15thNovember

15thNovember

15thNovember

 

January 09,2016

‘จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม”กับการรอคอยที่มาถึง เรียนรู้ประเพณีอีสาน : มังมูน..บุญข้าว

          “พรุ่งนี้มีใครจะไปจิม ทอมป์สัน กับผมมั้ย?”

          “น้องบอย-ธาตรี ช่างเหล็ก” ผู้สร้างสรรค์สารคดีรายการ “ภาพชีวิต” ป้อนเคเบิลทีวีในโคราชถามฉันมาในกล่องข้อความเฟซบุ๊ก นัยว่าน้องคงหาเพื่อนร่วมเดินทางไป เพราะหลายคนที่ผูกพันคงไม่ว่าง... ฉันใช้เวลาตัดสินใจก่อนเดินทางไม่ถึง ๒ ชั่วโมง ก็ตอบกลับไปว่า “พรุ่งนี้มารับพี่ที่สำนักงานด้วยนะคะ..”…

          ถือว่า การรอคอยของฉันสิ้นสุดลง เพราะตลอดเวลากว่า ๑๕-๑๖ ปีที่มาอยู่โคราช และมีการเปิดฟาร์มของ “จิม ทอมป์สัน” ฉันก็มีความตั้งใจที่จะไปเยือนสักครั้ง แต่ก็มีอันต้องไม่ได้ไปทุกทีสิน่า ทั้งที่อยู่ใกล้แค่อำเภอปักธงชัย เมื่อโอกาสในครั้งนี้มาถึง จึงตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็ว..

          แล้วการเดินทางสู่ “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม” ครั้งแรกของฉันก็มาถึงในวันที่ฟ้าครึ้ม ฝนรินเป็นระยะ แต่เมื่อถึงที่หมายก็ไร้ฝน นับเป็นความโชคดีของฉันที่ไม่ต้องผจญกับแสงแดดอันร้อนระอุในฤดูหนาวที่ปราศจากลมหนาวให้ได้สัมผัส การมาครั้งนี้ “บอย” ติดต่อมาหา “คุณต้อง” (ต้อง บุตรศรีชา) ผู้จัดการบริหารงาน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เป็นการล่วงหน้าแล้ว เราจึงได้รับการอำนวยความสะดวกทั้งการเดินทางเข้าชมและข้อมูลต่างๆ.... ในวันที่เราไปเป็นวันธรรมดา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเป็นเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลไปถึงมัธยมศึกษา จำนวนก็ไม่มากมายจนเกินไป... ฉันคงไม่ต้องสาธยายกระมังว่า “จิม ทอมป์สัน” เป็นใคร เพราะระหว่างที่นั่งรถรางไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ นั้น ก็มีเสียงบรรยายถึงประวัติของเขาโดยสังเขปแล้ว ซึ่งเขาหายสาบสูญไประหว่างที่เดินทางไปพักผ่อนที่มาเลเซียเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๐ นั่นเอง

          สำหรับการเปิดฟาร์มที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ของ “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม” ในทุกปีจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมไปถึงต้นเดือนมกราคมของอีกปี เป็นเหมือนกิจกรรมที่ผู้คนเฝ้ารอ บางคนรอที่จะไปถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ บางคนรอที่จะไปถ่ายรูปกับฟักทอง จึงไม่แปลกที่จะเห็นในเฟซบุ๊กของแต่ละคนที่อัพรูปที่ถ่ายกับดอกไม้และฟักทองมาอวดกัน แต่จริงๆ แล้ว “จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ที่จัดขึ้นในแต่ละปีนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เป็นต้นมานั้น มีสาระและแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป แต่หลักใหญ่ใจความคือ มีเจตนารมณ์ที่จะอนุรักษ์และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวอีสานให้คงอยู่อย่างยั่งยืน โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มังมูน บุญข้าว” เป็นการนำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์และความผูกพันทางวัฒนธรรมระหว่าง “ข้าว” กับ “วิถีชีวิตของชาวอีสาน” ผ่านจารีตประเพณี ๑๒ เดือน หรือ “ฮีตสิบสอง” โดยสร้างสรรค์กิจกรรมไฮไลต์ สาธิตงานบุญดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับข้าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในแต่ละงานบุญ


ภาพซ้าย : ผศ.ยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ (ท็อป)

