September 25,2019
ศาลสั่งประหาร‘นวัธ’ สส.ขอนแก่นจ้างฆ่าปลัดอบจ.
ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต ‘นวัธ’ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ฐานจ้างวานฆ่าอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น สั่งชดใช้ค่าปลงศพ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ทนายความยื่นประกันตัว ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดอ่านคำพิพากษา คดีเลขดำที่ อ.๙๒๙/๖๑ ระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นกับจำเลย คือ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต ๗ พรรคเพื่อไทย ในความผิดฐานก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่น เช้าวันนี้คึกคักไปด้วยประชาชนที่สนใจในคดีดังกล่าว รวมทั้งคนในครอบครัวของนายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น รวมไปถึงข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่ ในสังกัด อบจ.ขอนแก่น เดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษาในคดีความดังกล่าวจำนวนมาก โดยศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังหรือเข้าไปสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยได้จัดพื้นที่ให้สื่อมวลชนรออยู่บริเวณศาลาพักญาติด้านหน้าศาล จังหวัดขอนแก่น เท่านั้น
โดยนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต ๗ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาที่ศาลด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก่อนที่จะขับรถไปจอดไว้ในจุดจอดรถ เพื่อเข้ารายงานตัวต่อศาลตามการนัดหมายและเดินเข้ารับฟังคำสั่งศาลที่ห้องพิจารณาคดีที่ ๗ ของศาลจังหวัดขอนแก่นทันที ขณะที่ นางลำดวน โคตรทุม ภรรยาอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อรับฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าว โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน ซึ่งศาลได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ ๑ ชม. ซึ่งมีคำพิพากษาประหารชีวิตนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต ๗ พรรคเพื่อไทย และให้ชดใช้ค่าปลงศพเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
จากนั้นเวลา ๑๒.๓๐ น. ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่สรุปคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๙๒/๖๑ คดีหมายเลขแดงที่ ๙๗๖/๒๕๖๒ ของศาลจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากเป็นคดีที่น่าสนใจและจำเลยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
โดยสรุปคำพิพากษาคดีดังกล่าว ระบุว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๙๒/๖๑คดีหมายเลขแดงที่ ๙๗๖/๒๕๖๒ ของศาลจังหวัดขอนแก่น ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นโจทก์ นางลำดวน โคตรทุม โจทก์ร่วม นายนวัธ เตาะเจริญสุข จำเลย คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้จ้างวานยุยงส่งเสริม ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญพล และ พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม กับพวก ให้ฆ่านายสุชาติ โคตรทุม ผู้ตาย ต่อมาเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ด.ต.วีระศักดิ์และพ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนพกยิงผู้ตายหลายนัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔,๒๙๙ จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ก่อนวันเกิดเหตุ ด.ต.วีระศักดิ์และพ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันวางแผนฆ่าผู้ตายซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น กระทั่งวันที่๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๗ นาฬิกา พ.ต.ท.สมจิตกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ด.ต.วีระศักดิ์และ พ.ต.ท.สมจิตกับพวกมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุก ด.ต.วีระศักดิ์กับพวกตลอดชีวิต และประหารชีวิต พ.ต.ท.สมจิต
คดีนี้ตามพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์รับฟังได้ว่า มูลเหตุในการฆ่าผู้ตายมาจากเรื่องชู้สาวที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภริยาจำเลย ส่วนปัญหาจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ศาลเห็นว่า ในความผิดฐานใช้จ้างวานยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นกระทำความผิดนั้นผู้ที่จะใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ได้ลงมือเอง ก่อนกระทำความผิดจะต้องมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อตัดตอนให้ตนเองห่างจากผู้ลงมือ เพื่อปกปิดการกระทำความผิดไว้เพื่อมิให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ร่วมกระทำความผิดล่วงรู้เพราะเกรงภัยจะมาสู่ตนได้โดยง่าย จึงยากที่จะหาประจักษ์พยานที่จะรู้เห็นได้การจะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่จะต้องพิจารณาจากพยานแวดล้อม พยานบุคคลที่เป็นพยานบอกเล่าวัตถุพยาน ซึ่งในคดีนี้โจทก์และโจทก์ร่วมมีบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของ ด.