14thNovember

14thNovember

14thNovember

 

July 25,2017

ตอน ๙๘...ตลาดหลักสอง ปากเซ

            โคราชกลางคืนเงียบไป สัปดาห์นี้ได้มีโอกาสไปกินมื้อเย็นนอกบ้านสองวันดูแปลกๆ ไปหน่อย มันเงียบๆ คนหลวมๆ โต๊ะนั่งในร้านมีว่างให้เลือกนั่งเยอะ ความคึกคักหายไปเยอะ ส่งผลถึงสีหน้าเจ้าของร้าน ถ้าเราลองนึกภาพที่เคยคุ้นๆ ตาดีนั้น เมื่อก่อนมื้อเย็นร้านไหนก็ตามแม้จะไม่ใช่วันสุดสัปดาห์ เราก็เห็นคนวัยทำงานเลือดใหม่ๆ นั่งสังสรรค์หัวเราะกัน เดี๋ยวนี้สัดส่วนคนที่นั่งอยู่ในร้านกลับเป็นคนสี่สิบขึ้น

            “...จ่ายอย่างเมื่อก่อนยังไงไหวพี่ ผมได้สองหมื่น รถอย่างเดียวก็หมื่นแล้ว น้ำมันกับโน่นนี่นั่นอีกห้าพันที่เหลือก็ไม่เคยรอดเดือน ต้องหมุนบัตรเอา....”  เสียงจากคนที่พูดคุยกันทำงานยังไม่ถึงสองปีเลย รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อรายได้ สิ่งแรกที่คนเริ่มทำงานซื้อกันก่อนเลย

            ลองมองอย่างที่มองนะครับ เมื่อก่อนคนที่เริ่มทำงานนั้น ส่วนมากก็รถมอเตอร์ไซค์ป้ายแดง ผ่อนเดือนหนึ่งก็ ๑,๕๐๐ บาท เงินพันห้ากับหนึ่งหมื่นค่างวดรถยนต์ เงินมันเหลือในมือต่างกันหลายเท่า

            เมื่อยี่สิบปีก่อนหน้านั้น ภาพตามร้านอาหารในเขตอุสาหกรรมหลายๆ แห่ง พอตกเย็นมีแต่รถเครื่องจอดกันเต็ม แน่นหน้าร้าน ช่วงนั้นผมไปกินเหล้าบ่อย ตามประสาหนุ่มๆ ครับ กินเหล้าจีบสาวโรงงาน เพราะเขตโรงงานสาวเพียบ ตกเย็นร้าน อาหารเลยทำให้ผมเก็บภาพต่างๆ ของคนวัยทำงานไว้พอสมควร

           ไม่รู้ว่าบ้านเราเปลี่ยนไปตอนไหน รถยนต์กลายเป็นปัจจัยที่หก รองจากโทรศัพท์ ตรงไหนมีให้ทำบัตรเป็นยื่นเอกสาร พอได้บัตรมาก็ฉลองรูดปรื๊ดโชว์ศักยภาพกันหน่อย สุดท้ายหนี้จากเงินอนาคต ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนส่วนมากมีกำลังจับจ่ายได้แค่ตลาดนัด พอประคองจนกว่าจะปลดหนี้ แล้วแบบนี้ร้านอาหาร

ในเมืองจะไม่เงียบได้ยังไงละ

เลี้ยงชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก

ใช้ชีวิตพอเพียง สบาย สบาย

เหนื่อยกาย เหนื่อยสมอง..ถ้ามีหนี้

            ลืมหรือยังครับมาปากเซต้องกินปลาคัง คราวที่แล้วผมพาไปดูจุดขึ้นรถไปเมืองกาแฟ จอดอยู่หน้าตลาดนั่นละ แล้วก็เอารูปให้ดูความคึกคักของคนเมืองปากเซ ที่เดินซื้อของกันทั้งวัน ผมลืมเล่าไปนิดว่าตลาดปากเซ หรือตลาดตามหัวเมือง อื่นๆ ในฝั่งลาว เดี๋ยวนี้ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สะอาดขึ้น ผิดต่างไปจากเมื่อก่อน ตอนผมเข้าไปเที่ยวฝั่งลาวใหม่ๆ

