3rdFebruary

3rdFebruary

3rdFebruary

 

April 04,2015

‘กสิกรไทย’แนะกิจการใหญ่ เร่งสร้างเครือข่ายพันธมิตร หวังขึ้นแท่นกลุ่มลูกค้าธุรกิจ

   ธนาคารกสิกรไทยชี้ทางออกแก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทย เร่งหาพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มเครือข่ายอุตสาหกรรม เสริมภูมิต้านทานทางการตลาดและการเงิน เพื่อให้สามารถบริหารสภาพคล่องและขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมทั้งปีเติบโต ๑๓% ขึ้นแท่นเป็นธนาคารหลักในการทำธุรกรรมของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ

นายจงรัก รัตนเพียร

 

    เมื่อเร็วๆ นี้ นายจงรัก รัตนเพียร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วง ๓-๔ ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ของประเทศไทย ได้เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ผ่านการมีวินัยทางการเงินและความสามารถในการจัดการธุรกิจและบริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากอัตราการเติบโตของยอดขายและหนี้สินที่สอดคล้องกันอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๑๑ ทั้งยังพบว่าการบริหารต้นทุนปรับตัวดีขึ้น จากการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่ายอดขายที่ร้อยละ ๑๕ และร้อยละ ๑๑ ตามลำดับ รวมทั้งมีแนวโน้มของภาระหนี้สินที่ลดลง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก ๓.๒ เท่า เป็น ๒.๙ เท่า จึงทำให้มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยสูงกว่า ๒๐ เท่า ชี้ให้เห็นศักยภาพทางการเงินที่จะต้านทานความผันผวนทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
    “อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของโลกยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหลัก ประกอบกับสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักในตลาดโลกที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารต้นทุนและความเสี่ยงเพื่อเสริมภูมิต้านทานทางการเงิน” นายจงรัก กล่าว

    นายจงรัก ชี้ให้เห็นอีกว่า ธุรกิจจะเติบโตไปได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน จำเป็นที่จะต้องรวมกลุ่มเป็นพันธมิตรในเครือข่ายอุตสาหกรรมหรือห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเวลาในการบริหารจัดการที่จะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุน ซึ่งการรวมกลุ่มพันธมิตรยังสามารถสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่เป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากที่สุดได้มีการเปิดตลาดในภูมิภาค AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) บ้างแล้ว โดยเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าโครงการการลงทุนในต่างประเทศจาก ๘๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นกว่า ๑ ล้านล้านบาท ซึ่งกลุ่มพันธมิตรในห่วงโซ่ธุรกิจสามารถร่วมมือกับผู้นำห่วงโซ่เปิดตลาดในภูมิภาคใหม่ๆ ได้ นับเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการหาตลาดใหม่เองโดยปราศจากเครือข่ายของพันธมิตรทางธุรกิจ
    นายจงรัก กล่าวในท้ายสุดว่า ในปี ๒๕๕๘ ธนาคารกสิกรไทยมีแผนขยายเป้าหมายการให้บริการ K-Value Chain Solutions ไปยังธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ขนส่ง อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรอุตสาหกรรม และธุรกิจค้าส่ง เป็นต้น ผ่านการให้คำแนะนำและการทำจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อให้คำตอบที่ครบวงจรแก่ผู้ประกอบการและส่งเสริมการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำหรับผลประกอบการของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทปี ๒๕๕๘  มั่นใจว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าที่ร้อยละ ๔-๕ โดยตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมทั้งปีที่ร้อยละ ๑๓ ขึ้นแท่นอันดับ ๑ ในการเป็นธนาคารหลักในการทำธุรกรรมของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ


ฉบับที่ ๒๒๘๓ วันพุธที่  ๑ - วันอาทิตย์ที่  ๕  เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘


689 1,362