          “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม” มีการปรับภูมิทัศน์โดยสอดแทรกกลิ่นอายแห่งอีสานพื้นถิ่นในทุกจุดท่องเที่ยว เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหมายของแนวคิด “มังมูน บุญข้าว” เริ่มตั้งแต่การตกแต่งประตูทางเข้าฟาร์มที่สะกดสายตาด้วย “ซุ้มข้าวหลาม” และ “ลานม่วนซื่นชาวนา” ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวนา รวมถึงการตกแต่งแลนด์มาร์คฟักทองยักษ์ด้านหน้าฟาร์มด้วย “ต้นมาลัยไม้ไผ่” ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวภูไทในบ้านกุดหว้า จังหวัดกาฬสินธุ์ และในส่วนของ “๕ จุดท่องเที่ยว” ภายใน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ที่สร้างสรรค์ความพิเศษ และความแปลกใหม่เพิ่มเติม โดยทั้ง ๕ จุดท่องเที่ยวที่ถูกจัดสรรไว้ ประกอบด้วย จุดที่ ๑ “ทุ่งคอสมอสและแปลงเก็บผักปลอดสาร” ซึ่งจะพบกับสีสันของทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูอันกว้างใหญ่บนพื้นที่กว่า ๔๐ ไร่ พร้อมทั้ง “สวนลอยฟ้า” ที่มีทั้งไม้ดอกและเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ สนุกสนานกับการเก็บผักสดๆ จาก “แปลงผักปลอดสาร U-Pick Garden” ตื่นตาตื่นใจกับกิจกรรมไฮไลท์ประจำจุดท่องเที่ยวนี้ กับ “รถนิทรรศการหมอลำเคลื่อนที่” (Molam Mobile Bus) ที่มีทั้งนิทรรศการหมอลำ เวที และรถบัสนอน ซึ่งพร้อมพานักท่องเที่ยวเดินทางสู่โลกแห่งหมอลำอันเป็นแก่นแท้ตามแบบฉบับของวิถีชีวิตชาวอีสาน

          เมื่อนั่งรถมาถึง จุดที่ ๒ “ลานฟักทองและทุ่งดอกไม้หลากสี” ซึ่งเป็นจุดชมวิวธรรมชาติ เห็นภูเขาพญาปราบเป็นเบื้องหลัง ตระการตากับทุ่งดอกไม้หลากสีที่ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพกัน และลานฟักทองที่หลายคนนิยมถ่ายภาพ ซึ่งจุดนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความไร้วินัยและไร้มารยาทของนักท่องเที่ยวพอควร เพราะมีการแหวกเข้าไปในทุ่งดอกไม้ ทำให้ความสวยงามลดน้อยถอยลงมาก... ณ ที่แห่งนี้จะพบกับขบวนเซิ้งบั้งไฟและการเอ้บั้งไฟลวดลายอีสานโบราณที่แห่ผ่านทุ่งดอกไม้อย่างครึกครื้น เพื่อไปสู่จุดที่ ๓ “หมู่บ้านอีสาน” ซึ่งจะผ่านแปลงข้าวสารพัดพันธุ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ พร้อมชื่นชมความอลังการของปราสาทข้าวที่สูงกว่า ๑๔ เมตร โดดเด่นด้วยรูปทรงคล้ายกับปราสาทหินพิมาย

          “หมู่บ้านอีสาน” เป็นจุดที่ฉันประทับใจมากที่สุด เพราะหาชมยากแล้วสำหรับทุกสิ่งอย่างที่นำมาจัดแสดง ทั้งบ้านเรือนโบราณที่ยกใต้ถุนสูง มีการจัดแสดงเรื่องราวของวิถีชนบทอีสานหลากหลาย รวมทั้งการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ทอผ้าไหมสวยๆ และกิจกรรมเด่นของปีนี้ “มังมูน บุญข้าว” กับการสาธิต ๖ งานบุญดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับ “ข้าว” ในประเพณี “ฮีตสิบสอง” ของชาวอีสาน ซึ่งเราได้ “ผศ.ยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ” หรือ “อาจารย์ท็อป” ในฐานะที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมอีสาน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มาบรรยายให้ความรู้ ซึ่งอาจารย์ท็อปนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นศิษย์เก่า มทส. (สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม) และจบปริญญาโท ไทยคดีศึกษา จาก มมส. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาวิชาการจัดการทางวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ จึงไม่แปลกที่จะสามารถบอกเล่าเรื่องราวของ “มังมูน บุญข้าว” อย่างคนที่รู้ดี เริ่มจาก บุญคูนลาน หรือบุญเดือนยี่ จัดขึ้นเพื่อความสิริมงคลแก่ข้าวเปลือก, บุญข้าวจี่ (บุญเดือนสาม) พิธีตักบาตรพระสงฆ์ด้วยข้าวจี่, บุญผะเหวด (บุญเดือนสี่) สดับตรับฟังเทศน์มหาชาติ, บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) การบูชาพระยาแถนด้วย “บั้งไฟ” เพื่อขอให้ฝนตกตามฤดูกาล, บุญข้าวประดับดิน (บุญเดือนเก้า) ที่อุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรดาญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยข้าวและอาหารคาวหวาน พร้อมทั้งหมากพลูบุหรี่ห่อด้วยใบตองกล้วยแล้วนำไปแขวนตามกิ่งไม้ และ บุญข้าวสาก (บุญเดือนสิบ) การทำบุญที่ให้พระเณรจับสลาก เพื่อรับปัจจัยไทยทานและสำรับกับข้าวที่ญาติโยมนำมาถวาย