พัฒนาการฝั่งโขงเร็วขึ้น

ตั้งแต่เปิดประตูเมืองปี ๒๕๒๘

            เอาแค่ใกล้ๆ เข้ามาหน่อย เอาเป็นสักสามปีที่ผ่านมา ตลาดเช้าในเวียงจันทน์ตลาดเมืองหลวงแท้ๆ มีขยะสดวางกระจายอยู่ริมถนน ไม่ต้องพูดถึงด้านในตลาด เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ ไม่มีขยะผักสด ไม่มีถุงพลาสติกสีขาวๆ วางแฉะเปียกเหม็น รถขยะวิ่งเก็บกันแต่เช้า รถก็จอดซ้อนคันน้อยลง

            อาหารการกินก็ปรับเปลี่ยนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น มีอาหารให้เลือกกินเยอะ เมื่อก่อนนั้นเอาแค่สามปีนะ ในตลาดมีแต่ปิ้งไก่ ปิ้งปลา ปิ้งตับวัว และข้าวเหนียวเท่านั้น ที่พอจะเป็นอาหารสำรองให้นักท่องเที่ยวได้ เดี๋ยวนี้สบายแล้วข้าวกะเพราก็มี ข้าวราดแกงหน้าตาแบบของไทย หานั่งกินได้ในตลาดเลย

            เห็นรูปข้าวแกงที่มีขาไก่ทอดอยู่มุมภาพนะครับ ปากเซ เป็นหัวเมืองของลาวทางใต้ติดกับเขมรและใกล้เวียดนาม ข้าวสวยหากินง่าย ดูที่รูปผมสั่งคล้ายๆ มัสมั่นไก่ ถาดอยู่กลางๆ ภาพ และเพิ่มขาไก่ทอดหนึ่งชิ้น ราคา ๖๐ บาท พอแม่ค้ายกมามีน้ำซุปไก่ถ้วยสี่นิ้วมาให้ด้วย ดูหน้าตาถ้วยซุปมันไม่ใช่น้ำซุปใสๆ ใส่ฟักที่ผมคุ้นเคยเท่านั้น แต่มันเป็นต้มยำไก่ดีๆ นี่เอง ฉะนั้น จ่ายไป ๖๐ บาทต่อมื้อ แถมมีผักสดให้...ถูก และคุ้ม

ย่านของกินถูกปากคนไทย..หลักสอง

อาหารพื้นเมือง เวียดนาม และไทย

            แท่น แทน แท๊น หน้าตาอาหารของกินในลาว พ.ศ.นี้ ข้าวมันไก่ก็มี ขาหมูก็มี หมูกรอบก็มี แถมมีเมนูในห้างเมืองไทยให้ได้ลองนั่งกินริมถนนเลย...ข้าวยำไก่แซบ ทุกจานตกเป็นเงินไทย คร่าวๆ กลมๆ จานละ ๕๐ บาท

            ผมสังเกตดูตามหัวเมืองลาว ร้านอาหารจะแยกกันชัดเจน อาหารพื้นเมืองจะขายอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ อาหารลูกผสมก็จะอยู่อีกย่าน อาหารตะวันตกก็จะอยู่รวมกัน อย่างเมืองนี้ถ้าเป็นอาหารตะวันตก ต้องเดินไปแถวโรงแรมจำปาสัก แถบนั้นฝรั่งนั่งกันทั้งวัน

