February 21,2012
พท.ปลุกกระแสรักทักษิณ หวังพิชิตนายกอบจ.

เพื่อไทย’ลุยปราศรัยช่วยน้องส.ส.หาเสียง หวังพิชิตเก้าอี้นายกอบจ. โค้งสุดท้ายปลุกกระแสแดงรักทักษิณ การแข่งขันเข้มข้น ด้านกกต.พร้อมเลือกตั้งส.อบจ.บุรีรัมย์อีก ๔๒ เขต เผยจัดเลือกตั้งนายกฯ และส.อบจ.ไม่พร้อมกัน ทำให้สูญงบประมาณกว่า ๑๑๐ ล้านบาท
ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีกำหนดจะเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ(นายกอบจ.ชัยภูมิ) ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งมีผู้สมัคร ๓ คน ได้แก่ หมายเลข ๑ นายปัญญา กล้าแท้ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มส.อบจ.นายจารุเดช คนสมบูรณ์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงจ.ชัยภูมิ ลูกชายนายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ เพื่อไทย เขต ๒ และรมช.สาธารณสุข
หมายเลข ๒ นายสุริยน ภูมิรัตนประพิณ อดีตส.ว.ปี ๒๕๔๓ และนายกอบจ.ชัยภูมิสมัยล่าสุด เครือญาตินายพุฒิพงษ์ สงวนวงศ์ชัย ส.ส.จากบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ จ.ชัยภูมิ ที่เหลือหนึ่งเดียวในภาคอีสาน ให้การสนับสนุนที่ครั้งนี้ต้องรักษาฐานตัวเองชิงเก้าอี้กลับคืนมาให้ได้
หมายเลข ๓ นายมนตรี ชาลีเครือ อดีตส.อบจ.จัตุรัส น้องชายนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา และเป็นน้องชายนางปาริชาติ ชาลีเครือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต ๓ จ.ชัยภูมิ สายแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจ.ชัยภูมิอีกฝ่ายให้การสนับสนุน ครั้งนี้ศึกแดงเดือดจำต้องมาแข่งกันเองจากการสนับสนุนของกลุ่มส.ส.เพื่อไทย ในพื้นที่จ.ชัยภูมิด้วยกันเอง
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดในช่วงค่ำวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ พรรคเพื่อไทย นำส.ส.ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ณ สนามกีฬาเทศบาลเมืองชัยภูมิ ท่ามกลางคนเสื้อแดงกว่า ๑,๕๐๐ คน ที่มาฟังปราศรัยกันอย่างคึกคัก โดยส.ส.เพื่อไทยและแกนนำ ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายยุรนันท์ ภมรมนตรี และนายยศวรฤทธิ์ ชูกล่อม หรือเจ๋งดอกจิก ร่วมกับส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ได้แก่ นายเจริญ จรรย์โกมล, นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล, นายมานะ โลหะวาณิชย์, นายอนันต์ ลิ้มปคุปตถาวร และนางปาริชาติ ชาลีเครือ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเดินสายในเขตอ.หนองบัวแดง, เกษตรสมบูรณ์, ภูเขียว, บ้านเขว้า, จตุรัส และสุดท้ายที่อ.เมืองชัยภูมิ เพื่อช่วยนายมนตรี ชาลีเครือ ผู้สมัครชิงนายกอบจ.ชัยภูมิ หมายเลข ๓ ซึ่งเป็นน้องชายนายสุชน ชาลีแครือ อดีตประธานวุฒิสภา และปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี(ยิ่งลักษณ์) โดยแกนนำจากพรรคเพื่อไทยที่เดินทางมาช่วยผู้สมัครนายกอบจ.ชัยภูมิหาเสียงครั้งนี้ ต่างผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีขอคะแนนะเสียงจากคนชัยภูมิในแต่ละพื้นที่ โดยอ้างว่าได้รับการติดต่อจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ติดต่อมาจากต่างประเทศให้ลงมาช่วยนายมนตรี ชาลีเครือ และขอให้คนเสื้อแดงทุกคนที่ยังรักทักษิณ เลือกคนของพรรคเพื่อไทยที่ให้การสนับสนุนเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะนอกนั้นคือแดงเทียม
มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลุ่มส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ เตรียมการจับมือกับกลุ่มนายบรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ซึ่งเดิมให้การสนับสนุนน้องชายคือนายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย เป็นส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต ๒ ชัยภูมิ เพียงคนเดียวของจ.ชัยภูมิ เตรียมการย้ายฐานให้น้องชายอีกคน คือนายบัณฑูรย์ เกียรติก้องชูชัย อดีตส.ส.พรรคชาติไทย แต่ติดบ้านเลขที่ ๑๐๕ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองแล้วใกล้ครบ ๕ ปี และจะพ้นการถูกตัดสินในปีนี้ ให้กลับมาเตรียมลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย เขต ๒ แทนนายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ที่สอบตกเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และไปลงส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยแทน ซึ่งทำให้กระแสในการเลือกตั้งชิงนายกอบจ.ชัยภูมิครั้งนี้ นายมนตรี ชาลีเครือ ค่อนข้างมีฐานคะแนนเสียงจากทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง และฐานจากนายบรรยงค์ นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิเพิ่มอีกจำนวนมาก
แม้ผู้สมัครอีก ๒ คน คือหมายเลข ๑ นายปัญญา กล้าแท้ ที่หวังจะใช้กระแสคนเสื้อแดงบางส่วนจากการสนับสนุนของกลุ่มส.อบจ.ชัยภูมิ สายนายจารุเดช คนสมบูรณ์ อีกหนึ่งแกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดงในพื้นที่ ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของนายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.เพื่อไทย เขต ๗ อ.แก้งคร้อจ.ชัยภูมิ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน
