงสมัครในสังกัดพรรคเพื่อไทย เอาชนะคู่แข่งอย่างนางอิสริยา พนัสอัมพร ส.จ.เก่าได้

อนึ่ง ต้องติดตามว่า กกต.จะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนี้อย่างเป็นทางการและรับรองผู้สมัครนายก อบจ. และส.อบจ.นครราชสีมา ภายใน ๓๐ วันหรือไม่ รวมทั้งผู้สมัครที่มีเรื่องร้องเรียนนั้น ผลจะออกมาอย่างไร


หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน ฉบับครบรอบปีที่ ๕๐ ฉบับที่ ๒๗๗๒ วันที่ ๑๕ มกราคม - วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘


228 7,583