October 04,2018
สนช.ลุยตรวจรถไฟทางคู่ขอนแก่น ปชช.ขอยกระดับมากกว่าทางลอด
กรรมาธิการคมนาคม สนช. ลุยตรวจปัญหาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ หลังประชาชนยืนยันขอทางยกระดับมากว่าทางลอด วอน “บิ๊กตู่” เห็นใจและเข้าใจปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบ เตรียมพึ่งอำนาจศาลปกครองช่วยเหลือ ด้วยการขอประชาพิจารณ์ใหม่
เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ นายวันชัย ศารทูลทัต รองประธานกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างดังกล่าวที่ส่งผลต่อการสัญจรไป-มา ของประชาชนและการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ๔ อำเภอ ประกอบด้วย อ.พล, แวงน้อย, แวงใหญ่ และหนองสองห้อง เนื่องจากแบบการก่อสร้างไม่สอดรับกับความเป็นจริง และไม่เป็นที่ต้องการของประชาชน โดยคณะกรรมาธิการการคมนาคม สนช. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง บริเวณจุดก่อสร้างสะพานยกระดับ ๒ จุด และอุโมงค์ทางลอด ๑ จุด ตามข้อร้องเรียนของประชาชน โดยในช่วงของการตรวจสอบนั้นได้มีประชาชนชาวอำเภอพล ถือป้ายเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับรูปแบบการก่อสร้างใหม่ทั้งหมด เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ตลอดทั้งช่วงของการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการ
จากนั้นคณะฯ ได้เข้าประชุมรับฟังความคิดเห็นตามข้อร้องเรียนดังกล่าว ที่หอประชุมอำเภอพล โดยมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการการคมนาคม สนช.รวมกว่า ๕๐๐ คน โดยมีการชูป้ายข้อความแสดงความต้องการทางยกระดับทางรถไฟ ในโครงการดังกล่าวในเขตพื้นที่อำเภอ มากกว่าการปิดถนนสัญจรของประชาชนที่การรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
โดยในช่วงการนำเสนอข้อมูลของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่เข้าร่วมประชุมนั้น ประชาชนที่มาร่วมรับฟังได้มีการโห่ร้อง และส่งเสียงคัดค้านการนำเสนอข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่ผิดไปจากความเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายอลงกต วรกี ปลัดจังหวัดขอนแก่น และ พ.อ. พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้ากองข่าว กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น เข้าควบคุมสถานการณ์และดำเนินการการประชุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายวันชัย ศารทูลทัต รองประธานกรรมาธิการการคมนาคม สนช. กล่าวว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานที่รับเรื่องร้องเรียน โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกจดบันทึกเพื่อรายงานต่อประธานกรรมาธิการการคมนาคม ได้รับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏในวันนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญประกอบกับเอกสารหลักฐานเดิมที่ประชาชนร้องเรียน สนช.ไป ทั้งนี้ ผลสรุปจะออกมาในรูปแบบใดนั้นต้องมีการสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการอีกครั้ง
นายสุภีร์ ทองมีค่า อายุ ๖๕ ปี แกนนำประชาชน กล่าวว่า ชาวขอนแก่นและพื้นที่จังหวัดข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ดังกล่าวนี้ ไม่ได้ติดใจหรือขัดขวางการก่อสร้างโครงการของรัฐบาลแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการนั้น คือการทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการจริงๆ ไม่ใช่เป็นการทำประชาพิจารณ์กันเอง โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รับทราบ จนกลายเป็นปัญหาคือการปิดถนนทางหลักที่สัญจรไป-มา ๓ จุด และมาสร้างทางลอดทางรถไฟขนาดเล็ก ๑ จุด รวมทั้งการสร้างสะพานข้ามทางรถไฟแบบเกือกม้าที่ให้รถวิ่งสวนทางได้อีก ๒ จุด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนหลายพันคนที่ต้องผ่านเส้นทางนี้ต้องการ ดังนั้น ในข้อเรียกร้องที่ประชาชนคนเมืองพล ในฐานะแกนนำหลักที่ต่อสู้มาอย่างต่อเนื่องเพื่อขอร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังปัญหาของประชาชนและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนหลายพันคนอย่างจริงจัง คือการปรับการก่อสร้างตามแบบเดิม มาเป็นการก่อสร้างทางรถไฟแบบยกระดับ หรือที่ชาวบ้านเราเรียกว่ายกราง ในระยะทาง ๖ กม. เฉพาะในพื้นที่จุดที่กำลังเป็นปัญหาเกิดขึ้นในขณะนี้
“ประชาชนชาวขอนแก่นในพื้นที่ ๔ อำเภอและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงล้วนต้องการให้ถนน ๓ เส้นทางหลักที่ถือเป็นเส้ทางสายหลักที่สำคัญของประชาชนนั้นกลับคืนมา ซึ่งเมื่อการก่อสร้างที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังคงดำเนินการอยู่ แม้จะมีการคัดค้านจากประชาชน ก็ขอให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชนและร่วมกันหาทางออก และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่จริงจัง ชัดเจน โดยความหวังของประชาชนคือ มีการก่อสร้างที่เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชน ดังนั้น การลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ของคณะกรรมาธิการฯ สนช. ทำให้ประชาชนทุกคน มีความหวังมากขึ้นว่า ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยจะรอคำตอบที่ชัดเจนจากผู้มีอำนาจสูงสุดในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ประชาชนยังเตรียมที่จะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองขอนแก่น ในการขอให้มีการทำประชาพิจารณ์ใหม่อีกครั้ง ในประเด็นปัญหาดังกล่าวนี้” นายสุภีร์ กล่าวท้ายสุด
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๔ ฉบับที่ ๒๕๒๘ วันจันทร์ที่ ๑ - วันศุกร์ที่ ๕ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
872 1,620