ต.วีระศักดิ์ยืนยันว่า ก่อนวันเกิดเหตุ ด.ต.วีระศักดิ์ขับรถยนต์พา พ.ต.ท.สมจิตไปพบนายประพันธ์ แล้วเดินทางไปบ้านจำเลย พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ไปในบ้านจำเลยเป็นเวลานาน หลังจากนั้น ด.ต.วีระศักดิ์ขับรถพา พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ผ่านหน้าบ้านผู้ตายแล้วขับกลับมาส่งนายประพันธ์ที่หน้าบ้านจำเลย และในวันเกิดเหตุ ด.ต.วีระศักดิ์ขับรถยนต์ไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านผู้ตาย ส่วน พ.ต.ท.สมจิต นายประพันธ์และนายบุญช่วยอยู่ที่รถยนต์อีกคันหนึ่งซุ่มดูเหตุการณ์บริเวณปากซอยทางเข้าบ้าน กระทั่งถึงเวลาเกิดเหตุเมื่อผู้ตายถอยรถยนต์ออกจากบ้าน ด.ต.วีระศักดิ์โทรศัพท์แจ้ง พ.ต.ท.สมจิต นายบุญช่วยขับรถยนต์ขวางหน้ารถผู้ตาย เมื่อผู้ตายลงมาจากรถ พ.ต.ท.สมจิตและนายประพันธ์ลงจากรถยนต์แล้วใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด จนถึงแก่ความตายทันในที่เกิดเหตุ ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวนั้นอยู่ในความรับรู้ของ ด.ต.วีระศักดิ์ ยากที่พนักงานสอบสวนจะปั้นแต่งเพื่อเอาผิดจำเลยได้ และเป็นการให้การหลังเกิดเหตุไม่นาน ด.ต.วีระศักดิ์ย่อมไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองเพื่อปรักปรำหรือช่วยเหลือฝ่ายใด ชี้ให้เห็นว่า ด.ต.วีระศักดิ์ให้การด้วยความสมัครใจ
คำให้การในชั้นสอบสวนของ ด.ต.วีระศักดิ์จึงน่าเชื่อถือนอกจากนี้ยังปรากฏว่าในช่วงก่อนวันเกิดเหตุทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุพ.ต.ท.สมจิตและจำเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อกันจริง พยานพฤติเหตุแวดล้อมของโจทก์และโจทก์ร่วมสอดคล้องเชื่อมโยงกันรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจริงจึงมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙ (๔) ประกอบมาตรา ๘๔ ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม
ด้าน พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผบก.สส.ภ.๔ กล่าวว่า คดีความดังกล่าวในฐานะเจ้าของสำนวนในสมัยที่ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิประจำ ภ.จว.ขอนแก่น วันนี้จึงเดินทางมาพร้อมกับโจทก์เพื่อรับฟังคำสั่งศาล ซึ่งศาลชั้นต้นของ ศาลจังหวัดขอนแก่น โดยศาลได้พิจารณาตามพยานหลักฐานเป็นที่ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลย คือ ส.ส.นวัธ ใช้จ้างวานให้บุคคลทั้ง ๔ ที่ถูกจับกุมและศาลได้มีการตัดสินไปก่อนหน้านี้นั้น ฆ่านายสุชาติ โคตรทุม อดีต ปลัด อบจ.ขอนแก่น ตามวัน และเวลา ที่เกิดเหตุจริง โดยมีพยานหลักฐานต่างๆ สอดคล้องต้องกัน จึงทำให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจในการฆ่า อีกทั้งพยานยังคงยืนยันทั้งพยานบุคคล นิติวิทยาศาสตร์ และทางโทรศัพท์ ทั้งหมดเมื่อนำมาประมวลกันแล้วจึงปราศจากข้อสงสัย ศาลท่านจึงมีคำตัดสินประหารชีวิตจำเลย แต่คดีก็ยังคงไม่ถึงที่สุด เพราะฝ่ายจำเลยจะขออุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม ทั้งคำให้การของผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวที่ตำรวจและพนักงานอัยการ ได้สอบไว้ ศาลท่านได้เชื่อว่าไม่ได้เป็นการปรุงแต่ง พยานจะมากลับคำในชั้นศาลก็ไม่ได้เป็นเหตุให้เชื่อ ทั้งนี้ การตัดสินโดยละเอียดนั้นต้องรอทีมทนายความอีกครั้ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่ศาลได้ควบคุมตัวนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ไว้ที่บริเวณห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาบริเวณชั้น ๑ ของศาล ขณะที่ทีมทนายความอยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องของประกันตัวในศาลชั้นต้น โดยไม่ให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อสื่อมวลชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ศาลยังคงกันพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนไว้ที่บริเวณศาลาพักญาติ โดยไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพในเขตอำนาจศาล ทั้งหมด
นายนวัธ เตาะเจริญสุข หรือชื่อเดิมประสิทธิ์ เป็นชาวพระนครศรีอยุธยา แต่สร้างฐานะและมีชื่อเสียงในจังหวัดขอนแก่น เข้าสู่การเมืองโดยเริ่มจากการเป็นสมาชิก อบจ.ขอนแก่น และรองนายกฯ อบจ.ขอนแก่น โดยแต่งงานกับนางสรพิกา เตาะเจริญสุข และส่งภริยาลงชิงนายก อบจ.ขอนแก่นเมื่อปี ๒๕๕๑ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง โดยภายหลังหย่ากัน ทั้งนี้ ลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก ปี ๒๕๔๘ ในนามพรรคมหาชน แต่แพ้การเลือกตั้ง ต่อมา ปี ๒๕๕๐ ลงสมัคร ส.ส.อีกครั้งในนามพรรคพลังประชาชน กระทั่งชนะการเลือกตั้งเรื่อยมา นอกจากนี้ นายนวัธ ยังมีชื่อเสียงจากการซื้อกิจการ บจก.แม็กซ์มวยไทย ด้วย
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๕๙๕ วันพุธที่ ๒๕ กันยายน - วันอังคารที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
903 1,699