          เราใช้เวลาที่จุดนี้หลายชั่วโมงมาก เพราะมีหลายสิ่งให้เรียนรู้ และพักรับประทานอาหารกลางวันที่นี่ พร้อมขนมหวานอาหารหลากหลาย และร้านกาแฟให้ดื่มด่ำ เดินชมจุดแสดงต่างๆ เพลิดเพลินกับหมอลำกลอนที่ถ้าใครอยากลุกขึ้นฟ้อนก็ไม่มีใครห้าม เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว เราเดินผ่านลำนำที่มีการจำลองสิม และหอไตร มาไว้กลางน้ำดูสวยงาม

          จากนั้นเราเดินไปสู่จุดที่ ๔ “หมู่บ้านจิม” ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และร่วมทดลองกระบวนการผลิตผ้าไหมอันเป็นเอกลักษณ์ของจิม ทอมป์สันอย่างใกล้ชิดครบทุกขั้นตอนตั้งแต่แรกเริ่มของเส้นใยธรรมชาติอันมหัศจรรย์ของหนอนไหม การสาวไหม การฟอกย้อมเส้นไหม การทอผ้า และการพิมพ์ผ้าไหม และท้ายสุดเรานั่งรถรางไปยัง จุดที่ ๕ “ตลาดจิม” ซึ่งได้พบกับการจัดสวนแนวตั้งซิลเวอร์ฟอล ทุ่งดอกคอสมอสสีชมพู และผลิตภัณฑ์ทุกสิ่งอย่างของ “จิม ทอมป์สัน” อยู่ในจุดนี้ มีให้เลือกซื้อเลือกหา ทั้งผัก ผลไม้ ต้นไม้ ไม้ดอกกระถางหลากหลายสายพันธุ์ และผลผลิตทางการเกษตรทั้งสดและแปรรูป รวมทั้งผ้าไหม ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ท้ายสุดเราโดยสารรถรางมาสู่จุดเริ่มต้นเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า

          “จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ ๒๕๕๘ : มังมูน บุญข้าว” เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมระหว่างวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘–วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา ๐๙.๐๐–๑๗.๐๐ น. ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ราคาบัตรหน้าฟาร์มสำหรับวันธรรมดา บัตรผู้ใหญ่ ราคา ๑๘๐ บาท และบัตรเด็ก ราคา ๑๓๕ บาท ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ บัตรผู้ใหญ่ ราคา ๒๒๐ บาท และบัตรเด็ก ราคา ๑๘๐ บาท และวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ บัตรผู้ใหญ่ ราคา ๒๘๐ บาท และบัตรเด็ก ราคา ๒๒๐ บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ ๐๒-๗๖๒-๒๕๖๖ และ ๐๘๕-๖๖๐-๗๓๓๖ หรือติดตามผ่าน www.jimthompsonfarm.com และ www.facebook.com/JimThompsonFarm

          สิ่งที่ได้พบใน “จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์” ปีนี้ ฉันไม่อาจสาธยายได้หมด เพียงแต่อยากบอกว่า ที่นี่ไม่ได้มีแค่ดอกไม้ ฟักทอง ให้ถ่ายภาพเท่านั้น แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างให้เก็บเกี่ยว และการเปิดฟาร์มปีละครั้งเหมือนเป็นกิจกรรมสำคัญที่หลายคนเฝ้ารอ รอว่าจะหยิบยกความเป็นอีสานในเรื่องใดมาบอกเล่าแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งเฝ้ารอว่า ทุ่งดอกไม้จะสวยงามปานใด ฟักทองลูกจะใหญ่แค่ไหน?

วิรดา ลักษวุธ : เรื่อง/ภาพ

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๓๓๖ วันศุกร์ที่ ๑ - วันอังคารที่ ๕ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙

 

 


693 1,362