ขณะที่นายสุริยน ภูมิรัตนประพิณ ผู้สมัครหมายเลข ๒ ซึ่งเป็นอดีตนายกอบจ.คนล่าสุด ที่มีฐานส.อบจ.ในสภาอบจ.ทั้งหมดรวม ๓๖ คน มากกว่าคนอื่นมากกว่าครึ่ง และมีฐานสัมพันธ์กลุ่มเครือญาติทางการเมืองในกลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายพุฒิพงษ์ สงวนวงศ์ชัย พี่ชายนายวุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย และรมช.อุตสาหกรรม ที่ติดบ้านเลขที่ ๑๑๑ ซึ่งในปีนี้จะพ้นการถูกตัดสินทางการเมืองออกมาหวนกลับคืนสู่สนามการเลือกตั้งระดับชาติในอีกไม่นานนี้ด้วยเช่นกัน
ทางด้านจังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ ๒๐ กุมภา พันธ์ ๒๕๕๕ นายเศรษฐพร เบญจศรีรักษ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำอบจ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตามที่กกต.ท้องถิ่นมีความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์(ส.อบจ.บุรีรัมย์) จำนวน ๔๒ เขตเลือกตั้งใน ๒๓ อำเภอ โดยจะมีขึ้นในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งขณะนี้มีการจัดเจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไว้รองรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเป็นไปด้วยความโป่รงใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม พร้อมทั้งย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องวางตัวเป็นกลาง ไม่อิงผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตย
สำหรับการเลือกตั้งส.อบจ.บุรีรัมย์ครั้งนี้ อบจ.ได้จัดสรรงบประมาณดำเนินการเลือกตั้งกว่า ๕๗ ล้านบาท มีเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้ง และดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งหมด ๒๕,๐๐๐ คน ใน ๒,๔๔๒ หน่วยเลือกตั้ง จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ๑,๑๒๐,๖๑๑ คน ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่า ๕๐% ซึ่งจะต้องมากกว่าการเลือกตั้งส.อบจ.เมื่อปี ๒๕๕๑ ที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง ๔๘% เท่านั้น พร้อมเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการแข่งขันเข้มข้นและรุนแรง ระหว่างผู้สมัครส.อบจ.และถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จับตาเป็นพิเศษนั้น คาดว่า จะมีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเขตอ.เมือง, นางรอง, สตึก, ประโคนชัย, กระสัง, ปะคำ, โนนสุวรรณ, เฉลิมพระเกียรติ, ลำปลายมาศ และ อ.คูเมือง ซึ่งอาศัยฐานคะแนนเสียงของหลายพรรคการเมือง เช่น พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย
ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำอบจ.บุรีรัมย์ ยังกล่าวอีกว่า ครั้งนี้มีผู้สมัครส.อบจ.บุรีรัมย์ จำนวน ๑๑๗ คน แยกเป็นชาย ๙๘ คน หญิง ๑๙ คน ถูกตัดสิทธิ์ ๓ คนเป็นชายทั้งหมด เนื่องจากอายุไม่ถึง และยังเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นอยู่ ทำให้เหลือผู้สมัครส.อบจ.๑๑๔ คน เป็นชายทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง ทั้งอดีตผู้สมัครส.ส. อดีตสมาชิกสภาอบจ.บุรีรัมย์ ข้าราชการบำนาญ ผู้ท้องถิ่น และผู้นำชุมชน โดยขอแจ้งเตือนผู้สมัครที่จะลงพื้นที่หาเสียงให้ระมัดระวัง อาจเข้าข่ายในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ พร้อมทั้งขณะนี้ทางกกต.กลาง และกกต.จังหวัด ได้ส่งชุดสืบสวนหาข่าวลงพื้นที่ เพื่อไปเข้าไปสืบสวนหาข่าวในพื้นที่แล้ว หากมีการกระทำผิดก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้งได้
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศการ หาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้ง ๔๒ เขต ล่าสุดเป็นไปด้วยความคึกคักในช่วงโค้งสุดท้าย โดยผู้สมัครแต่ละคนได้ออกพบปะประชาชนตามหมู่บ้าน ตำบลในเขตเลือกตั้งของตนแบบเคาะประตูบ้าน พร้อมจัดทีมงานออกไปติดโปสเตอร์และมีรถโฆษณาตระเวนหาเสียงในเขตพื้นที่เลือกตั้งตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกัน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อบจ.บุรีรัมย์ต้องสูญเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง ๒ ครั้ง ทั้งเลือกตั้งนายกอบจ. และส.อบจ.บุรีรัมย์ ที่จัดการเลือกตั้งไม่พร้อมกัน โดยนายกอบจ.เลือกตั้งเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ ใช้งบประมาณกว่า ๕๓ ล้านบาท และการเลือกตั้งส.อบจ.ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ใช้งบประมาณกว่า ๕๗ ล้านบาท ทำให้ต้องใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งไปกว่า ๑๑๐ ล้านบาท
ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๒๐๖๙ วันจันทร์ที่ ๒๐ - วันศุกร์ที่ ๒๔ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๕
795 1,607