            ไทยกับลาวอาหารการกินจะคล้ายๆ กัน มาปากเซมื้อเย็นต้องไปที่ตลาดหลักสอง (กม.๒) ตั้งโต๊ะขายอาหารกันตั้งแต่บ่ายแก่ๆ มีอาหารให้เลือกหลากหลาย  หาก็ง่ายครับ อยู่ถนนเส้นเดียวกันกับโรงแรมจำปาสัก แต่ออกไปถนนที่จะไปนอกเมืองนิดหน่อยทางไปโรงงานกาแฟดาวเรือง แค่สองกิโลเองเดินจากตัวตลาดไปสบายๆ ไม่ชอบใจก็เดินย้อนกลับขึ้นไปหาอาหารฝรั่ง แถวโรงแรมจำปาสักก็ยังได้

 

 

            ผมไม่รู้ว่าบ้านเรามีหมูกระทะน้ำจิ้มแจ่วขี้เพี้ยหรือเปล่า ขี้เพี้ยคือขี้อ่อนที่อยู่ในลำไส้ของวัว คนอีสานรวมทั้งผมด้วยชอบเอามาใส่ลาบ ใส่ก้อย หรือใส่ต้มเครื่องในวัว ขี้เพี้ยช่วยให้อาหารมีรสขมนิดๆ แต่ไม่ขมแหลมแบบใส่ดีนะครับ ขมขี้เพี้ยจะขมออกหวานนิดชุ่มคอดีนักแล เขียนแล้วนึกอยากเลย

            แต่การนำมากินจะยุ่งยากนิดหน่อย เพราะต้องเอาไปต้มให้สุก ได้น้ำสีเขียวขุ่นๆ อันนี้ละครับเขียวขี้เพี้ย หรือที่คนอีสานพูดติดปากว่าขมขี้เพี้ย ของดีที่คนไทยภาคอื่นไม่รู้จัก ลองดูนะครับ ขมติดลิ้นมีหวานชุ่มคอหน่อยๆ ... เขียวขี้เพี้ย

            เดี๋ยวจะว่าอยู่ๆ ทำไมโกแพทมาพูดเรื่องขี้เพี้ยซะงั้น คืออย่างนี้ครับ ที่ตลาดหลักสองมันมีสิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงอยู่ด้วย ไอ้ลาบก้อยใส่ขี้เพี้ยอยู่บ้านกินบ่อยแล้ว แต่มาเห็นหมูกระทะน้ำจิ้มขี้เพี้ยล้วนๆ ทำได้ยังไง ถูกคอลูกอีสานอย่างผมนัก

            ปากเซมีตลาดอาหารอย่างที่ผมเขียนไป ตลาดลาว ตลาดไทย และตลาดฝรั่ง ตลาดลาวอยู่ใกล้ๆ กับที่ผมนั่งกินขี้เพี้ยนี่ละ ห่างกันร้อยกว่าเมตรเอง มีแต่อาหารพื้นเมืองล้วนๆ ปิ้งไก่ปิ้งหมู ข้าวเหนียว และแจ่วเป็นหลัก ส่วนกลางวัน มื้อที่ดูเป็นทางการหน่อย คราวที่แล้วเอารูปลงให้ดูแล้ว ตลอดริมน้ำโขงที่มีปลาคังเป็นพระเอกไง จำได้ไหมครับ

            ส่วนมื้อเย็นที่มีเวลาสบายๆ ก็ไม่พ้นตลาดหลักสองศูนย์รวมหลายๆ อย่างไว้ย่านเดียว เสื้อผ้า ของใช้ของกิน กินอิ่มเดินดูสินค้า ดูหนังได้ด้วย

            เพราะตลาดนี้เป็นที่ตั้งของห้างใหญ่เมืองปากเซ เห็นพรมแดงๆ ที่มีรถป้ายแดงจอดขายอยู่หน้าห้างไหมครับ นี่ละศูนย์รวมวัยรุ่นของเมือง เดินผ่านตลาดหลักสองเข้ามาก็เจอเลย แล้วแบบนี้ จะไม่เข้าไปดูข้างในหรือครับ..น่าสนใจนะ

 

นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๒๔๔๖ วันศุกร์ที่ ๒๑ - วันอังคารที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐


722 1,414