July 18,2020
เสียดาย‘ไกรสร กองฉลาด’ ท้วง‘มท.ขยันย้ายผู้ว่าสุรินทร์’ ๑๕ ปีเปลี่ยนผู้ว่า ๑๒ คน
ฟ้าผ่าเมืองสุรินทร์ มท.ย้ายผู้ว่าฯ ไปนครพนม ชาวเมืองบ่นเสียดาย ทำงานแก้ไขปัญหาเพื่อราษฎรมาตลอด อดีตผู้ว่าฯ ท้วง ๑๕ ปีที่ผ่านมา มท.ย้ายผู้ว่าฯ แล้ว ๑๒ คน ด้าน ‘ไกรสร กองฉลาด’ ชี้ไม่รู้ตัวมาก่อน ขออย่าเคลื่อนไหวคัดค้าน ขรก.จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งนาย
ตามที่เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยในวาระที่ ๒๓ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง จำนวน ๓๖ ราย รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในหลายจังหวัด รวมทั้งมีคำสั่งย้ายนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ให้นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาดำรงตำแหน่งแทน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ นั้น
ภายหลังการเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ส่งผลให้ประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์แสดงความไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากนายไกรสร กองฉลาด เป็นลูกหลานของชาวสุรินทร์ และเพิ่งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้เพียง ๑๐ เดือนเท่านั้น โดยตลอดระยะเวลามีความตั้งใจทำงาน ออกพื้นที่พบปะและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยตลอด จึงเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ถูกใจคนสุรินทร์อย่างมาก แต่เมื่อมีคำสั่งย้าย จึงมีหลายคนออกมาระบุว่า “ชาวสุรินทร์เตรียมม็อบ ยังไม่ถึงเวลา ขอผู้ว่าฯ เราคืน”, “อยากไปประท้วง ขอผู้ว่าฯ สุรินทร์คืนมาๆ จะย้ายผู้ว่าฯ ถามประชาชนบ้างไหม มหาดไทย” เป็นต้น โดยนายคราศรี ลอยทอง ทนายความและสื่อมวลชน ยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ข่าวย้ายผู้ว่าปานฟ้าผ่าเมืองสุรินทร์ เคราะห์กรรมไม่หมดสิ้น ทำไมเมืองสุรินทร์คนดีอยู่ได้ไม่นาน”
ทางด้านนายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ เขต ๑ พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า “เพิ่งเจอผู้ว่าที่ถูกใจ แต่ต้องไปเสียแล้ว #เสียความรู้สึกมาก เมื่อวานได้มีโอกาสเข้าพบท่าน คุยกันถึงแนวทางเปลี่ยนเมือง เพิ่มอาชีพ สร้างสุรินทร์เป็นเมืองสมุนไพร สร้างความมั่นคง เรื่องน้ำเพื่อการ อุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตร เพื่อการท่องเที่ยว สร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร ด้านปศุสัตว์ แก้ปัญหา เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ การค้าชายแดนกัมพูชา (๗-๘ สิงหา กรรมาธิการต่างประเทศ จะลงพื้นที่ด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์) แก้ปัญหาที่ดินที่ทำกิน (๑๘ กรกฎา กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิ) ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์”
ในขณะที่เพจ “สุรินทร์108ดอทคอม สังคม Online ดี ดี ของชาวสุรินทร์” โพสต์ข้อความว่า “ชาวสุรินทร์เศร้าหนักกว่าโควิดกลับมารอบสอง ก็ข่าวย้ายผู้ว่าฯ.... ถ้าชาวสุรินทร์จะร้องให้มหาดไทยทบทวนคำสั่งอีกครั้ง จะเป็นไปได้ไหม? งานที่ท่านทำกำลังไปด้วยดี กำลังจะเริ่มงานแก้ไขปัญหา ก็ต้องไปซะแล้ว ท่านต่อไปมา กว่าจะได้เริ่มต้นแก้ปัญหาก็ต้องทำความเข้าใจปัญหาต่อไปเกือบปี จะโดนสั่งย้ายอีกไหม? แล้วสุรินทร์เมื่อไหร่จะได้พัฒนา?”
“ตั้งแต่วันแรก ที่ผู้ว่าคนนี้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ไม่มีวันไหนที่ท่านไม่ทำงาน อย่างที่ทราบว่าสุรินทร์มีปัญหาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่เกิดจากคน เรื่องที่เกิดจากธรรมชาติ เราเห็นผู้ว่าฯ ท่านนี้ทำงานแข็งขัน หลายๆ เรื่องคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ... หลายเรื่องที่ไม่มีผู้ว่าคนไหนกล้าทำ ท่านก็มาทำต่อให้เสร็จ ...แต่ .... คนดีดี คนขยัน ขยัน อยู่สุรินทร์นานๆ ไม่ได้จริงๆ ครับ มึใครบางคนกลัวสุรินทร์เราจะเจริญ(มั้ง) ตุลาฯ นี้ ท่านจะต้องย้ายไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่นครพนมแล้วนะครับ สองสามเดือนที่เหลือนี่ คนสุรินทร์ก็ร่วมไม้ ร่วมมือ ช่วยกันเป็นแรงใจ แรงงาน ให้ผู้ว่าได้ช่วยพัฒนาสุรินทร์ให้ได้มากที่สุด ผมเชื่อว่าที่ท่านนำพาเราทำนั้น ท่านคิดมาดีแล้วว่าแก้ปัญหาให้ชาวสุรินทร์ได้แน่นอนครับ”
ในขณะที่นายเกษมศักดิ์ แสนโภชน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ในฐานะที่เป็นคนสุรินทร์ ผมเสียดายที่ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดคนที่ ๕๖ ต้องย้ายตามคำสั่งของผู้มีอำนาจให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ในวันที่ ๑ ต.ค. ๒๕๖๓ ผมเสียดายความมุ่งมั่น ความตั้งใจแน่วแน่ในการทำงานให้บ้านเกิดของบิดา ผมเสียดายคนดี คนเก่ง คนเข้าใจ คนเข้าถึง ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสงครามกับความยากจนของเกษตรกรจังหวัดสุรินทร์กำลังเริ่มดำเนินการหลังจากการต่อสู้กับโควิด-๑๙ บรรเทาเบาบางลง โดยการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ และต่อยอด เกษตรอินทรีย์วิถีสุรินทร์ ๔.๐ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดนำร่องเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทยมาตั้งแต่ ๑๒ พ.ย. ๒๕๔๔ ดังจะเห็นได้จากภาพ นายไกรสร กองฉลาด ได้ลงตรวจการขุดแหล่งน้ำในไร่นาของเกษตรกรที่บ้านสำโรง ตำบลหนองสนิท อำเภอจอมพระ เมื่อบ่ายวันที่ ๑๔ ก.ค. ๒๕๖๓ ที่บริษัทเซ็นทรัลบริจาคค่าน้ำมัน ๖๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เครื่องจักรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ดำเนินการขุด และกำลังจะมีภาคเอกชนที่มีรถแมคโคร จะนำรถแมคโครมาสมทบในการขุดแหล่งน้ำในไร่นาเพิ่มเติมให้เร็วขึ้น”
นายเกษมศักดิ์ ระบุอีกว่า “ผมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์คนที่ ๔๕ มาถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา ๑๕ ปี มีผู้ว่าราชการผลัดเปลี่ยนกัน ๑๒ คน กระทรวงมหาดไทยมีความขยันขันแข็งในการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์อย่างมากแล้วจะหาความต่อเนื่องในการทำงานได้อย่างไร มิหนำซ้ำรองผู้ว่าราชการจังหวัด ๓ คนให้มาปฏิบัติราชการที่จังหวัดสุรินทร์ ๒ คน อีก ๑ คนให้ไปช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย ทั้งๆ ที่จังหวัดสุรินทร์มีประชากรมากเป็นลำดับที่ ๑๐ ของประเทศไทย ผมเป็นคนมหาดไทยที่เริ่มเบื่อบ้านของตนเองแล้วครับ (๑๔ ก.ค. ๒๕๖๓)”
ภายหลังจากที่มีประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “กราบเรียนพี่น้องชาวจังหวัดสุรินทร์ที่เคารพทุกท่าน ทุกท่านคงทราบข่าวแล้วนะครับว่า ๑ ตุลาคม ครม.มีมติเห็นชอบให้ผมเดินทางไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กราบเรียนด้วยความเคารพครับว่า ไม่รู้ตัวมาก่อน คิดแต่ว่าจะวางแผนเดินหน้าพัฒนาสุรินทร์อย่างไร เพราะเราเสียเวลาไปในช่วง Covid-19 ไปมากครับ แต่ผมในฐานะข้าราชการ ต้องมีวินัย ต้องน้อมรับคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องกราบขอบคุณพี่น้องหลายท่านที่ส่งกำลังใจให้กัน และที่สำคัญคือหากรักกันจริงขอได้โปรด ให้เรื่องนี้ผ่านไปครับ เพราะผมเชื่อว่าทางกระทรวงท่านมีเหตุผลของท่าน และท่านที่จะย้ายมาแทนผมนั้น ก็น่าเชื่อว่า กระทรวงได้พิจารณามาแล้วเป็นอย่างดี ขออย่าได้โปรด เคลื่อนไหว กดดันอะไรเลยเพราะนอกจากจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ซ้ำร้ายจะเป็นผลเสียต่อตัวของผมเองด้วยครับ และผมจะใช้เวลาที่เหลือก่อนย้ายต่อจากนี้ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินบรรพบุรุษให้ดีที่สุดครับ”
อนึ่ง นายไกรสร กองฉลาด เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๐๘ จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สังคมวิทยาการพัฒนา) มหาวิทยาลัยขอนแก่น เริ่มรับราชการในตำแหน่งปลัดอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ กระทั่งปี ๒๕๔๔ ย้ายไปดำรงตำแหน่งป้องกันจังหวัดขอนแก่น (เจ้าพนักงานปกครอง ๗) ก่อนที่จะเติบโตในหน้าที่ เป็นปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง (เจ้าพนักงานปกครอง ๘ว.) อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น, ป้องกันจังหวัดมหาสารคาม (เจ้าพนักงานปกครอง ๘ว.), นายอำเภอซำสูง (ผู้อำนวยการระดับต้น), นายอำเภอกระนวน (ผู้อำนวยการสูง) จังหวัดขอนแก่น, ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์, ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด จากนั้นปี พ.ศ.๒๕๕๗ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม, วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์, วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ จากนั้นในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ย้ายมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และล่าสุดในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ มีคำสั่งจากผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยให้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒๖๓๖ วันพุธที่ ๑๕ - วันอังคารที่ ๒๑ เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
30 1,804